บทที่ 5 Chapter 5
ครั้นไปถึงคอนโดหรู เธอกลับถูกดนัยวิชและเพื่อนจับกรอกน้ำผสมยาปลุกเซ็กซ์ วินาทีแห่งความสิ้นหวัง ผู้ชายคนนั้นที่หน้าตาเริงรื่นหากแววตาของเขาแฝงความร้ายกาจที่เธอบอกไม่ถูกกลับปรากฏตัวขึ้น
ชลวัส...
พัลลภาได้ยินแดนและเพื่อนเรียกชื่อเขาแบบนั้น
ภาพเหตุการณ์เหล่านั้นเธอจำได้ติดตา
“ไม่เอา... หนูหนาว...”
เธอดิ้นรนเพื่อหลบหนีจากสายน้ำ ความเย็นเฉียบของมันกลายเป็นเข็มทิ่มแทงเนื้อหนังมังสา สร้างความแสบร้าวทรมานจึงพยายามปัดฝักบัวไปทางอื่น ได้ยินเสียงเขาจุปากคล้ายว่ารำคาญ มือใหญ่ข้างหนึ่งยึดแขนเธอไว้แน่น อีกมือถือฝักบัวฉีดน้ำรดตัวเธอจนเปียกปอน
“อยู่นิ่ง ๆ รึอยากจะเป็นนางเอกหนังสด”
“หนาว ไม่เอา...”
ดิ้นแค่ไหนก็หนีไม่พ้น ต่อให้ปัดฝักบัวออกไปได้ น้ำในอ่างก็เพิ่มระดับขึ้นสูง เธอต้องจำนนยอมนั่งนิ่ง กอดเข่าตัวสั่นเทา ปากคอสั่นจนต้องเม้มกัดริมฝีปากแน่น สมองและร่างกายผ่อนคลายจากความทุรนทุรายลง เธอค่อย ๆ สงบลง ผู้ชายคนนั้น ...ชลวัส กลับฉีดน้ำรดตัวเธอไม่หยุด จวบกระทั่งเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น เขายอมปิดน้ำ จับแขนเธอให้ลุกยืน เธอแขนขาอ่อนเปลี้ย สั่นสะท้าน ควบคุมการเคลื่อนไหวแทบไม่ได้ เขาทำเสียงจุปากคล้ายรำคาญก่อนจะอุ้มตัวเธอออกมาวางบนเตียงกว้าง เธอกระตุกผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมตัวโดยไม่สนว่าจะทำให้ที่นอนและผ้าของเขาเปียก
ในความพร่าพรายของสายตา ผู้ชายสีหน้าเคร่งขรึมเดินเข้ามาในห้องนอน ตัวเขาสูงพอๆ กับชลวัส เธอยังมองเห็นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่หน้าดุอีกคนยืนอยู่หน้าประตู ผู้ชายที่เป็นลูกน้องของชลวัส
พัลลภาสะดุ้งโหยง อุทานเสียงสั่น
“อ๊ะ!”
ผู้ชายคนนั้นเข้ามาใกล้และทำท่าจะดึงผ้าห่มออก มันทำให้เธอตะเกียกตะกายหนี แต่แล้วอาการทุรนทุรายในร่างกายเริ่มรุมเร้าขึ้นมาอีก เธอตัวสั่น หายใจหอบ
“ไม่ต้องกลัว ฉันเป็นหมอ”
เธอพยายามฝืนลืมตามองผู้ชายทั้งสองคน โดยเฉพาะคนที่มาใหม่ ในมือเขามีเข็มฉีดยา นั่นทำให้เธอยิ่งผวา พยายามกระเสือกกระสนหนี ก่อนจะถูกจับล็อกไว้โดยชลวัสจากทางด้านหลัง เธอเงยหน้ามอง วิงวอน...
“มะ...ไม่ อย่าทำหนู อึก...”
“จุ ๆ”
เขากลับทำเสียงเหมือนปลอบ ล็อกแขนทั้งสองข้างของเธอไว้ ความเจ็บจี๊ดแวบขึ้นในสมองพร้อม ๆ กับอาการหอบหายใจของเธอ ท่ามกลางความทรมาน เสียงทุ้มของคนข้างหลังดังแว่ว
“มึงรู้เหรอหมอ ฉีดยามั่วซั่วเปล่าวะ”
“ช่วยให้สงบลงแต่ไม่หายทันที ดูแล้วท่าจะโดนของแรง”
ที่นอนข้างตัวเด้งขึ้น พัลลภาขดตัวงอ กอดตัวเองแน่นกับอาการตะครั่นตะครอ ใจเหมือนจะขาด หายใจไม่ออกจนต้องบิดดิ้น สติและสมองเริ่มพร่าเบลอจนต้องหลับตาแน่น
ผ้าห่มถูกคลุมตัวเธออีกครั้ง ก่อนที่นอนข้างหลังจะดีดเด้งแผ่วเบาบ่งบอกว่าอีกคนก็ลุกออกไปจากเตียง
“ถ้ามึงคิดว่ากูจะฉีดยามั่วซั่วแล้วตามกูมาทำไม”
“กูนึกได้ว่ามึงมีห้องพักอยู่ที่นี่ ถือเป็นโชคของเด็กมันที่คืนนี้มึงอยู่ห้อง แต่เห็นเตรียมยามาพร้อม รู้ได้ไงว่าเด็กนั่นโดนยาอะไรวะ”
“กวนตีนนะมึง ถามเหมือนมึงไม่รู้ว่าตอนนี้มียาตัวไหนกำลังฮิต ไม่ใช่ว่าพวกมึงปล่อยออกมาหรอกนะ”
“ไอ้เหี้ยเต เจ้านายกูไม่ได้ชื่อราเมศโว้ย ไม่ยุ่งกับยานรกทุกอย่าง ถามเพื่อนรักตัวดีของมึงเหอะ”
“ให้มันจริง”
“มึงมันหมอปีศาจ”
“ขอบใจที่ชม”
“ไอ้หมอเตือนเพื่อนรักมึงให้เบามือบ้างเฮอะ”
“ไอ้เมศไม่ใช่เพื่อนมึง?”
“กูแค่เพื่อน มึงอะเพื่อนรัก”
“ดีที่มันไม่ได้ยินมึงพูดคำนี้ ไม่งั้น... มึงโดนมันวางยาแน่”
“กูกลัวตายห่าละ”
เสียงพูดคุยของพวกเขาแว่วหายไป ไกลออกไปเรื่อย ๆ กระทั่งเธอไม่รับรู้อะไรอีก
จวบกระทั่ง ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ปรับจูนสายตาและสมองได้ ภาพเหตุการณ์สดหมาดผุดขึ้นมาในหัวสมอง ทำให้เธอเด้งตัวลุกนั่ง เพื่อปะทะสายตากับตาคมกล้าคู่หนึ่ง ดวงตาที่ทอประกายระยับแพรวพราวราวกับหนุ่มอารมณ์ดีและขี้เล่น ...สายตาของชลวัส
กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นเตะจมูกจากแก้วที่อยู่ในมือหนา เขานั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ข้างผนังกระจก แสงสว่างสาดผ่านเข้ามากระทบใบหน้านั้นให้น่ามองและชวนกริ่งเกรง เธอรู้สึกถึงอันตรายอย่างบอกไม่ถูก
“ไง”
เสียงทุ้มนุ่มระรื่นหู หากเธอขยุ้มผ้าห่มแน่น หลบสายตา อดไม่ได้ที่จะกวาดตามองตัวเอง หายใจโล่งมากขึ้นเมื่อพบว่าเธอยังอยู่ในชุดเดิม
“ขะ ขอบคุณที่ช่วยหนู...”
“ไม่เป็นไร แค่บังเอิญ”
“นะ หนู...จะกลับบ้าน” เธอเสียงแผ่ว พูดจบแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองหน้าเขา
พัลลภาทั้งกลัวและตกประหม่า เขามีลูกน้องน่ากลัวหลายคน จัดการกับแดนและเอิร์ทอย่างไม่ลังเลสักนิด เธอรับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดานั่น
คำพูดต่อมาของเขาทำให้เธอต้องเงยหน้ามอง
“รู้อะไรไหม”
ชลวัสมองตรงมาที่เธอ สีหน้าสบาย ๆ ผ่อนคลาย หากมีความดึงดูดให้หลงจ้องไม่รู้ตัว
“โลกนี้ไม่มีที่สำหรับคนอ่อนแอหรอก ถ้าเธอไม่รู้จักต่อสู้ ชั่วชีวิตก็จะเป็นได้แค่เหยื่อแค่เศษเนื้อที่ถูกผู้ล่ารุมแทะจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก”
เธอใจสั่นระรัว ชั่วแวบหนึ่งเธอมองเห็นแสงจัดจ้าในดวงตาคม หากแค่แป๊บเดียว ดวงตาคู่นั้นก็กลับมาพราวแพรวดุจเดิม
“เธออาจไม่โชคดีได้รับความช่วยเหลือเสมอไป”
“นะ หนู...”
