บทที่ 12 แม่ครัวหัวผัก

"พระชายารอง ท่านล้างมือมาหลายรอบแล้ว มันจะเปื่อยหลุดเอาได้นะเพคะ บ่าวว่ามันสะอาดมากแล้ว เลิกล้างเถอะเพคะ"

สองสาวใช้ที่คอยถือผ้าและกะละมังทองเหลืองให้นาง มองไปยังมือที่ขาวซีด ไม่ว่าจะพินิจดูเช่นไร ก็หาได้มีรอยเปื้อนไม่

"อีกนิดเถอะ ยังติดอยู่เลย"

"ติดอะไรเพคะ ท่านไปจับโดนอะไรมา บ่าวจะช่วยล้างและเอาออกให้"

"โดนอะไรอย่างนั้นหรือ? เอ่อ..."

ซีเวยครุ่นคิดถึงเหตุที่ทำให้นางต้องมาถูๆ ล้างๆ อยู่เช่นนี้ ใบหน้าคนไม่รู้ร้อนก็ลอยเข้ามาในห้วงนึกคิดทันที แววตาแพรวพราว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ท่าทางไม่แยแสผู้ใดนั้นอีก ยิ่งคิดยิ่งทำให้นางต้องถูมือแรงขึ้น

'อย่าคิดว่ารูปหยกของท่าน จะสามารถสยบข้าให้คล้อยตามได้นะ ออกไปจากหัวข้าเดี๋ยวนี้!'

"พระชายารอง หยุดเถอะเพคะ"

คำขอร้องห้ามปรามของสองสาวใช้ไม่เป็นผล นางถูล้างจากมือขาวซีดนั้นกลายเป็นระเรื่อแดง

"อาจู ไปตามหมัวมัว หรือไม่ก็ไปทูลท่านอ๋องสามที ทางนี้ข้าจัดการเอง"

กึ่ก!

ทุกอย่างหยุดนิ่ง อาจิ้งกับอาจูที่มีท่าทีตระหนกเมื่อครู่ ต้องหันมาหยุดมองที่พระชายา แล้วเหลือบต่ำลงมองที่ชายกระโปรงของตัวเอง

"แฮะๆ แห้งแล้ว สะอาดดีด้วย ขอโทษที่ทำชายกระโปรงพวกเจ้าเปียกนะ ไม่ล้างแล้ว ข้าจะนอนแล้ว พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ"

มือน้อยทั้งสองข้าง ค่อยๆ คลายนิ้วปล่อยชายผ้านั้นให้เป็นอิสระ ที่ทำเช่นนั้นแน่นอนว่านางมิได้มีเจตนาจะเช็ดมือ แต่ทำเพื่อดึงรั้งสองสาวใช้นั้นไว้ต่างหาก หนีรอดจากเจ้าคนที่ทำให้ใจกระอักกระอ่วนมาเสียขนาดนี้แล้ว ยังจะตามเขามาเพิ่มความอึดอัดใจอีกทำไม

อาจิ้งกับอาจูจัดที่หลับนอนให้พระชายารองตามประสงค์ คืนนี้นางต้องมานอนที่ห้องของตนเอง มิได้พักร่วมกับสามีที่ห้องใหญ่เช่นดังเมื่อคืน ของจัดใหม่ในห้องนี้ก็ยังอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยสะดวกมือนางเท่าใดนัก ครั้นจะจัดใหม่ก็เลยเวลาพักผ่อนมามากแล้ว ปล่อยให้บ่าวไพร่ได้พักผ่อนกันก่อน ซึ่งนางเองก็ต้องการเช่นกัน

ดึกสงัดในยามจื่อ(23.00-24.59)

จ๊อก~~

เสียท้องน้อยๆ คำรามร้อง ด้วยเพราะเมื่อตอนทานมื้อค่ำ นางได้กินห่านหึงห่มป่าไปเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น ร่างเล็กจึงกระสับกระส่าย นอนพลิกซ้ายขวากลับไปกลับมาด้วยความหิว

"ข้าจะไส้ขาดตาย กลายเป็นผีหิวในวังแห่งนี้ไหมนะ" ซีเวยลองพยายามข่มตาหลับอีกครั้ง แต่เจ้าท้องน้อยๆ ของนางมันช่างดื้อดึง ไม่ยอมให้นางข่มตาได้โดยง่าย

"ฮึ่ม ไม่ให้นอนก็ไม่ต้องนอน!"

ซีเวยมองหาผ้าผืนใหญ่ที่พอจะคลุมตัวนางได้มาใช้ ด้วยไม่อยากเปลืองเวลาเปลี่ยนชุดให้ยุ่งยาก และแล้ว จอมโจรแห่งรัตติกาล ก็พุ่งเป้า มุ่งหน้าตรงไปยังห้องเครื่องเสวยของตำหนักตงหยาง

"ดึกดื่นป่านนี้ นางจะไปไหน หรือว่านางจะลักลอบเจอใคร ต้องตามดูสักหน่อยแล้ว"

เงาตะคุ่มค่อยๆ ย่องผ่านสายตาของคนที่นั่งมองจันทร์อยู่ข้างสระบัว เพียงปรายตาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเจ้าหมาน้อยของเขา ทั่วทั้งตำหนักนี้ คงมีแต่คนประหลาดเช่นนางที่จะนำพรมปูพื้นมาห่มคลุมกาย

........

ซั่วหยางจัดการไล่ทหารยามให้ไปที่อื่น ไม่ต้องใส่ใจโจรผ้าปูพื้นเช่นนาง คนมีวรยุทธเช่นเขา ไม่ยากเลยที่จะแอบตามนางโดยที่นางไม่รู้ตัว

"ทางสะดวก ฮึๆ นึกว่าในวังจะมีทหารคุ้มกันแน่นหนาตลอดเวลาเสียอีก ก็ดีเหมือนกัน จะได้มีพื้นที่สงบมากๆ หน่อย ไหนดูสิ มีอะไรให้กินบ้าง"  ซีเวยสำรวจห้องเครื่องเสวยของตำหนักนี้ ก็ไม่ปรากฏอาหารใดที่สามารถหยิบกินทันทีได้ ดังนั้น ทางรอดเดียวที่จะทำให้ชีวิตน้อยๆ ของนางข้ามผ่านคืนนี้ไปได้ คือ ต้องปรุงอาหารด้วยตนเอง

"ฮ่าๆ ไม่ตายแล้ว แม้จะขาดเขินไปหน่อย แต่อย่างน้อยคืนนี้ ข้าก็รอดแล้ว" ซีเวยยิ้มหวานให้หัวผักขาวส้มและเหลืองในมือ แต่สิ่งที่ทำให้นางยิ้มกว้างก็คือพริกทั้งสดและแห้งเหล่านั้น

ซั่วหยางมองดูเจ้าหมาน้อยจอมตะกละก็ให้นึกขำ ทำทีอวดเก่งไม่กินข้าว แต่สุดท้ายก็ต้องย่องมาหาอะไรกินกลางดึก ไม่นานนัก อาหารจากผักไม่กี่ชนิด ก็ถูกปรุงขึ้นเป็นอาหารที่หน้าตาน่าทาน ดังว่าพ่อครัวหลวงลงมาทำเอง

"ขอบคุณพวกเจ้าทั้งหลาย ที่ทำให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อเพื่อเผชิญหน้ากับสามีรูปงามของข้า ข้าจะกินละนะ อ้า..."

ซั่วหยางหัวเราะชอบใจ ที่ได้ยินคำพูดนาง แม้นางจะจิตวิกลไปบ้าง แต่สายตานางนับว่าดีเข้าขั้น

ซีเวยได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังลอยลอดออกมา นางจึงรีบเก็บหลักฐาน แล้วหอบเอาจานอุ้มลงไปนั่งหลบที่มุมห้อง ที่ที่คิดว่าไม่มีใครเห็น แต่จะรอดสายตาคนที่มองจากมุมสูง นั่งซุ่มบนขื่อคานไปได้อย่างไร

เมื่อเห็นทุกอย่างสงบ นางจึงคีบกินเจ้าหัวผักย่างนั้นต่อ อ๋องที่เห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว ก็คิดจะจากไป

"เจ้าจะไปจากข้าเช่นนี้ไม่ได้! มาทำให้ข้าสุขใจ แล้วก็ทิ้งข้าไปง่ายๆ อย่างนี้หรือ?" อ๋องเบิกตากว้าง นี่นางรู้ตัวตั้งแต่เมื่อใดกัน ในเมื่อถูกจับได้แล้ว เขาจึงกระโดดลงมาจากที่ซ่อน เพื่อปรับความเข้าใจกับนาง

"ข้าสัญญา ข้าจะไม่ทิ้งเจ้า วางใจเถอะ"

"ทะ! ท่านอ๋อง ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร" ซีเวยรีบกลืนอาหารในปากจนเกือบติดคอเป็นนางต่างหากที่ถูกจับได้

"แล้วเมื่อครู่ เจ้ามิได้พูดกับข้าหรือ?" ซั่วหยางย่นคิ้วงุนงง เขาเองก็จับต้นชนปลายไม่ถูก นางจึงใช้ตะเกียบคีบพริกย่างชิ้นสุดท้ายขึ้นมาให้เขาดู

"ที่จะทิ้งเจ้าไป คือ...เจ้านั่นหรือ"

ร่างบางพยักหน้าหงึก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ ตนเองสวมเพียงอาภรณ์บางสำหรับใส่นอนเท่านั้น นางจึงรีบวิ่งไปหยิบผ้าปูพื้นที่นำมาด้วย เพื่อห่มบังร่างกาย แต่เขากลับนึกว่านางจะหนี ด้วยเกรงจะเกิดอันตราย จึงวิ่งตามจับนาง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป