บทที่ 10 ชายแดนซาโจว

ซาโจว เมืองหน้าด่านชายแดน

นกพิราบสื่อสารบินมาเกาะที่หน้าต่างหอคอย จวนแม่ทัพใหญ่เฉิน ทหารส่งสารจึงรีบนำข้อความลับมามอบให้แก่ผู้เป็นนายโดยเร็ว

แม่ทัพเฉินพยักหน้าเบา นายทหารผู้นั้นก็จ้องกลับอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมเดินถอยห่างออกไป อันข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ ก็ถูกต้องแล้วที่ควรจะถูกเก็บเป็นความลับ

"ไหนเอามาดูสิ ใครเขียนมาว่าไง"

ยังไม่ทันที่แม่ทัพเฉินจะได้เปิดอ่าน จดหมายลับนั้น ก็ถูกชิงไปต่อหน้าต่อตา

"เอ้! ท่านหมอคนงาม นี่มันความลับทางทหาร เจ้าจะถือวิสาสะชิงไปอ่านเช่นนี้ได้อย่างไร" แม่ทัพเฉินพึมพำเสียงเบา สายตาสอดส่ายกวาดมอง ด้วยเกรงจะมีผู้เห็นสถานการณ์ที่ยากลำบากของตน

"ฮึ กระดาษหยาบราคาถูก ขาดง่ายไม่ทนน้ำ ผู้ส่งสารที่ทำงานแบบประหยัดงบเช่นนี้ เห็นทีจะมีแค่เจ้าขี้ตืดจื่อไหเท่านั้น ดูสิ เขียนอะไรมาบ้าง"

ในกระดาษมีอักษรเพียงแค่สองตัวเท่านั้น แม้หมอหญิงจะพยายามพลิกกลับไปกลับมาอย่างไร อักษรนั้นก็ไม่ปรากฏออกมาเพิ่ม

"สำเร็จ? หมายความว่าอย่างไร บอกข้ามานะ พวกท่านคิดทำอะไรกันอีก เกี่ยวกับเวยเวยใช่ไหม?"

ด้วยเพราะท่าทีเลิ่กลักกระอักกระอ่วนของท่านแม่ทัพเฉิน จึงทำให้หมอหญิงมีอาการร้อนรนกระวนกระวายใจ

"ตอบมา! ท่านทำอะไรกับลูก!"

"ใจเย็นก่อน หมอสวี ข้าไม่ได้ทำอะไรที่ทำร้ายเวยเวยเลยแม้แต่น้อย ก็แค่..."

"แค่อะไร?"

"แค่หาบ้านใหม่ให้ลูกได้แล้ว เจ้าดีใจหรือไม่"

แม่ทัพเฉินทำทียิ้มกว้างกลบเกลื่อน เรื่องที่เขายินยอมส่งภาพซีเวยเข้าคัดเลือกเป็นพระชายาในวังนั้น อันที่จริงก็เป็นความคิดที่อยากจะหาทางออกให้กับบุตรตรีโดยไม่ได้ตั้งความหวังใด แต่นึกไม่ถึงว่าอ๋องจะเลือกนางเป็นชายา แม้จะได้เป็นเพียงพระชายารองก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดี

"ส่งลูกเข้าวังโดยไม่รอความเห็นชอบจากข้าอย่างนั้นหรือ ตาเฒ่าเฉิน ไม่ว่าเรื่องใดข้าก็โอนอ่อนผ่อนตามกับเจ้ามาทุกเรื่อง ทำข้าลำบากไม่พอยังเดือดร้อนไปถึงลูก วันนี้ข้าจะเอายาพิษกรอกปากเจ้า อย่าอยู่เลย!"

"เอ้ๆ ใจเย็นก่อนฮูหยิน อย่าวู่วาม เดี๋ยวๆๆ"

"อย่ามาเรียกข้าฮูหยิน ข้าหย่าขาดจากเจ้านานแล้ว วันนี้ข้าจะไม่ทนต่อไปแล้ว"

สวีซิ่วกรุ่นโกรธเดือดดาล นางจับคว้าทุกอย่างที่ขวางหน้า ขว้างใส่แม่ทัพเฉินไม่มียั้ง 19 ปีที่อยู่กันมา ทนเป็นภรรยารองทั้งที่มาก่อน ด้วยเพราะสามีมีสัญญาหมั้นหมายกับเลี่ยงหรูมาตั้งแต่เด็ก โดยมารดาของทั้งสองฝ่ายที่เป็นสหายกัน บีบบังคับให้เฉินกวงต้องแต่งเลี่ยงหรู เป็นเมียเอก ทำให้นางจำต้องกล้ำกลืนยอมรับตำแหน่งนี้

แต่เรื่องราวกลับไม่จบง่ายๆ ดังที่คิด จู่ๆ เลี่ยงหรูก็ท้องโย้โตป่อง แข่งกันกับนาง ในขณะที่แม่ทัพเฉินกวงปฏิเสธเสียงแข็ง ว่าไม่เคยมีอะไรกับฮูหยินใหญ่เลย แม้ในวันเข้าหอที่ดื่มสุราจนเมามายก็ตาม ความสัมพันธ์ของสองผัวเมียก็ระหองระแหงกันอยู่พักใหญ่ จนมาถึงวันคลอดของเลี่ยงหรู ซึ่งเมื่อนับอายุครรภ์จนถึงวันคลอดแล้วไม่มีทางเป็นไปได้ที่เด็กจะออกมาสมบูรณ์แข็งแรงเช่นนั้น เว้นเสียแต่ว่านางจะมีครรภ์มาก่อนแต่งงาน

ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่สวีซิ่ว ต้องทนอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเนื้อร้ายของชีวิต เลี่ยงหรูใช้อำนาจในการเป็นฮูหยินใหญ่ของจวน กลั่นแกล้งนางและลูกสารพัด ซ้ำยังพาน้องชายที่คอยสร้างแต่ปัญหามาอยู่ในจวน แม้เฉินกวงจะรับรู้ถึงปัญหาเป็นอย่างดี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ด้วยเห็นแก่ความสัมพันธ์ของมารดากับสหายที่เป็นดองกัน จึงออกอุบายแกล้งตายให้ภรรยา เพื่อที่จะออกมาอยู่กันข้างนอกโดยไม่ผิดใจผู้ใด

แม้แผนที่วางไว้จะสำเร็จ แต่คนที่ลำบาก กลับเป็นซีเวย บุตรีของพวกเขาเอง ปัญหานี้พวกเขาพยายามแก้มาตลอด 6 ปี การที่ซีเวยได้ออกเรือนนั้น ดูเหมือนว่าจะแก้ได้แล้ว แต่ผู้เป็นมารดากลับไม่เห็นด้วย เพราะคำว่าเมียรอง บุตรคงไม่อาจมีชีวิตได้เอง เฉกเช่นเดียวกันกับชีวิตที่ผ่านมาของตน

"ลูกข้าจะต้องไม่มีชีวิตเช่นเดียวกับข้า หากจะแต่งงานก็ต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น ข้าจะกลับไปรับลูกข้า แล้วค่อยมาคิดบัญชีกับเจ้า!"

....................

"ท่านแม่ ข้าจะอยู่ลำพังได้อย่างไร อย่าไปนะ พาข้าไปด้วย!"

ซีเวยสะดุ้งตื่น จึงรู้ตัวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นเพียงแค่ฝันร้าย สายลมโชยเอื่อยคลอแสงทองตะวันรอน บรรยากาศอันแสนสบายเช่นนี้ ก็ยังไม่อาจช่วยให้นางฝันดีได้ นางรีบปาดเช็ดรอยน้ำตา ก่อนสูดลมหายใจเข้าปอด แล้วฝืนมุมปาก ยกยิ้มให้ตัวเอง

"เผลอหลับยาวเชียว จวนได้เวลามื้อค่ำแล้วสินะ ข้าคงต้องไปเตรียมตัวรับมือกับสวามีตัวดีก่อนดีกว่า"

"ข้ารับมือยากขนาดนั้นเชียวหรือ"

ซีเวยเบิกตากว้าง เมื่อได้ยินเสียงทุ้มหนึ่งดังมาจากทางด้านหลังเก้าอี้เอนนอนที่นางนั่งอยู่ ยังไม่ทันที่นางจะหันหน้าไปมอง เขาก็โค้งตัวโน้มหน้าข้ามหัวนางมา ร่างบางตกใจรีบลุกขึ้นยืน

"ทะ ท่านอ๋อง ท่านมาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่"

"สักพักแล้ว เห็นเจ้ากำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุก"

"ท่าน ได้ยินอะไรอย่างนั้นหรือ" ยิ่งเขาทำอมพะนำนิ่งเงียบ หญิงสาวก็ยิ่งกดสายตาจ้องเค้น หัวใจนางลุ้นระทึกกับคำตอบที่รอฟัง

"แค่เสียงละเมอพึมพำ ที่ฟังไม่รู้เรื่อง เจ้าฝันร้ายหรือ"

คำตอบของเขาทำให้นางเบาใจไปเปลาะหนึ่ง คงไม่ได้เผลอหลุดคำพูดที่ไม่สมควรออกไป

"ใช่ ฝันว่ามีสุนัขตัวโตแย่งขนมข้า ข้าจึงจับปากมัน ง้างฉีกจนขากรรไกรหลุด ภาพฝันนั้นยังติดตาข้าอยู่เลย น่ากลัวจริงๆ"

ซีเวยบรรยายฝัน พร้อมทำท่าหน้าตาตื่น จนคนฟังคล้อยตาม แล้วนางก็ทำนิ่งตีเนียนเดินจากไปทั้งอย่างนั้น กว่าซั่วหยางจะรู้ตัวว่าถูกนางหลอกแซะเหน็บแนม นางก็เดินหนีไปไกลแล้ว

"นี่ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังหมายถึงข้า เฉินซีเวย! กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป