บทที่ 7 หาข้อสรุปไม่ได้

"มาๆ นั่งลง ไม่ต้องเกรงใจ" ซีเวยใช้สองมือกำบี้ขนมเข้าปาก แล้วจับดึงอาภรณ์งามราคาแพงขององค์ชายห้าและลี่มี่กงจู่ ลากให้มานั่งลงบนเก้าอี้ ทั้งคู่รีบถอนแขนออกจากมือนางอย่างรังเกียจ แต่ก็ต้องเก็บอาการสงวนท่าทีเอาไว้ก่อน

"ฮึๆ พี่สะใภ้ ของในกล่องนี้ ข้าเองก็เลือกไม่ได้ เกรงจะไม่ถูกใจท่าน ท่านลองเลือกดูสักชิ้นเถิด" สองพี่น้องยกยิ้มอย่างมีเล่ห์ เมื่อซีเวยเปิดกล่องขึ้นดู หลี่หมัวมัวก็เดินเข้าประกบนางในทันที

"โอ้ งดงามมาก แต่ของพวกนี้กินไม่ได้ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำไม"

ซีเวยมองดูของรับขวัญในกล่อง ก็เข้าใจในเจตนาของทั้งสองพี่น้องและหลี่หมัวมัวอย่างกระจ่างแจ้ง ญาติสามีทั้งสองนี้มีเจตนาร้ายแอบแฝงจริงๆ พรุ่งนี้นางจะต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทและฮองเฮาที่ท้องพระโรง หากนางปักปิ่นหงส์ที่มีแต่ชายาเอกเท่านั้นที่ปักได้เข้าไป จะเป็นการไม่รู้ความ จะถูกมองว่าต่อต้านตำแหน่งที่เบื้องบนมอบให้ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตัวนาง ครอบครัว และที่สำคัญ อาจส่งผลร้ายถึงอ๋องสามได้ นางจึงเลื่อนกล่องของรับขวัญนั้นกลับคืน

"ไม่เอาน่า พี่สะใภ้ ทำเช่นนี้ก็เสียน้ำใจพวกเราแย่สิ ท่านรับไว้เถอะ เลือกสักชิ้น" ลี่มี่กงจู่ไม่ละความพยายาม นางเลื่อนกล่องคืนให้ซีเวยอีกครั้ง ที่นำของมามากมาย จงใจจะให้ซีเวยเลือกเอง เพราะหากเกิดอะไรขึ้น จะได้โทษว่าซีเวยเป็นคนเลือกเอง และตนจะได้ไม่มีความผิด ติดร่างแหไปด้วย

"ในกล่องมีแต่เครื่องทรงบุรุษ มีเพียงปิ่นนี่ชิ้นเดียวที่เป็นของสตรี เช่นนั้น..."

"ท่านก็เลือกเลยสิ ท่านปักมันต้องงามมากแน่ๆ" ลี่มี่เอ่ยยุยง

"พระชายารองเพคะ" หมัวมัวเอ่ยเรียกทัดทาน ในขณะที่สองพี่น้องก็จ้องจะคะยั้นคะยอ

"ได้ ข้าจะรับไว้ กลัวว่าพวกเจ้าจะเสียน้ำใจ กงจู่ ปิ่นนี้งามมากใช่หรือไม่" หมัวมัวถอนหายใจยาว ด้วยอาการน้ำท่วมปาก เกินจะเตือนพระชายารองของนาง

"ใช่ งามมาก" ซีเวยหยิบมันขึ้นมาแล้วปักเข้าที่มวยผมของตน นางหัวเราะร่าแล้วหมุนวนรอบตัวเอง ทำให้สองพี่น้องพอใจและหัวเราะตาม แต่เสียงหัวเราะร่วมก็พลันขาดหาย เมื่อลี่มี่รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่ปักวางอยู่บนหัว

"ข้ารับไว้แล้ว แต่เห็นเจ้าชอบมัน เช่นนั้น ข้าคืนให้เจ้าก็แล้วกัน พวกเจ้านั่งกินขนมต่อได้เลยนะ ค่อยๆ กิน ข้ามีงานต้องทำ ต้องรีบไปสอนก้อนเมฆร่ายรำ ข้าไปละนะ"

สะใภ้สามโบกมือลาอย่างร่าเริง ทำเอาบ่าวไพร่ทั้งหลายกลั้นขำแทบไม่อยู่ เพราะปิ่นงามบนมวยผมของมี่ลี่กงจู่นั้น หาใช่มีเพียงปิ่นเพียงอย่างเดียว แต่มันเพียบพร้อมไปด้วยขนมหลากสีสัน ทั้งยืดทั้งเหนียว เปรอะเปื้อนไปหมด

"อ๊าย!!! นางสตรีวิปลาส ฝากไว้ก่อนเถอะ อ๊าย!" ลี่มี่ทะลุขีดจำกัดความอดทนของตนเอง นางกระทืบเท้ากรีดร้องเช่นสตรีร้านตลาด อันจรรยาสอนหญิงตำราใดที่ร่ำเรียนมา ก็หายเข้ากลีบเมฆหมด เมื่อมีโทสะเข้าครอบงำ

"เบาๆ ลี่มี่ ใจเย็นๆ"

"เย็นใช่ไหม ได้"

แผละ!

ซุบรากบัวยืดเหนียวยืดเต็มหน้าขององค์ชายห้าด้วยฝีมือของขนิษฐาของเขาเอง จะเรียกว่าคว้าน้ำเหลวก็เห็นจะไม่ถูกต้อง การนี้ทั้งสองพี่น้องผู้สูงศักดิ์ ได้ผลลัพธ์ที่หนืดหนับ หวานฉ่ำพอๆ กัน

....................

"ฮ่าๆๆ"

เสียงหัวเราะดังลั่นตำหนักตงหยาง เมื่ออ๋องสามได้ฟังเรื่องราวของพระชายาของตนในวันนี้ เขารู้สึกรำคาญเจ้าเด็กอมมือสองคน ที่คอยตามติดหาเรื่องอยู่เนืองๆ แต่ทุกครั้งก็ทำได้แค่ปล่อยผ่าน ไม่ใคร่ใส่ใจมากนัก

"โชคดีที่พระชายาไม่ทำตามคำยุยงขององค์ชายห้ากับกงจู่ มิเช่นนั้นพรุ่งนี้คงแย่แน่เพคะ" หลี่หมัวมัวเอ่ยยิ้มอย่างเบาใจ อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องน่ากังวลใดเข้ามาเพิ่ม

"หมัวมัว ท่านคิดว่า มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงๆ ใช่หรือไม่" อ๋องสามถามย้ำเพื่อต้องการคำยืนยันที่แน่นอน

"ใช่สิ เพคะ ดูนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทั้งสองจะมาร้าย"

"แต่ข้าคิดว่า พระชายาฉลาดล้ำเกินคนต่างหาก นางรู้ทันเล่ห์จึงไม่สะดุดหลุมตื้นๆ ขององค์ชายห้ากับกงจู่" ผู้ดูแลซูเสนอความเห็นที่ต่างออกไป

อ๋องสามมองดูทั้งซ้ายและขวา ต่างคนต่างพูดมาอย่างสมเหตุสมผล

"คุยกับพวกเจ้าก็หาข้อสรุปไม่ได้ ข้าไปหาอาจารย์ดีกว่า"

"อ้าว ท่านอ๋อง" ว่าแล้วเขาก็เดินจากไป ทิ้งให้ทั้งสองยังคงถกเถียงกันตามหลัง

"หมัวมัว เจ้าโดนพระชายาตบตาเข้าให้แล้ว"

"ผู้ดูแลซู เจ้านั่นแหละที่คิดมากเกินไป"

....................

สำนักศึกษาหลวง

"อาจารย์ ท่านอยู่ที่ใด ข้ามีเรื่องอยากถาม ออกมาหน่อยเถอะ"

ซั่วหยางตะโกนเรียกอาจารย์ฮุ่ยเจียงอยู่นาน แต่ก็ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตที่นี่ ด้วยช่วงนี้เป็นช่วงพักการศึกษา บรรยากาศที่นี่จึงดูเงียบเชียบ มิได้คึกคักดังที่เคยเป็น ท่านอาจารย์ฮุ่ยเจียง ปราชญ์เลื่องชื่อแห่งยุค ผู้เป็นเจ้าสำนักศึกษาหลวง จึงถือเอาโอกาสนี้พักผ่อนปลีกวิเวก ตั้งใจหลบหน้าเพื่อสงวนเวลาส่วนตัว

"เฮ้อ!...เช่นนั้นเหล้ารสเผ็ดร้อนจากซือชวนนี้ ข้าคงต้องเก็บกลับสินะ" อ๋องสามเปิดจุกเหล้ารินเท เพื่อให้กลิ่นมันฟุ้งกำจาย เพราะเขารู้ดีว่าการทำเช่นนี้ มันสามารถทำให้เขาบรรลุเป้าหมายได้

"จะไปก็ไปแต่ตัว เหล้านั้นจงวางตั้งไว้ ฮึ ไร้เรื่องร้อนใจไม่ถ่อกายไปวัด เจ้าเด็กดื้อ มาหาข้าก็เพื่อขอคำปรึกษา แต่สุดท้าย เจ้าก็เลือกทำตามใจตัวเอง ยังจะอยากฟังคำข้าไปเพื่ออันใดกัน" เสียงเอ่ยทักดังแต่ไร้เงาคน วาจาและน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความโกรธงอน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป