บทที่ 8 ข้อสงสัย

"ข้าเชื่อฟังท่านมาตลอด ความสามารถและตำแหน่งอ๋องของข้า ก็ล้วนมีได้เพราะท่าน จะเรียกว่าไม่เชื่อฟังได้อย่างไร"

"ฮึ หากฟังข้าจริง คงไม่เอาตนเองไปเสี่ยงอันตรายในสนามรบเช่นนั้นหรอก" บุรุษวัยห้าสิบกว่า ผมสีสลับ ท่วงท่าสุขุมสง่า เดินย่างก้าวสั้น ค่อยๆ เผยกายออกมาจากหลังม่าน ที่กั้นระหว่างโถงศึกษาและมุมตำราของห้อง

"เพื่อบ้านเมือง ข้าย่อมต้องทุ่มเทเต็มกำลัง ไม่เอาน่า เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ท่านยังไม่หายเคืองข้าอยู่อีกหรือ"

"หากไม่รอดกลับมาในวันนั้น ตำแหน่งอ๋องนี้ จะมีเพื่อประโยชน์ใด มีไว้ให้ข้าตั้งป้ายเซ่นไหว้เช่นนั้นหรือ"

"อาจารย์ ท่านไม่เชื่อว่าจะเอาชนะศัตรูได้อย่างนั้นหรือ"

"อ่อ หาได้เป็นเช่นนั้น ข้ารู้ว่าเจ้าเก่ง แต่ข้าก็อดเป็นห่วงเจ้าไม่ได้ เอาหละ ไม่พูดเรื่องนั้นแล้ว พูดเรื่องของเจ้ามาดีกว่า" อาจารย์ฮุ่ยเจียงฉวยเอาไหเหล้าจากมืออ๋อง แล้วกระดกยกโดยไม่แยแสจอกสุราที่ศิษย์รักยื่นให้

"ก็ไม่ได้สลักสำคัญอันใดมาก แค่เรื่อง...ชายาของข้า" ร่างใหญ่ผ่อนเสียงเบาในตอนท้าย แต่ก็ทำให้อาจารย์ฮุ่ยต้องหรี่ตาจ้องเค้น

"จิ๊ๆๆ ปัญหาหนักใจที่ทำให้อ๋องผู้เกรียงไกรต้องแบกหน้ามาถึงนี่ ก็เพราะพระชายาตัวน้อยเองหรอกหรือ ฮึ ก็แค่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ชายหญิงใกล้ชิด ไม่นานก็รักกันได้เอง เอ๋? หรือว่า...เจ้ามีปัญหา" สายตาของอาจารย์แทบถลนออกมานอกเบ้า เมื่อเอ่ยถึงข้อกังขาที่ชวนฉงน เขากดตาเหลือบต่ำแล้วหยุดมองตรงจุดศูนย์รวมพลังแห่งชาย

"โถ่ อาจารย์ หาใช่เรื่องนั้นเสียหน่อย ข้ายังคงเป็นชายชาตรีสมบูรณ์พร้อม แต่เรื่องที่ข้าไม่ค่อยแน่ใจ คือความพิเศษของพระชายาต่างหาก"

"อ้อ เรื่องนั้น ข้าก็พอได้ยินข่าวลือมาบ้าง พวกเขาแค่ใช้นางมาบั่นทอนความน่าเชื่อถือในตัวเจ้า แต่นางก็ยังเป็นบุตรีแม่ทัพ ก็ถือว่าไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปเสียทีเดียว"

"ข้าไม่ได้คิดใช้ประโยชน์จากการแต่งงานครั้งนี้เสียหน่อย เดิมทีก็มิได้หวังจะพึ่งพาตระกูลใดอยู่แล้ว เพียงยินยอมเพื่อให้เรื่องมันผ่านๆ ไป ด้วยเพราะไม่ต้องการฝืนใจใคร แต่เหมือนว่า สิ่งที่ข้าคิดมันไม่ถูกต้องไปเสียทีเดียว ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรี ข้าเองก็พร้อมที่จะดูแลนางไปชั่วชีวิต แต่คิดไปคิดมา ก็มีหลายเรื่อง ที่นางทำข้าประหลาดใจ ข้าว่านางอาจจะกำลังเล่นละครตบตาผู้คนอยู่"

"อืม เจ้ากำลังตั้งความหวังกับนาง แล้วคิดเข้าข้างตนเอง อาการป่วยของนางเป็นมาหลายปี ซ้ำยังรักษากับหมอมีชื่อ นางจะเสแสร้งตบตาคนได้ตั้งแต่เด็กเชียวหรือ นางจะฝืนทำเป็นเวลานานเช่นนี้ไปทำไม"

"ท่านพูดมาก็มีเหตุผล ข้าอาจจะคาดหวังกับนางจนคิดไปไกลก็ได้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ท่านก็อย่าดื่มเยอะ รักษาสุขภาพด้วย"

"อืม ก็แค่หมดนี่ ไม่มากหรอก"

..........

"พระชายา ตื่นเถอะเพคะ วันนี้ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทนะเพคะ" สองสาวใช้ยืนเรียกปลุกอยู่นาน กว่าซีเวยจะขยับตัว

"แล้วฝ่าบาทมีขนมให้ข้ากินไหม"

"อย่าห่วงเรื่องนั้นเลยเพคะ รีบลุกเถิด เดี๋ยวเลยเวลาแล้วท่านอ๋องจะถูกตำหนิเอาได้นะเพคะ"

"ก็ได้ๆ งั้นไปแบบนี้เลย จะได้ไม่สาย" ซีเวยลุกเดินแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ร้อนให้สาวใช้ทั้งสอง ต้องตามจับกลับมาเพื่อแต่งองค์ทรงเครื่องให้สมพระยศ

ท้องพระโรง

วันนี้พระชายาอ๋องต้องมาถวายน้ำชาแด่ฮ่องเต้และฮองเฮา ที่จริงก็เป็นประเพณีเคารพที่เรียบง่าย แต่กลับกลายเป็นว่า มีขุนนางมาร่วมด้วยจนแน่นท้องพระโรง

"พระชายาที่ป่วยเบาปัญญาเช่นนี้ โอกาสที่อ๋องสามจะขึ้นเป็นรัชทายาทก็คงจะริบหรี่แล้วสินะ"

"นั่นสิ น่าเสียดายจริงๆ องค์ชายใหญ่ก็กลายเป็นคนพิการ องค์ชายรองก็เคร่งพระธรรมไม่สนใจราชกิจ ในบรรดาองค์ชายทั้งหมด ก็เห็นจะมีแต่องค์ชายสามนี่และ ที่ดูเข้าตา"

"พวกเจ้าสองคนหากอยากก้าวหน้าก็ควรเลือกนายให้เป็น อ๋องสามแม้จะมีผลงานโดดเด่น แต่ก็เป็นเพียงลูกสนมชั้นกุ้ยเหริน (ลำดับ6) องค์ชายสี่โอรสของฮองเฮาต่างหาก ที่จะเป็นที่พึ่งที่มั่นคงของพวกเจ้า นั่น องค์ชายสี่มาโน่นแล้ว"

เสียงซุบซิบพลันเงียบลง เมื่อองค์ชายสี่ อู๋ไจ้เสวียนก้าวเข้ามา

"ถวายบังคมเสด็จพ่อ ถวายพระพรเสด็จแม่"

"ลุกขึ้นเถิด"

"ขอบพระทัยฝ่าบาท ที่มาเข้าเฝ้าในวันนี้ ก็เพื่อทูลถวายฎีกา ขอเสด็จพ่อทรงทอดพระเนตร"

"ดูสิ ขนาดคนมากเพียงนี้ ยังเอาแต่เรียกเสด็จพ่อเสด็จแม่ จะอวดเบ่งไปถึงไหนกัน"

"หุบปากของท่านไปก่อนเถอะ ไม่เช่นนั้นข้าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย"

เหล่าขุนนางปากหอยปากปูยังคงแอบกระซิบนินทาได้ไม่เลือกเวลา ในวังยามนี้ แม้ฝ่ายฮองเฮาจะมีอำนาจยิ่งใหญ่ล้นพ้น แต่ก็ใช่ว่าจะมีบารมีมัดใจคน ที่ยังคงสนับสนุนกันอยู่ ก็เพียงเพื่อผลประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น

“โอ๊ย จิ๊ๆ”

"ฝ่าบาท ถนอมพระวรกายด้วย พักสักหน่อยไหมเพคะ"

"ฮองเฮา เจิ้นเพิ่งมา จะให้พักอันใดอีก ฎีกามากมาย เจิ้นยังไม่ได้อ่านสักฉบับ แค่นี้ ไม่เป็นไรมากหรอก อย่าห่วงเลย ซุนกงกง ไปรับฎีกามา"

"พะย่ะค่ะ"

ฮองเฮามองโอรสตนอย่างพอใจ หลังจากที่องค์ชายใหญ่ล้มเหลว เสียทีให้แก่องค์ชายเจ็ดในครั้งนั้น นางก็หันมาหมายมั่นปั้นมือองค์ชายสี่ โอรสคนรองของนาง เพื่อผลักดันให้ขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาท พยายามปลุกปั้นให้องค์ชายผู้นี้ สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เว้นก็แต่ด้านการรบ ที่นางมิยินยอมให้ไจ้เสวียนได้แสดงฝีมือสร้างผลงานสักที

"สะ เสด็จพ่อไม่ทรงทอดพระเนตรสักหน่อยหรือพะย่ะค่ะ"

"เอาไว้ก่อนก็ได้ เจิ้นกำลังรออ๋องสามอยู่ ในระหว่างนี้ ใครมีฎีกาอะไร ก็ส่งขึ้นมาเลยแล้วกัน"

คำสั่งฮ่องเต้ ทำเอาสีหน้าฮองเฮาและองค์ชายสี่ซีดจางไปกว่าครึ่ง ขนาดนางช่วยจัดตาราง จนงานทุกอย่างมารวมชนกันในวันนี้แล้ว กิจยกน้ำชาของอ๋องซั่วหยาง ก็ยังดูสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดอยู่ดี

"อ๋องสามและพระชายาขอเข้าเฝ้า!"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป