บทที่ 7 ปล้นจูบ (175%)

“ให้มันได้อย่างนี้สิยัยดาด้า รถเสียไม่พอ ยังต้องมาเสียจูบแรกให้ไอ้บ้ากามอีก” หญิงสาวบ่นงึมงำ ขณะสาวเท้าไปข้างหน้าชนิดไม่เหลียวหลัง

“เฮ้…เบบี๋ คุณลืมพาหนะเดินทาง” เสียงทุ้มที่ดังไล่หลังมาทำให้อารดาผ่อนฝีเท้าลง อยากจะทึ้งผมตัวเองแรงๆ หรือไม่ก็กรี๊ดให้ลั่น หากแต่ทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มกลั้นโทสะ ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าของร่างสูงสง่าที่เดินตามมา

“รถฉันอยู่ในอู่ซ่อมหน้าปากซอยโน่นย่ะ” หญิงสาวโต้ตอบเสียงแข็ง ก่อนจะกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างเซ็งจับจิต เธอกำลังจะหลุดพ้นจากเหตุการณ์ชวนปวดหัวอยู่แล้ว แต่เขายังไม่วายรั้งเอาไว้อีก

“ผมหมายถึง…นี่ต่างหากละ” น้ำเสียงครื้นเครงสวนกลับ ขณะชูรองเท้าในมือขึ้น

“เอารองเท้าฉันคืนมา” คนตัวเล็กว่าพลางแบมือไปข้างหน้า

“แหม…ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าซินเดอเรลล่าปี 2014 ไม่สวมรองเท้าแก้วแล้ว แถมยังคิดจะทิ้งรองเท้าตั้งสองข้างให้คนธรรมดาแต่หล่อโคตรอย่างผมไว้ดูต่างหน้าอีกด้วยแฮะ เอ๊ะ…แบบนี้เขาเรียกว่า ‘อ่อย’ หรือเปล่านะ” ท้ายประโยคเหมือนเขาพูดขึ้นมาอย่างลอยๆ แต่มันช่างแสลงหูคนฟังยิ่งนัก

“หยุดกวนประสาทฉัน แล้วส่งรองเท้ามา มันจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันเสียที” เจ้าของใบหน้าเรียบตึงกดเสียงต่ำคล้ายออกคำสั่งระคนเหน็บแนม ทว่าแทนที่จะโกรธเดเรคกลับคลี่ยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยเย้าอย่างอารมณ์ดีเกินควร

“ชุดสีพาสเทล แต่รองเท้าและจีสตริงสีแดง สรุปว่าคุณ ‘อินดี้’ โคตรๆ ผมนับถือจริงๆ ให้ตายสิ!” วาจาที่หลุดออกมาจากเรียวปากร้ายกาจทำให้อารดาหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธและอับอายระคนกัน

“ไอ้คนกวนประสาท ตายซะเถอะ!” ครั้นตั้งท่าจะกระโจนเข้าไปประทุษร้ายเขาให้สาแก่ใจ เธอกลับต้องเป็นฝ่ายอุทานลั่น เพราะเกิดสะดุดขาตัวเองจนเสียหลักเซถลาไปข้างหน้า เสี้ยววินาทีถัดมาดวงตากลมโตพลันเบิกกว้าง เมื่อริมฝีปากอวบอิ่มประกบเข้ากับเรียวปากร้ายกาจอย่างพอดิบพอดี

‘ปากชนปากมีค่าเท่ากับจูบ ตายแล้วยัยดาด้า!’ แม่สาวซุ่มซ่ามคิดอย่างกระดากอาย ทันทีที่ตั้งสติได้เธอก็รีบดันกายออกจากร่างทรงพลังด้วยกิริยาลนลานจนน่าขัน

“ว้าว…ไม่นึกว่าผู้หญิงหน้าบ้านๆ อย่างคุณจะชอบเป็นฝ่ายจู่โจมแบบนี้”

“อย่ามาปรักปรำฉันนะ มันเป็นอุบัติเหตุต่างหากละ”

“โอเคๆ ผมเข้าใจหรอกน่าว่าคุณอาย แต่คราวหน้าถ้าอยากจะจูบผมก็บอกกันดีๆ ก็ได้เบบี๋ เล่นทีเผลอแบบนี้มันไม่เร้าใจรู้ไหม จูบมันต้องมีอารมณ์ร่วมทั้งสองฝ่ายสิมันถึงจะเจ๋ง” วาจาล้อเลียนทำให้ใบหน้ากระจ่างใสร้อนวาบและมีริ้วแดงๆ แต่งแต้มที่พวงแก้มทั้งสองข้าง

“ไอ้…” ยังไม่ทันที่น้ำคำผรุสวาทจะเล็ดลอดออกมาจากเรียวปากสีกุหลาบ เขาก็โพล่งขึ้นมาดักคอเสียก่อน

“โว้ๆๆ หยุดเลยจ้ะเบบี๋ หุบปากที่คุณใช้ ‘ปล้นจูบ’ ผมด่วนเลย เพราะเมื่อกี้คุณเป็นฝ่ายกระโจนเข้ามาจูบผมเองนะ ฉะนั้นผมจึงไม่ผิด และคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาประณามผม” เส้นเอ็นตรงข้างขมับของผู้ที่ถูกใส่ความถึงกับตึงเปรี๊ยะขึ้นมาทันควัน พร้อมกันนั้นดวงตาสีนิลก็ฉายแววกราดเกรี้ยวด้วยแรงอารมณ์เต็มพิกัด

“ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ฆ่าไอ้ผู้ชายเฮงซวยอย่างคุณ อย่ามาเรียกฉันว่าอารดาเลย!” หลังจากประกาศกร้าวเธอก็ปรี่เข้าหาเขาอีกรอบ แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวพ่อคนช่างยั่วหญิงสาวก็ต้องร้องลั่น

“โอ๊ย…เท้าฉัน!” นัยน์ตากลมโตเบนลงไปมองยังเท้าบอบบางของตัวเอง แล้วเบ้หน้านิดๆ ไอ้ตอนที่เมาเดินเท้าเปล่าก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอสร่างเมานี่สิ…มันเจ็บจี๊ดๆ น่าดู

จากนั้นเจ้าของร่างเพรียวระหงก็เดินกะเผลกไปตรงริมถนน แล้วค่อยๆ นั่งลงบนพื้นคอนกรีต เพื่อตรวจดูสภาพความเสียหายของเท้าทั้งสองข้างอย่างไม่นึกอายแต่อย่างใด เพราะในวินาทีนี้คงไม่มีอะไรน่าขายหน้าไปกว่าการทำกระโปรงเปิดจนเขาเห็นจีสตริงสีแดงอีกแล้ว

“เฮ้อ…พยศจนได้เรื่อง” ชายหนุ่มส่ายหัวและบ่นงึมงำคล้ายเอือมระอา ขณะสาวเท้าก้าวเอื่อยๆ ตามเธอมา

จากนั้นเขาก็ทรุดกายลงนั่งต่อหน้าสาวเจ้า วางรองเท้าของเธอลงบนพื้นถนน แล้วถือวิสาสะคว้าหมับเข้าที่ข้อเท้ากลมกลึง

“ไหน ขอผมดูหน่อย” วินาทีถัดมาเดเรคก็นิ่วหน้าและทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกไม่พอใจกับอีแค่เห็นแผลเล็กๆ ที่เท้าของผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ด้วย ให้ตายเถอะ!

“ไม่ต้องมายุ่ง ปล่อย!” อารดาร้องลั่น มองเขาตาโตด้วยความตระหนก พลางพยายามชักเท้ากลับ

“อยู่เฉยๆ เถอะน่า” เสียงขรึมเอ็ดเบาๆ ก่อนจะล้วงเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ยี่ห้อดัง

“เฮ้ย…คุณจะทำอะไรน่ะ อย่านะ ปล่อยเท้าฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อย!” คนตัวเล็กร้องห้ามปรามเสียงหลง ขณะพยายามตีมืออีกฝ่ายพัลวัน

“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า ก็แค่จะปิดปลาสเตอร์ให้” เขาว่าพร้อมกับชูปลาสเตอร์ขึ้น เนื่องจากเมื่อตอนเด็กๆ เดเรคมักจะมีเรื่องชกต่อยและทะเลาะวิวาทเป็นประจำ ซึ่งทุกครั้งก็จะมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยื่นปลาสเตอร์ให้ แถมยังบอกให้เขาพกมันติดตัวเอาไว้ จนเมื่อเธอหายไปจากชีวิต ถึงแม้ว่าปัจจุบันเขาจะจำชื่อและหน้าตาของเธอไม่ได้แล้ว แต่เดเรคก็ติดนิสัยพกปลาสเตอร์ไปโดยปริยาย

“นี่คุณ…”

“ใช่ ผมชอบพกปลาสเตอร์ติดตัว แต่อย่าหัวเราะผมเชียวนะ ไม่งั้นคุณโดนจูบจนปากเปื่อยแน่” ในตอนต้นเขาพูดราวกับรู้เท่าทันว่าเธอจะเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา ตบท้ายด้วยการคาดโทษ จากนั้นเจ้าของใบหน้าแดงก่ำก็ทำทีก้มลงสำรวจแผลตรงเท้าของอีกฝ่ายเพื่อกลบเกลื่อนความอับอาย ที่ผู้ชายอกสามศอกอย่างเขามีมุมประหลาดเช่นนี้

ส่วนอารดานั้นก็ถึงขั้นอ้าปากค้าง เพราะหนุ่มหล่อตรงหน้าชอบพกปลาสเตอร์เหมือนเธอเปี๊ยบเลย มันเหมือนกันมากจนทำให้เธออดนึกถึงใครบางคนที่ติดอยู่ในห้วงความทรงจำไม่ได้ ก่อนจะสะบัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่าน แล้วพุ่งสายตาสีนิลโฟกัสไปที่ใบหน้าหล่อลากไส้

‘ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายมาดกวนคนนี้จะพกปลาสเตอร์ด้วย น่ารักจังเลย’ ความอ่อนโยนที่แฝงอยู่ในความกร้าวกระด้างนั้นทำให้หญิงสาวเผลอนึกเอ็นดู และแอบอมยิ้มน้อยๆ อย่างไม่รู้ตัว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป