บทที่ 3 เข้าหอลงโลง
ฉึก!
ร่างใหญ่เบิกตากว้างเมื่อถูกจี้สกัดจุด ความแปลกใจยังไม่คลายกระจ่าง เขาก็หัวเราะลั่นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ มือน้อยสาละวนขยี้จี้ไปยังจุดหัวเราะที่ร่างกายเขา จนเขาต้องยอมวางนางลง
"ฮ่าๆ ท่านอารมณ์ดีจริงนะ ท่านองครักษ์ ขยับมานี่ ข้ามีความลับจะบอก"
ร่างใหญ่หัวเราะจนเหนื่อยหอบน้ำตาเล็ด ก่อนจะชักสีหน้าให้เคร่งขรึมดังเดิม
"ขยับเข้ามาใกล้ๆ สิ ก็บอกแล้วไงว่าเป็นความลับ จะให้ใครอื่นรู้ไม่ได้" ร่างใหญ่ยอมทำตาม ด้วยอยากรู้ว่านางจะสร้างเรื่องแสบสันอันใดให้เขาได้อีก หากตำแหน่งอ๋องที่เขาได้มาจากการชนะศึก จะพ่ายให้แก่เพียงสตรีวิปลาสนางหนึ่ง ก็คงต้องให้มันรู้กันไป
"ข้าชอบท่าน!"
"อ๋า อะ อะไรนะ"
ร่างใหญ่ถึงกับเสียอาการ เมื่อจู่ๆ ก็มีสตรีมาสารภาพความในใจต่อหน้าเช่นนี้
"อืม ท่านเป็นคนดี ขอบคุณที่ช่วยปกป้องข้า แต่คำคำนั้นพูดเสียงดังไม่ได้ เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยิน จะเข้าใจผิด คิดว่าข้าปันใจให้บุรุษอื่นที่ไม่ใช่สามี"
"อ้อ เช่นนั้นหรอกหรือ" ร่างใหญ่ถึงกับถอนหายใจ เมื่อเข้าใจเจตนาที่ชัดเจนของนาง
"ท่านออ..."
"อะฮึ่ม! หลี่หมัวมัว ท่านมาพอดี พาพระชายารองไปที่ห้องหอก่อนเถอะ ข้าจะไปทูลท่านอ๋องสามเอง"
ยังไม่ทันที่หลี่หมัวมัวจะเอ่ยทัก ก็ถูกร่างใหญ่เอ่ยขัดเสียก่อน แม่นมผู้ดูแลอ๋องสามมาตั้งแต่เยาว์วัย ถึงกับประหลาดใจ เหตุใดเขาต้องทูลเรียกตัวเองออกมาด้วย ลงทุนลงแรงไปรับเจ้าสาวด้วยตนเองขนาดนั้นแล้ว ยังจะเสแสร้งปิดบังตัวตนเพื่ออันใดอีก นี่เขากำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่
แต่เมื่ออ๋องสามประสงค์เช่นนั้น คนอื่นๆ ก็คงต้องเล่นตามน้ำไปก่อน
"พระชายารอง เชิญทางนี้เพคะ"
....................
"หมัวมัว ท่านอยู่ที่นี่มากี่วันแล้ว"
"ปีเพคะ หม่อมฉันอยู่ที่นี่มากว่า 30 ปี แล้วเพคะ พระชายา หม่อมฉันตอบคำถามนี้ของท่านมามากกว่าสิบครั้งเช่นกัน แล้วอีกอย่าง ท่านก็ควรวางมืออยู่นิ่งๆ เลิกแกะชุด แกะหมอนได้แล้วเพคะ ท่านอ๋องมาเห็นเข้า ท่านจะโดนดุเอานะเพคะ"
หลี่หมัวมัววุ่นวายกับการจัดเก็บของที่พระชายารองรื้อค้น ให้กลับเข้าที่ดังเดิม รวมทั้งคอยพยายามจัดเสื้อผ้า หน้า ผม ของนางให้อยู่ในสภาพปกติ ทรงสง่าดังนางพญาหงส์ ให้คู่ควรแก่พระเกียรติสวามี และตำแหน่งชายารอง ซ้ำยังต้องคอยตอบคำถามจุกจิกที่คนปกติมิใคร่ถามกัน
"ก็ได้ข้าเลิกถามก็ได้ นี่ หมัวมัว ข้าแต่งมาอยู่นี่แล้ว ต่อไปก็จะเป็นผู้ดูแลตำหนักนี้ใช่หรือไม่" หลี่หมัวมัวกลอกตามองนางอย่างระอา นางเพิ่งตอบรับไปเมื่อครู่ว่าจะไม่ตั้งคำถาม แต่นางก็ยังนึกคำถามขึ้นมาถามต่ออีกจนได้
"ยังหรอกเพคะ ผู้ดูแลตำหนักทั้งหมดก็ต้องเป็นพระชายาเอก จึงจะมีสิทธิ์นั้น"
"เช่นนั้น หากข้าอยากกินขนม ข้าก็ต้องไปขอนางสิ แล้ว...นางใจดีหรือไม่ นางจะตีข้าไหม"
"ฮึ พระชายาคงยังไม่ทราบ ท่านอ๋องยังไม่เคยมีชายาหรอกเพคะ แม้แต่อนุหรือสาวใช้หน้าห้องก็ไม่มี หากพระชายาต้องการสิ่งใด ก็เรียกใช้บ่าวไพร่ได้ตามสบาย"
"อ้อ เช่นนั้น การที่ข้าแต่งเข้ามาก็คงยังไม่อาจทำให้ท่านอ๋องตั้งจวนได้ คงมีคนต้องการให้เขาลำบากสินะ "
"เอ๋?" หมัวมัวสะดุดหูกับคำพูด ที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของชายาวิปลาส
"ข้าพูดอะไรผิดหรือ ท่านอ๋องไม่มีจวน ทางเข้าวังก็ไกลออกปานนี้ ข้าเดินไปซื้อตับปิ้งซือชวนของเถ้าแก่หวังไม่ไหวหรอก ต้องลำบากให้เขาช่วยพาข้าไปนะสิ" ซีเวยยิ้มกว้างเริงร่า เสมือนว่าไม่ได้คิดอะไร
"อืม ท่านพูดมาก็ถูกของท่าน นี่ท่าน...เสียจริตจริงหรือ?" หลี่หมัวมัวจ้องเค้นนางอย่างเคลือบแคลงสงสัย
"ไม่เลย ข้าปกติดีทุกอย่าง ข้าเหมือนคนบ้าหรือ ฮ่าๆๆ ท่านนะสิบ้า หมอหลวง ช่วยมาดูอาการหลี่หมัวมัวที นางเป็นบ้าไปแล้ว"
"เอ้ๆ จับพระชายาไว้ ช่วยกันจับเร็ว"
ซีเวยวิ่งตะโกนรอบห้อง เหล่าสาวใช้จึงต้องช่วยกันจับตัวและหลอกล่อให้นางดื่มสุรามงคล เพื่อให้นางเมาและหลับไป
"เฮย...พระชายารับมือได้ยากจริงๆ ไม่มีคนบ้าที่ไหน จะยอมรับว่าตัวเองบ้าหรอก ข้าคงคิดมากไปเอง พวกเจ้าช่วยกันจัดนางให้นอนในท่าที่สบายที" เหล่าสาวใช้ช่วยกันจัดระเบียบท่านอนให้กับพระชายาคออ่อนตามคำสั่งหมัวมัว โดนสุราเพียงไม่กี่จอก ก็คอพับคอตกไปเสียแล้ว
"นี่ข้าอยู่ที่ไหน ทำไมลุกไม่ขึ้น หมัวมัว เลิกหมุนเตียงข้าได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
เจ้าสาวคนงามพึมพำคางยาน หลี่หมัวมัวก็ทำได้เพียงทอดถอนใจ เวทนาในสภาพพระชายา ที่ต้องกลายมาเป็นเครื่องมือของฮองเฮา ชีวิตสตรีไร้เดียงสาผู้นี้ ก็เปรียบดังหิมะคลุมหนา ที่ปกทับด้วยน้ำค้างแข็ง ยากจะขุดค้นพ้นทางสว่างได้ ลำพังจะใช้ชีวิตเช่นคนปกติก็ยากแล้ว ยังต้องมาปรับตัวในสมรภูมิวังหลังอีก ปลายทางชีวิตนางคงยากที่จะสวยหรู
หลี่หมัวมัวก้าวขาออกมาจากห้องหอ หันมองคนจากวังหลัง ที่ถูกส่งมาคอยจับตาดูพิธีการเข้าหอที่หน้าห้องด้วยสายตาเย็นเยียบ ทางฝ่ายนั้นก็ส่งรอยยิ้มซ่อนมีดตอบกลับมาเช่นกัน แม้จะไม่มีคำพูดจาใดๆ แต่บรรดาสาวใช้ที่เดินตามหลังหมัวมัว ต่างก็พากันขนลุกเกรียว สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารที่แผ่ปกคลุมไปทั่ว
'หมัวมัว ข้ามิได้อยากจะกลั่นแกล้งท่านหรอกนะ ตอนนี้ข้ายังมิรู้เหนือใต้ ข้าทำไปเพียงปกป้องตนเองเท่านั้น'
ซีเวยเหนื่อยล้ากับการต้องพบเจอคนตลอดทั้งวัน ในที่สุดก็ได้อยู่ลำพังเพื่อเป็นตัวเองเสียที นางเดินมานั่งที่หน้ากระจก มองดูเงาสะท้อนใบหน้าของสตรีวัยสิบแปดที่งดงาม แต่นัยน์ตาหม่น ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ มีน้ำใสไหลนอง
"มนุษย์ช่างวุ่นวายไม่รู้จบสิ้น อดทนอีกนิดนะตัวข้าเอย สักวัน ข้าจะต้องเป็นอิสระจากภาระทางใจนี้ให้ได้"
"เปิดประตู!"
