บทที่ 2 บทที่ 2
บทที่ 2
“ขิมผ่านเข้ารอบสุดท้ายแล้วค่ะพ่อ รายการเพิ่งประกาศวันนี้ แต่อีกสองอาทิตย์ถึงจะออนแอร์ ขิมรู้ปุ๊บก็รีบกลับมาหาพ่อกับน้ารสทันทีเลย ดีใจกับขิมไหมคะ”
“ดีใจสิลูก ขิมเก่งมากลูก” อยุทธกอดลูกสาวแน่นด้วยความดีใจสุดจะบรรยาย เขารู้ดีว่าภัคธีมารักการร้องเพลงมากแค่ไหน พรสวรรค์นี้ลูกสาวของเขาได้มาจากภรรยาที่เสียไปแล้ว ซึ่งถ้าหทัยรัตน์ได้รู้ เธอจะต้องภูมิใจในตัวนางฟ้าตัวน้อย ที่ตอนนี้โตเป็นสาวเต็มตัวมากแน่ๆ
“แต่ว่าพ่อกับน้ารสคงต้องทนคิดถึงขิมหน่อยนะคะ เพราะเวลาเข้าเก็บตัวช่วงที่แข่งขัน ทางรายการจะไม่ให้ติดต่อสื่อสารกับคนภายนอกเด็ดขาด ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัว ขิมก็เลยอยากมาขอกำลังใจจากพ่อกับน้ารสก่อน”
“ไม่เป็นไรลูก พ่อกับน้ารสจะไปเชียร์หนูทุกสัปดาห์ เราคงได้เจอกันที่นั่น แม้จะไม่นานแต่ก็น่าจะชดเชยความคิดถึงได้”
“ขอให้ขิมประสบความสำเร็จในการแข่งขันสมดังหวังนะลูก” มธุรสกล่าวอวยพรพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวหลานสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาตั้งแต่เยาว์วัย
“ขอบคุณค่ะน้ารส ขิมรักพ่อกับน้ารสนะคะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างอ้อนๆ ก่อนจะซุกเข้าหาอกพ่ออีกครั้ง จากนั้นทั้งสามคนก็เดินตามกันเข้าบ้านด้วยความรู้สึกอันอบอวลไปด้วยความรัก
บรรยากาศในไร่หทัยรัตน์ยามกลางคืนเต็มไปด้วยความเงียบสงบ อากาศเย็นสบายชุ่มฉ่ำ เพราะมีหยาดพิรุณโปรยปรายลงมากระทบหลังคาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ ราวกับจะขับกล่อมคนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านให้นอนหลับสบาย
ร่างบางซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบสบายๆ นำผ้าขนหนูไปพาดไว้บนราวตากผ้า หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะพาตัวเองไปยังเตียงนอนที่ไม่ได้ใช้มันมานานกว่าสามเดือน เรียวปากอิ่มสวยได้รูปคลี่ยิ้มบางๆ ขณะกวาดสายตามองห้องนอน ภายในตกแต่งด้วยโทนฟ้าซึ่งเป็นสีโปรดของเธอ เตียงนอนเป็นเตียงสี่เสามีมุ้งสีขาวสะอาดตาทำเป็นกระโจมอย่างน่านอน ซึ่งมันควรจะเป็นเช่นนั้นหากว่าตอนนี้จะไม่มีอะไรบางอย่างติดค้างอยู่ในใจ
รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเมื่อความแง่งอนน้อยใจแล่นเข้ามากระทบความรู้สึก เธอโทร.หาธาวินตั้งแต่มาถึง แต่เขาก็ไม่รับสายแถมยังไม่โทร.กลับ ภัคธีมานั่งลงบนเตียง มือบางควานไปหาโทรศัพท์ กดโทร.ออกหาหมายเลขคนสำคัญอีกครั้ง ก่อนจะยกขึ้นแนบหูอย่างรอคอยให้มีคนรับสาย แต่สุดท้ายก็ต้องค่อยๆ ลดมือลงแล้วกดวางด้วยความผิดหวัง
“ทำไมพี่วินไม่รับสายนะ” เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเอง
“โทร.หาใครจ๊ะหลานสาวคนสวยของน้า” มธุรสที่ผลักประตูเข้ามาพอดีเอ่ยถามเสียงนุ่มเจือไว้ด้วยความอบอุ่น เมื่อเห็นหลานสาวทำหน้ามุ่ยๆ
“โทร.หาพี่วินค่ะน้ารส แต่พี่วินไม่รับสายขิมเลย”
“คุณวินคงยุ่งอยู่มั้งจ๊ะ”
“ยุ่งทั้งวันเลยเหรอคะน้ารส นี่ก็ค่ำแล้วนะคะ น่าจะไม่ต้องทำงานอะไรแล้ว หรือว่ากลางคืนก็ยังต้องทำงาน”
“น่าจะอย่างนั้นจ้ะ คุณวินคงยุ่ง น้าได้ยินว่าไร่เดชาธรกำลังจะมีงานใหญ่”
