บทที่ 14 หมอเลื่องชื่อ
โรงหมอหนิงอัน
เมื่อมาถึงโรงหมอ จางหย่งก็เร่งกุลีกุจอเดินหาของที่จะมาช่วยนางทำแผล เนื่องจากโรงหมอแห่งนี้ค่อนข้างกว้าง มีชั้นเก็บยามากมายจนองครักษ์หนุ่มตาลายไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี แต่ด้วยเจตนาดีของเขา หมอลู่ผู้ใจดี จึงคิดช่วยสงเคราะห์เขาสักหน่อย
"ผ้าสะอาดอยู่ด้านนั้นเชือกและกรรไกรอยู่ถัดไป ใส่แผลอยู่ชั้นที่ 3 ช่องที่ 2 นับจากข้างบนสุดลงมา"
จางหย่งค่อยๆ มองหาของตามคำบอกทีละชิ้น ยังไม่ทันจะหาครบก็ต้องชะงักด้วยมีเสียงร้องทัก
"เว่ยๆ เจ้าขายาว นั่นเจ้าคิดจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"
เสียงเล็กแหลมแผดดังมาก่อนตัว สาวน้อยวัย 15 ศิษย์เอกของลู่หนิงอันเดินออกมาดูเมื่อรู้ว่ามีคนมา
"เสี่ยวเป้ย อย่าเสียมารยาท เขาเป็นแขกของข้า ให้เขาทำเขาจะได้สบายใจ" เสี่ยเป้ยหันกลับมามองตามเสียงก็รู้ได้ว่าเป็นอาจารย์ตน จึงหยุดการคุกคามบุรุษแปลกหน้าผู้นั้น
"อาจารย์ ท่านก็อยู่หรือ เอ๋? มือของท่าน!"
เสี่ยวเป้ยพอคาดเดาเหตุการณ์ตามสิ่งที่เห็น เมื่ออาจารย์พูดเช่นนั้น ก็ไม่พ้นว่าบุรุษผู้นี้ต้องเป็นผู้สร้างบาดแผลให้แก่นางเป็นแน่
หมอฝึกหัดยืนเท้าสะเอว จ้องบุรุษขายาวอย่างเอาเรื่อง นางสูดหายใจเข้าเพื่อให้ลมภายนอก เข้ามาสัมผัสหัวใจนางให้เย็นลง
"ได้ของครบแล้ว ส่งมือมาสิ" จางหย่งวางของที่ได้มา แล้วยื่นมือขอมือหมอลู่เพื่อเริ่มการทำแผล หมอลู่เองก็ไม่ได้ปฏิเสธอันใด นางยื่นมือข้างที่บาดเจ็บให้เขา แต่...
"ฮึ เจ้าคนขายาว รู้หรือไม่ว่ามือของอาจารย์ข้ามีค่ามากกว่าทองคำพันชั่งเสียอีก"
"อ้อ"
"อ้อ? แค่นี้นะหรือ นางต้องใช้ประสาทสัมผัสจากปลายนิ้วมือ ในการวินิจฉัยโรคให้คน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วนางจะตรวจผู้อื่นให้ชัดเจนได้หรือ" เสียวเป้ยตวาดบ่นเสียงดัง จนทำให้องครักษ์หนุ่มหน้าซีดรู้สึกผิด
"เอ่อ ข้าขอโทษ"
"พอก่อนเสี่ยวเป้ย ไปคัดแยกยาให้อารมณ์เย็นลงก่อนเถอะ ข้าเข้าใจว่าเจ้าเป็นห่วงข้า แต่เจ้าต้องฝึกควบคุมอารมณ์ไปด้วย เพราะภายภาคหน้าเจ้าจะต้องเป็นหมอที่รักษาผู้คน ไม่ใช่หมอที่คอยหาเรื่องผู้คน เข้าใจที่ข้าพูดใช่ไหม"
"เจ้าค่ะอาจารย์"
"อีกอย่าง ความสามารถในการวินิจฉัยโรคของข้ามิได้ถูกจำกัดเพียงแค่ปลายนิ้ว"
"อ้อ ศิษย์ผิดไปแล้ว มิได้ตั้งใจจะดูแคลนอาจารย์ ขอท่านได้โปรดอย่าถือสา"
"อืม ไปทำงานของเจ้าเถอะ"
อีกครั้งที่หมอน้อยลุแก่โทสะ แม้นางจะมีความกระตือรือร้นดีเป็นต้นทุน แต่ความใจร้อนก็ยังเป็นสิ่งที่นางต้องปรับปรุง
จางหย่งพันแผลใส่ยาให้หมอลู่เสร็จสรรพ เขายืนยิ้มให้กับนางอยู่นิ่งๆ ไม่ยอมไปไหน ลู่หนิงอัน ก็ยังคงมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อให้ทุกอย่างที่เขาเรียกร้องแล้ว เขายังจะต้องการอันใดอีก
"สบายใจแล้วก็กลับเถอะ จากนี้เราไม่มีอะไรติดค้างกัน"
"แต่ท่านหมอจับชีพจรคนไม่ได้ คงต้องการคนช่วยเหลือ"
"แล้วท่านทำเป็นหรือ"
"เอ่อ...เปล่า" จางหย่งอึกอัก ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่อยากไปจากที่นี่เสียที หรือเป็นเพราะพี่สาวผู้ใจดีที่อยู่เบื้องหน้านี้กันแน่นะ
"หนิงอัน! หนิงอัน!"
