บทที่ 5 ลงโทษให้หนัก
"นึกอยู่แล้ว ท่านก็เป็นเพียงคนดีเปลือกนอก ขนมมงคลท่านก็กินไม่เหลือแบ่งให้ข้าสักชิ้น ข้าคลำหาจนทั่วตัวท่านก็ยังไม่เจอ สามีภรรยาต้องแบ่งขนมกันไม่ใช่หรือ"
"อะ อะไรนะ ที่เจ้าทำเมื่อครู่ก็แค่หาขนมอย่างนั้นหรือ?"
"อืม เป็นสามีภรรยาก็ต้องกินด้วยกัน นอนด้วยกัน เที่ยวเล่นเป็นเพื่อนกัน แต่ท่านมีขนมก็แอบกินคนเดียว ท่านมันสามีใจร้าย! ฮือๆ"
หญิงสาวนั่งร้องไห้โวยวายอยู่บนตัวเขา เขามองดูนาง ทำอะไรไม่ถูก ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจยันกายขึ้นมาโอบกอด
"เด็กดีอย่าร้อง ข้าก็ปลอบเด็กไม่เป็นเสียด้วย เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ข้าจะให้คนทำขนมให้เจ้าเยอะๆ ให้เจ้ากินจนกว่าจะพอใจเลย ดีหรือไม่"
"จริงนะ"
"จริงสิ ข้าจะโกหกเจ้าทำไม"
"ก็ได้ แต่ตอนนี้ท่านต้องถูกทำโทษ"
"หือ?"
ซีเวยผละกายออกมาจากอ้อมกอดเขา ดวงตากลมโตฉ่ำนองด้วยน้ำตา จ้องเขาดังคนงอน
"อ๊าก!"
ปากเล็กของนางกัดขย้ำเข้าที่คอแกร่งของเจ้าบ่าวสูงศักดิ์ เสียงร้องของเขาทำให้หลิวกงกงที่ดักฟังอยู่หน้าห้องพอใจ เงาคนค่อมโค้ง ที่อยู่หน้าห้องหอมาตลอดได้หายจากไป บัดนี้เหลือเพียงบ่าวสาวที่ได้อยู่กันเพียงลำพังจริงๆ เสียที
คงเพราะเล่นละครเหนื่อยอ่อนมาทั้งวัน รวมทั้งมีสุรามงคลช่วยกล่อมหลับ เจ้าสาวร่างเล็กจึงผล็อยหลับไปในอ้อมกอดเขาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่อาจทราบได้
ร่างใหญ่คอยโอบประคองนางไว้แนบอก ไม่อยากขยับตัวมาก เกรงว่าจะทำนางตื่น
"เจ้าช่างบังอาจนัก ทำข้าให้ต้องเหนื่อยมาอุ้มเจ้าเช่นนี้ วันหลังข้าจะลงโทษเจ้าให้หนัก"
...................
ตำหนักเซียงเทียน ที่ประทับฮองเฮา
กลิ่นหอมอ่อนของมวลบุปผชาติในยามต้องแสงอรุณ ระคนกับกลิ่นหอมของชาร้อน ที่มีไออ่อนยามเมื่อรินลงถ้วยชาสลักทอง นิ้วเรียวกรีดกรายหยิบยกขึ้นอย่างเนิบช้า เรียวปากกระจับสีแดงสด ห่อบางเป่าเบาที่ชาร้อนถ้วยเล็กนั่น สูดดมอารมณ์สุนทรีย์ละเลียดจิบน้ำชารสละมุนบางๆ
"เป็นอย่างไรบ้าง ทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่"
"ไม่มีปัญหา จะมะคะ ดูเหมือนคู่รักจะเข้ากันได้ดีเสียด้วย ฮองเฮาทรงเลือกคู่ได้เหมาะสม ทรงพระปรีชายิ่งนักจะมะคะ" สองนายบ่าวยิ้มย่องภูมิใจในผลงานที่ตนได้กำหนดจัดวาง
"ฮ่าๆๆ คู่สวรรค์สร้าง กิ่งทองใบหยกสินะ ฮึ ใช่ว่าข้าจะใจร้าย ข้าส่งหญิงงามมากมายไปให้เขาเลือก แต่เขากลับเลือกนาง จะโทษข้าได้อย่างไร ในเมื่อชายารองคนนี้ เป็นคนที่เขาถูกใจ ข้าแทบอดใจรอวันที่จะได้พบนางที่ท้องพระโรงไม่ไหว แค่คิดก็สนุกแล้ว ฮ่าๆๆ"
เสียงหัวเราะลอยล่องทั่วตำหนักเซียงเทียน อากาศดี ดอกไม้บาน คนสำราญใจ ซึ่งต่างจากคนอีกฟากหนึ่งของวังหลวง
ตำหนักตงหยาง
"ท่านอ๋อง ท่านกำลังถูกล่อลวงด้วยความอ่อนโยน ท่องไว้ นั่นคือภาพมายา" ผู้ดูแลซูคอยให้คำปรึกษาในทุกเรื่องได้เสนอความคิดเห็น ตามเหตุและผล
"อาจจะได้รับคำสั่งมา แต่นางก็เป็นเพียงสตรีเสียจริต ใสซื่อ และไร้มารยา"
"อัยหยา ก่อนหน้านี้ท่านมิได้คิดเช่นนี้นี่นา น้ำผึ้งบนคมมีดชัดๆ ท่านมิได้ฟังที่หลี่หมัวมัวพูดหรอกหรือ นางกล่าวถึงเรื่องตั้งจวน คนสติไม่ดีจะคำนึงเรื่องนี้ได้อย่างไร"
"แต่นางก็ยังเห็นใจข้า ห่วงกังวลถึงความลำบากของข้า"
"นั่นนะสิ เรื่องเช่นนี้คนสติไม่ดีคิดกันไม่ได้ ทรงไตร่ตรองด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"
แล้วจางหย่ง องครักษ์คู่ใจเร่งเข้ามารายงาน ในขณะที่คนทั้งคู่ยังคงถกเถียงกันอย่างหาข้อสรุปไม่ได้ "คำนับท่านอ๋อง"
"อืม เรื่องที่ให้ไปสืบ ได้ความว่าอย่างไรบ้าง"
"ทูลท่านอ๋อง พระชายานางเสียจริตจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ คือ..."
"นั่นไง ท่านซู ฟังจางหย่งสิ อะ เจ้าเล่าต่อ" อ๋องสามชิงตัดบทเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับความคิดเห็นของตน ก่อนจะเปิดทางให้จางหย่งได้อธิบายเพิ่ม
"เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ คือเกิดเรื่องไม่ค่อยดีในจวนเฉิน ทำให้ฮูหยินรองตระกูลเฉินตัดสินใจจบชีวิตตนอย่างปริศนา จากนั้นแม่ทัพเฉินก็ปลีกตัวไปอยู่ชายแดน ข่าวลับมาว่า เขามีสัมพันธ์พิเศษกับสตรีอีกนางอย่างลับๆ ที่นั่น ส่วนพระชายารอง นางก็เข้าสู่สภาวะปลีกวิเวกอย่างหนัก จนมีสภาพเช่นดังที่เห็นพ่ะย่ะค่ะ"
"อืม บ้านนี้ดูไม่ปกติ เจ้าหมาน้อยน่าสงสารจริงๆ"
"อย่าเพิ่งทรงพระทัยอ่อนสิพ่ะย่ะค่ะ ถึงกระนั้นก็ไม่ควรประมาท ผู้ที่ฮองเฮาเลือกมา ต้องไม่ธรรมดาแน่"
"ท่านซูพูดมีเหตุผล อ้อ จางหย่ง มาเหนื่อยๆ รินชากินเองเลยนะ"
"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" จางหย่งยิ้มกว้าง อ๋องสามที่คนภายนอกรู้จัก คือคนไม่สนโลก ไม่รู้จักใส่ใจผู้ใด แต่จริงๆ แล้ว เขาแค่ใจร้อน และยึดถือตนมากไปหน่อยก็เท่านั้น
"เรื่องความสัมพันธ์ของพระชายารองกับฮองเฮาเป็นเช่นไรก็ยังไม่กระจ่างชัด ดังนั้นเรื่องนี้ ถึงอย่างไรก็วางใจไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ" ผู้ดูแลซูแสดงชัดถึงความกังวล
"จุดนี้ข้าก็คิดอยู่ หากรีบร้อนเกินไป เกรงว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น"
"แต่ชักช้าจะเสียการ รู้ก่อนได้เปรียบนะพ่ะย่ะค่ะ"
"เช่นนั้น...จางหย่ง เจ้าไปสืบเรื่องนี้ที"
"เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์หนุ่มจำต้องหยุดยืนนิ่งเมื่อได้ยินคำสั่ง ถ้วยชาร้อนในมือ เพิ่งจะเป่าให้คลายร้อนเย็นตัวเสร็จ เขาก็ทำได้เพียงแค่สูดดมละอองไอ และมองมันด้วยสายตาทอดอาลัย ยังไม่ทันหายเหนื่อย ก็จำต้องลาไปทำภารกิจต่อ
"ขอบใจ" อ๋องสามยื่นมือรับถ้วยชาจากจางหย่ง พร้อมยกดื่มอย่างเย็นใจ งานนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่งานเล็กที่รับมือได้ง่ายเสียแล้ว