“อย่างงั้นเหรอคะ ถึงว่าสิคะช่วงเดือนนี้พี่วินไม่ค่อยโทร.หาขิม”
มือของผู้เป็นน้ายื่นมาไล้ผมนุ่มสลวยของหลานสาวเบาๆ ตามองอย่างอ่อนโยนเจือไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งภัคธีมากลับมองไม่เห็นความผิดปกติบนสายตาคู่นั้นเลย ด้วยเพราะกำลังหมกมุ่นและเคืองขุ่นกับความคิดเช่นนั้นของตัวเอง
“แล้วนี่ถ้าเข้าประกวด เรื่องเรียนจะเอายังไง” มธุรสชวนหลานสาวคุยเรื่องอื่นแทนเรื่องของธาวิน และค่อนข้างโล่งอกที่หลานสาวไม่ได้ซักไซ้ว่างานใหญ่ที่ว่านั่นคืองานอะไร
“ขิมคงต้องดรอปเรียนค่ะ และอาจจะต้องคืนหอพัก เพราะเสียดายค่าเช่า อีกอย่างไม่รู้ว่าหลังประกวดเสร็จแล้ว ชีวิตขิมจะเป็นยังไงต่อ”
“น้าเชื่อว่าขิมจะต้องได้เป็นนักร้องและได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักตามที่ขิมฝันเอาไว้ หลานสาวของน้าเก่งอยู่แล้ว แต่น้าว่าขิมไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวตอนเช้าน้าจะทำของกินอร่อยๆ ไว้รอ”
“ขิมรักน้ารสที่สุดเลย งั้นขิมขอตัวนอนพักก่อนนะคะ ฝันดีค่ะน้ารส ฝากบอกพ่อด้วยนะคะ” ภัคธีมายื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มน้าสาวฟอดใหญ่ ก่อนจะยิ้มให้และกล่าวราตรีสวัสดิ์
“ฝันดีจ้ะหลานสาวคนสวยของน้า นอนซะนะ พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้สดชื่น เดี๋ยวน้าจะบอกพ่อให้”
“ค่ะน้ารส” เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มให้น้า เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้นอีกรอบ เมื่อมธุรสออกไปจากห้องของเธอแล้ว
ร่างบางล้มตัวลงนอน ไม่นานตาคู่สวยก็ค่อยๆ ปิดลง ภาพความทรงจำอันหวานซึ้งดุจม่านสีกุหลาบระหว่างเธอและธาวินผุดพรายขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก มันเป็นดั่งต้นไม้ที่ค่อยๆ เจริญเติบโตจนกระทั่งถึงวัยผลิบาน ธาวินสารภาพว่าชอบเธอในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ภัคธีมาจำได้ว่าตอนนั้นเธอกำลังจะขึ้นม.6 ส่วนธาวินนั้นเรียนปริญญาตรีอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากจบมัธยมเธอเองก็สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับธาวิน และเธอกับธาวินก็เปลี่ยนสถานะของความผูกพันกลายเป็นคนรักตั้งแต่ตอนนั้น ธาวินดูแลเธออย่างดี กระทั่งเขาเรียนจบและไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ ทำให้เธอกับเขาต้องห่างกันไกลๆ เป็นครั้งแรก แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่อย่างสม่ำเสมอ เป็นอยู่อย่างนั้นเรื่อยมาจนเขาเรียนจบกลับมาเมื่อสามเดือนที่แล้ว วันนั้นเธอไปรับเขาที่สนามบินสุวรรณภูมิ อ้อมกอดและสายตาของเขาที่มองเธอยังคงอบอุ่นและเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเช่นเดิม น่าเสียดายที่มีเวลาน้อยไปหน่อย เพราะเขาต้องต่อเครื่องไปเชียงใหม่ และเธอเองก็ต้องเตรียมตัวสำหรับการออดิชันประกวดร้องเพลงรอบแรกที่จะมีในวันรุ่งขึ้น และยังติดภารกิจเรื่องเรียน ทำให้เธอกับธาวินต้องห่างกันไปโดยปริยายอีกครั้ง แต่เขาก็ยังโทร.มาหาเธออยู่เป็นประจำ มาห่างไปในระยะสี่ห้าสัปดาห์หลังนี่เอง...
































































































