บทที่ 5 EP. 05
พีรพลแอบมองที่จากกระจกจากห้องทำงานชั้น 6 ของตัวอาคาร แอบเสียดายและเสียใจ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ถ้าเขาไม่ทำตามอาจจะมีผลกระทบต่อธุรกิจก็เป็นได้ ลูกน้องอีกจำนวนหลายชีวิตจะอยู่กันอย่างไร บางทีความเห็นแก่ตัวกับคนหนึ่งคนมันก็จำเป็น ในยามที่ต้องเลือกอีกหลายๆ คนจำนวนมากกว่า
“เธอไปแล้วครับพี่ปัญญ์ เธอออกไปจากบริษัทผมแล้ว”
ไม่มีคำพูดอะไรจากปลายสายนอกจากคำว่า ‘อืม’ แล้วตัดสายไป ชายหนุ่มนั่งลงหมดเรี่ยวแรง จัดตั้งบริษัทมาก็หลายปี ไม่เคยไล่พนักงานคนไหนออกอย่างเลือดเย็นเหมือนเวลานี้ คนที่เขาไล่ออกนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเกี่ยวกับหน้าที่การงานเลย กลับทำได้ดีมากทีเดียว การถอนหายใจช่วยให้เขาผ่อนคลายได้มากโข ประตูห้องถูกล็อก โทรศัพท์ถูกถอดสายออก มือถือปิดเครื่อง เวลานี้พีรพลไม่ต้องการพบใครหรือพูดคุยกับใคร ชายหนุ่มหลับตาพิงพนักเก้าอี้ และมันเป็นอยู่อย่างนั้นจนมืดค่ำไม่เหลือพนักงานสักคนนั่นแหละ เขาถึงกลับออกจากบริษัท
ณ ห้องเช่าราคาถูก แค่เดือนละหนึ่งพันต้นๆ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของวันใหม่ จากคุณหนูในครอบครัวที่มีฐานะอยู่ดีกินดี ก็ต้องมาทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ไหนจะต้องส่งเสียเงินให้พี่ชาย ซึ่งเรียนหมออยู่ต่างประเทศเดือนละหลายหมื่น เรียกว่าแทบชักหน้าไม่ถึงหลัง เธอจึงละทิ้งความสะดวกสบายส่วนตัว หวังว่าสักวันหนึ่งเมื่อพี่ชายเรียนจบ ตนเองก็คงมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ หญิงสาวที่นั่งลงกับพื้นห้องอย่างหมดเรี่ยวแรง รอยยิ้มที่เจืออยู่บนใบหน้าเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน ความเข้มแข็งที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นรู้ว่าเธอไม่เป็นอะไร บัดนี้หน้ากากได้ถูกถอดทิ้งทำลาย ทำนบน้ำตาที่กักเก็บเอาไว้พังครืนทะลัก หญิงสาวร้องไห้หนักฟุบกับหลังมือในท่านั่งชันเข่า ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับตนเองเช่นนี้
ลำพังแค่ตัวเองคงไม่ลำบาก เพราะเชื่อในความสามารถของตน แต่เมื่อนึกถึงพี่ชาย มันจะมีงานที่ไหนที่เขากล้าให้เงินเดือนตนเองแพงๆ เหมือนที่เดิม หากแค่ค่าจ้างขั้นต่ำตามที่ทางรัฐบาลกำหนด มันคงทำให้ทั้งตนเองและพี่ชายไม่พอใช้ วันใหม่คิดไม่ตกร้องไห้หนัก มองซองสีขาวในมือ จริงอยู่ว่ามันจะทำให้เธอสบายไปอีก 2-3 เดือน แต่หลังจากนั้นล่ะ เมื่อคิดได้หญิงสาวก็ไม่เสียเวลาที่จะร้องไห้อีก เธอต้องไม่รอให้ถึงวันที่เงินหมดมาเยือน ทุกอย่างต้องมีการวางแผน ให้มันรู้ไปว่าคนขยันจะอดตาย หญิงสาวคิดเอาไว้ว่าจะไม่บอกเรื่องที่ถูกไล่ออกให้พี่ชายทราบ เพราะเธอไม่อยากให้เขากังวลใจ
หญิงสาวจะไม่ปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปโดยเสียเปล่า รีบจัดแจงอาบน้ำปลดปล่อยให้ความทุกข์ไปกับสายน้ำ เธอแต่งกายสบายด้วยเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยืนขาสั้น แต่ไม่สั้นจนหน้าเกลียดที่เห็นไปถึงโคนขา ผูกผมรวบตึงไว้ด้านหลัง แล้วรีบเดินลงบันไดจากชั้น 4 ของอพาร์ทเม้นท์ที่ตนเองเช่าอาศัยอยู่ ไปยังร้านหนังสือแถวๆ นั้น หยิบหนังสือฉบับรายสัปดาห์เกี่ยวกับการหางานมา 5 ฉบับด้วยกัน และไหนจะเปิดอินเตอร์เน็ตเพื่อหางานให้ตรงใจอีก ตั้งแต่บ่ายจนดึกเธอได้งานที่น่าสนใจหลายที่ และวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่หญิงสาวชีพจรลงเท้าอีกครั้ง มันต้องมีงานดีๆ สักงานที่รอเธออยู่ ความหวังกลับเข้ามา
วันใหม่เชื่อว่าสิ่งใหม่ๆ ต้องเกิดขึ้นในแต่ละวันเสมอ เหมือนกับชื่อของตัวเอง คุณพ่อเป็นคนตั้งให้และท่านได้บอกว่า ‘คนเราท้อได้แต่อย่ายอมแพ้ สิ่งใหม่ๆ รออยู่ในวันพรุ่งนี้เสมอ’ แต่วันนี้คนที่สอนและคอยบอกเธอในวันนั้น กลับเป็นคนยอมแพ้เสียเอง หญิงสาวคิดแล้วก็พานจะร้องไห้ออกมาอีก เธอจึงได้แต่มองเพดานห้องเพื่อไล่น้ำตากลับไป สมเพชตัวเองจากคุณหนูที่อยู่อย่างสบายกลับต้องมาลำบาก แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของท่าน นายแพทย์ตะวัน สิทธิสาโรจน์ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการแพทย์ กลับหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย คิดถึงเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีที่แล้ว หญิงสาวรู้สึกว่ามันเจ็บจี๊ดเสมอ ราวกับเป็นแผลเหอวะหวะที่ไม่มีวันต่อติดในใจเธอ วันใหม่เข้าใจทั้งคุณพ่อและทุกๆ คนดี เธอจึงปล่อยให้ท่านได้อยู่ตามลำพังตามที่ท่านต้องการ ส่วนเธอก็ขอเป็นคนดูแลพี่ชายด้วยตัวเอง แม้มันจะลำบากเจียนตาย
บางครั้งเมื่อเหนื่อยเมื่อท้อ ต้องการแค่คำพูดปลอบประโลม หรือกำลังใจจากคนในครอบครัว แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่มี หญิงสาวจึงหาวิธีที่สามารถช่วยปลอบใจตนเอง ด้วยการนั่งกอดเข่าตัวเอง แล้วมองภาพของครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แค่นี้ก็ทำให้เธอมีรอยยิ้มขึ้นมาทุกๆ ครั้ง
ไวยปัญญ์รู้ดีว่าเหยื่อยังไม่กินเบ็ดในเร็วๆ นี้ เพราะวันใหม่คงต้องหางานอื่นๆ อีกหลายที่ ตามสายที่ตนเองได้เรียนมา แต่มันจะเป็นได้แค่ความคิดเท่านั้น เขามีแผนสองเตรียมรองรับไว้เป็นที่เรียบร้อย วันนี้หากวันใหม่สังเกตสักนิด ก็จะรู้ว่ามีใครตามหลังตัวเองอยู่ทุกฝีก้าว คนของไวยปัญญ์รายงานเจ้านายละเอียดยิบ ว่าเธอเข้าไปสมัครงานหรือสัมภาษณ์ที่ไหนบ้าง ทุกที่ให้การต้อนรับเธออย่างดี แต่ก็ตบท้ายด้วยคำปฏิเสธแสนสุภาพ ‘ได้พนักงานใหม่แล้ว’ ทั้งๆ ที่บางบริษัทยังไม่ดึงป้ายประกาศรับสมัครงานออกเลย แต่วันใหม่ก็ไม่ย่อท้อ เธอทำอยู่อย่างนี้เป็นเดือนๆ ไวยปัญญ์ก็ให้คนของเขาติดตามอยู่ตลอด