บุรุษวัยสี่สิบเศษ ปรี่เข้ามาในโรงหมอด้วยท่าทีที่ร้อนใจ ไม่อาจทราบว่าด้วยเหตุผลอันใด ทำให้เขาดูรีบเร่งเช่นนี้
"ข้าอยู่นี่ ใครเป็นอะไรหรือ พี่จื่อไห"
"จะใครเสียอีกเล่า ก็เจ้าน่ะสิ ข้าได้ยินว่าเจ้าโดนโจรปล้นที่ตลาด เป็นอะไรมากหรือไม่"
จื่อไหรีบเดินเข้ามาคว้าถือมือนาง ข้างที่เพิ่งพันแผลเสร็จ ชี้ชัดว่าคนทั้งสองสนิทสนมกันมาก ซึ่งความสัมพันธ์นี้ทำให้จางหย่งหน้าซีดสลดจนแทบไม่มีสี
ลู่หนิงอันถอนมือออกมา ก่อนบอกปัดออกไปว่าไม่เป็นอะไร
"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย จะถึงอย่างไรแผลนี้ก็ต้องดูแลให้ดี"
"แค่แผลเล็กน้อย เสียดายก็แต่ตัวยาสำคัญของซีเวย คงต้องรอพ่อค้าต่างเมืองในรอบหน้า แต่ก็ไม่รู้ว่านางจะออกมาได้หรือไม่ ข้าได้ยินมาว่าเข้าไปอยู่ในนั้นแล้วแม้แต่จดหมายก็ไม่สามารถส่งออกมาได้ เป็นเช่นนี้จะต่างอะไรกันกับการถูกขังเล่า ข้าก็ได้แต่ภาวนาให้คนผู้นั้นเอ็นดูนาง"
"อะแฮ่ม เอ่อ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน" จางหย่งรู้สึกว่าตนเป็นส่วนเกิน จึงเลือกที่จะจากไป ให้คนทั้งสองได้คุยกันอย่างสะดวก
"ช้าก่อน!" เสียงทัดทานของจื่อไห รั้งเขาเอาไว้ทันทีที่เริ่มก้าวเท้า
"พี่ชาย ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นองครักษ์"
"รองเท้าที่เจ้าสวมอยู่ เป็นรองเท้าที่สั่งทำพิเศษ เป็นแบบเฉพาะของทหารราชองครักษ์ คงไม่มีผู้ใดขายต่อหรือให้เจ้าหยิบยืมเป็นแน่"
"บอกมา เจ้าเป็นคนของใคร แล้วมาทำอะไรที่นี่"
จางหย่งยกยิ้ม หรี่ตามองกลับอย่างสงสัย
"แล้วเหตุใดท่านต้องตั้งคำถามคุกคามดังสร้างกำแพงป้องกัน ที่นี่มีอะไรไม่ดีหรือเปล่า จึงจำแนกว่าคนไหน เป็นคนของใคร"
"คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ใต้เท้า ท่านมาก็นานแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว" หนิงอันเอ่ยแทรกเพื่อยับยั้งก่อนเรื่องจะบานปลาย
"อืม เห็นแก่หมอลู่ ข้าจะไป แต่เรื่องใดที่ข้าได้ลงมือสืบ ย่อมได้เบาะแสกลับมาเสมอ ข้าขอลา หมอลู่ ท่านอาวุโส"
"เฮ้! เจ้านี่นิ ไยเรียกข้าว่าอาวุโส ข้าแก่กว่าหมอลู่ของเจ้าแค่สิบปีเองนะ นี่!" แม้จื่อไหจะตะโกนดังไล่หลัง แต่จางหย่งก็ยังคงเดินหน้าต่อมิหันหลังกลับมา ทำให้เขายิ่งโมโหโกรธ ทำอาการกระฟัดกระเฟียด
