บทที่ 6 EP. 06

ทุกสายที่โทร.เข้ามารายงาน เลขาส่วนตัวก็จะทำหน้าที่เจรจาต่อรอง เพื่อไม่ให้บริษัทดังกล่าวรับหญิงสาวเข้าทำงาน แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่มีใครกล้าปริปากถามหากไม่ใช่เรื่องาน ชายหนุ่มนั่งยิ้มอารมณ์ดีอยู่ในห้องทำงาน หลังได้รับการรายงานจากเลขาหน้าห้อง ว่าวันนี้ได้โทรไปยังทุกบริษัทที่วันใหม่ไปสัมภาษณ์งาน ทุกสถานที่ให้ความร่วมมืออย่างดี

เพราะเขาได้ให้เลขาแจ้งไปว่าผู้หญิงคนนั้นอันตราย เป็นคนมีภัยต่อองค์กร ทางการกำลังสืบค้นหลักฐานกันอยู่ แค่นี้ก็ทำให้ทุกบริษัทเชื่อถือได้ ทั้งยังโทร.ไปจากบริษัทในเครือปัญจสิทธิ์ที่ใครๆ ต่างก็รู้จัก ยิ่งไม่กล้ามีปัญหา เพราะหากใครที่ดื้อไม่ยอมให้ความร่วมมือ คิดว่าก็คงโลดเล่นอยู่ในถนนธุรกิจได้อีกไม่นาน สุดท้ายไม่มีที่ให้ยืนเพราะเขาจะบีบจนเป็นจุลเลยทีเดียว

‘เธอจะต้องซมซานมาหาฉันแม่นกน้อย แล้วฉันก็จะรอวันนั้น... เพราะมันอีกในไม่ช้านี้แหละ’

ไวยปัญญ์ยิ้มเยาะ เวลาแก้แค้นของเขากำลังใกล้เข้ามา อีกไม่นานเกินรอเขาก็จะได้ทำหน้าที่บุตรชายของตระกูล ที่แก้แค้นให้กับครอบครัวได้เสียที ภาพบิดา มารดา และน้องชาย รวมทั้งเขาอยู่ด้วยกำลังมีความสุขในครอบครัวเล็กๆ ที่กำลังเจริญเติบโตทั้งธุรกิจและเงินทอง กลับต้องมาสูญสิ้นไป ความรู้สึกวังเวงและมืดมนในวันนั้นเขายังจำได้ดี คุณปู่และคุณย่าญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียง 2 คนรักเขามาก และเขาก็รักท่านมากเช่นกัน  ทั้งสามคนให้กำลังใจกันเสมอมา เวลานั้นอันดามันเพิ่งคลอด ยังไม่รับรู้ถึงวิกฤติร้ายแรงที่เกิดขึ้น แต่ถึงจะลำบากบากเข็ญอย่างไร คุณปู่ท่านก็นำพาเขาและน้องผ่านเรื่องเลวร้ายไปได้ด้วยดี จนกระทั่งให้เขามาสานต่อกิจการ และขยายอาณาเขตจนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

‘กว่าฉันจะมีวันนี้ได้ มันต้องแลกกับความเจ็บปวด เหงาใจ และเสียใจเพียงใด... เธอรู้บ้างหรือเปล่าวันใหม่’

ภาพหญิงสาวที่ยืนถ่ายรูปหน้าตรงอมยิ้มนิดๆ ถูกเขาขยำแล้วปาทิ้งไปบนพื้นห้อง ถ้าทำได้คงตามไปกระทืบซ้ำ แต่คิดว่ามันไม่จำเป็นอีก เพราะไม่นานเธอก็จะเข้ามาในครอบครัวเขาเอง ถึงเวลานั้นเขาจะทำอะไรกับเธอก็ได้ ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นคือ ‘ทาส’ ที่ต้องรับใช้ และชดใช้ไปตลอดชีวิต

‘ทำไมงานมันถึงได้หายากหาเย็นอย่างนี้นะ นี่ก็เกือบจะเดือนอยู่แล้ว’

หญิงสาววางกระเป๋าสะพายราคาถูกไว้บนเตียง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น แล้วรินน้ำใส่แก้ว ดื่มกินรวดเดียวหมด ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นซองจดหมายที่ถูกสอดเข้ามา แค่เห็นจ่าหน้าซองก็รู้แล้วว่าเป็นใคร วันใหม่ไม่รอช้าวางแก้วลง แล้วรีบหยิบจดหมายฉบับนั้น พร้อมเปิดอ่านเนื้อหาข้างในโดยเร็ว

ความห่อเหี่ยวเริ่มมาเยือนอีกครั้ง เนื้อหาในจดหมายนั้นระบุว่า ระฟ้าผู้เป็นพี่ชายได้ขอเงินจากเธอเพิ่มอีกเป็นสองเท่าตัวสำหรับเดือนนี้ เพราะมันเป็นเทอมสุดท้าย ที่ต้องมีการวิจัยและอีกค่าใช้จ่ายสารพัด หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ แล้วเดินไปเปิดลิ้นชักบนหัวนอน เห็นซองสีขาวที่ตอนนี้สภาพซองเริ่มขาดยุ่ย เธอหยิบธนบัตรในนั้นออกมานับดูแล้วคำนวณ

ถ้าเดือนนี้ยังไม่ได้งาน อนาคตของเดือนต่อไปคงดับวูบแน่ แต่ยิ่งหาก็ยิ่งเหนื่อยและท้อ ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ไม่มีสักที่ ที่ยื่นมือรับตนเองไว้เลย งานมันหายากเพียงนี้เชียวเหรอ? หญิงสาวคิดไม่ตก เป็นห่วงพี่ชายก็เป็นห่วง เสียงพ่นลมหายใจดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เธอกำลังจะล้มตัวลงนอน แค่เอนเท่านั้นก็ต้องรีบปรับท่าให้นั่งตามปกติ เพราะโทรศัพท์ราคาถูกกำลังแผดเสียงร้องเรียก หญิงสาวคิดว่าต้องเป็นบริษัทที่ตนเองไปสัมภาษณ์งาน โทร.มาบอกข่าวดีเป็นแน่ จึงรีบกดรับโดยไม่ทันได้ดูเบอร์เสียด้วยซ้ำ

“สวัสดีค่ะ วันใหม่รับสายค่ะ”

“คุณใหม่นี่ผมเอง... พี” ทั้งคู่เงียบไปพร้อมกับอยู่ชั่วครู่ แล้ววันใหม่ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

“คุณพีสบายดีเหรอคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ ถึงโทร.หาใหม่ได้”

“ครับผมสบายดี คุณใหม่ได้งานใหม่ทำหรือยัง”

“ยังเลยค่ะ งานสมัยนี้หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีกค่ะ”

หญิงสาวพยายามปรับน้ำเสียงให้ดูเป็นปกติ แต่ปลายสายที่ฟังอยู่ก็รู้ว่ามันสั่นๆ เหมือนคนกำลังจะร้องไห้ ทุกอย่างเขาเสียใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และคิดว่าผู้หญิงเก่งอย่างวันใหม่ มีหรือที่บริษัททั้งหลายแหล่จะไม่รับตระครุบตัว ยกเว้นเสียจากจะเป็นฝีมือของไวยปัญญ์ นักธุรกิจรุ่นพี่ของเขา

“คุณใหม่ทิ้งนามบัตรของคุณไวยปัญญ์ เพื่อนรุ่นพี่ของผมหรือยังครับ”

เมื่อถูกถามขึ้นก็ทำให้เธอนึกขึ้นได้ หญิงสาวรีบเดินไปเปิดลิ้นชักที่หัวเตียงอีกครั้ง และเห็นมันกำลังนอนอยู่ด้านล่างสุด เพราะตั้งแต่ได้มาเธอไม่เคยหยิบมันขึ้นมาอ่านโดยละเอียดเลย

“ยังอยู่ค่ะ ทำไมเหรอคะคุณพี”

“เขาสนใจจะให้คุณใหม่ไปเป็นพี่เลี้ยงสอนวาดภาพ แล้วก็ทำอะไรเกี่ยวกับการตกแต่งบ้านให้กับน้องสาวเขาน่ะครับ คุณปัญญ์เขารู้ว่าคุณใหม่เป็นคนมีฝีมือ เห็นว่าเงินเดือนเขาแล้วแต่คุณใหม่จะเรียก”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป