บทที่ 9 ท้องพระโรง

"อ๋องสามและพระชายาขอเข้าเฝ้า"

เพียงทั้งสองก้าวเข้ามาในท้องพระโรง เสียงลมแผ่วของบรรดาแมงหวี่มียศ ก็เซ็งแซ่จนฮ่องเต้ต้องแสร้งกระแอมออกมา

"อะฮึ่ม!"

เหล่าขุนนางพากันสงบปากตัดความสงสัย จัดระเบียบร่างกายให้อยู่ในท่าที่สำรวม

"ถวายบังคมฝ่าบาท ฮองเฮา"

"หม่อมฉัน เฉินซีเวย ถวายบังคมฝ่าบาท ฮองเฮา"

"อืม ลุกขึ้นเถิด"

"ขอบพระทัยฝ่าบาท"

ภายในท้องพระโรงเงียบกริบ ด้วยต่างคนต่างจ้องดูปฏิกิริยาของชายาอ๋องผู้นี้ดังจับผิด ข่าวลือหนาหูที่พวกเขาได้ยินมา จะจริงเท็จแค่ไหน คำตอบนั้นอยู่ต่อหน้าพวกเขาแล้วตอนนี้ ซุนกงกงจึงได้ทำลายความสงัดนี้ด้วยการเริ่มต้นพิธียกน้ำชา

"พระชายา เชิญ"

"อ้อ ขอบใจ"

ชาอุ่นในถ้วยหยกสลักทอง ถูกยกซดจนเกลี้ยง ซีเวยปาดเช็ดมุมปากแล้วยิ้มหวานก่อนจะส่งถ้วยคืน แต่คนอื่นๆ กลับมิได้รู้สึกชื่นมื่นเช่นนาง โดยเฉพาะซุนกงกง และอ๋องสาม ที่ต้องรีบทรุดกายคุกเข่าพร่ำขออภัยโทษ

"พระชายา นั่งลงเร็ว"

ซุนกงกงผู้กระอักกระอ่วนใจ เร่งดึงแขนพระชายาคนงามให้นั่งคุกเข่าเช่นตน

"ให้ข้านั่งทำไมอีก ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้ายืนได้แล้ว" นางเอ่ยแย้ง ซ้ำยังทำหน้าสงสัย ดังว่าตนมิได้ทำอันใดผิด

"เฉินซีเวย น้ำชานั่น เจ้าต้องรินขึ้นถวายฝ่าบาท มิใช่นำมาดื่มเสียเอง คุกเข่าเดี๋ยวนี้" อู๋ซั่วหยางกัดฟันเอ่ยกับพระชายาตน ก่อนที่เรื่องจะลุกลามบานปลาย

"อ่อ ฝ่าบาทอย่าทรงพิโรธไปเลยนะเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่า พระชายามีอาการป่วยเล็กน้อย อาจจะเลอะเลือนไปบ้าง มิควรถือสา ฝ่าบาททรงพระทัยกว้างอยู่แล้วนี่เพคะ" เป็นฮองเฮาเอ่ยออกหน้าแทนสะใภ้ใหม่ แต่ก็เหมือนดังประกาศยืนยันให้ทุกคนรับรู้ถึงความผิดปกติของพระชายาอ๋องสามผู้นี้

"ทูลฝ่าบาท การกระทำของหม่อมฉัน อาจจะดูขัดตาผู้อื่น แต่หม่อมฉันก็ทำไปด้วยความจงรักภักดี" ซีเวยเอ่ยชี้แจง แต่ก็ชวนให้ฉงน

"อย่างนั้นหรือ?"

"เพคะ หม่อมฉันได้สละตนเพื่อทดสอบพิษแทนฝ่าบาทแล้ว น้ำชากานี้ ปลอดภัยเพคะ" อ๋องสามมองดูซีเวยด้วยความประหลาดใจ ไหวพริบการเอาตัวรอดของนางนับว่าใช้ได้ แต่จะส่งผลให้นางรอดได้หรือไม่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฝ่าบาท

"ฮ่าๆๆ ดี เช่นนั้นก็จงรินขึ้นมาเถอะ"

"เพคะ"

ทุกคนที่คอยลุ้น ต่างพากันถอนหายใจยาวโล่งใจ เมื่อได้ยินฝ่าบาทตรัสเช่นนั้น แต่ด้วยปัญญาของพระชายาสามที่แสดงให้เห็นประจักษ์นั้น ก็ยากที่จะเชื่อว่านางสติไม่สมประกอบ การกระทำใจกล้าท้าตายของนาง ก็ทำให้ผู้คนไขว้เขวสับสนได้ไม่น้อย

พิธียกน้ำชาผ่านไปอย่างราบรื่น เกินคาด ฝ่าบาทเอ็นดูและพอใจนางมาก ถึงขั้นประทานของกำนัลให้แก่นาง แต่ด้วยความกังวลว่าผู้ไม่ประสงค์ดี จะเพ่งเล็งเล่นงานพระสวามีนางหนักขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อ ความสงบที่นางเฝ้าถวิลหา นางจึงยังแสร้งวางจริตก้ำกึ่งให้พวกเขาขบคิดเล่น ด้วยการเรียกร้องรางวัลที่เป็นของกินเท่านั้น

"นั่นนางฉลาดหรือดวงดีกันแน่ ดูสิ นอกจากไม่เป็นอะไรแล้ว ฝ่าบาทยังประทานอาหารดีๆ ให้นางกินอีก น่าโมโหนัก" ลี่มี่กงจู่จ้องมองพระชายารองอ๋องสาม นัยน์ตาร้อนผ่าว

"กับแค่โสม นมวัว เนื้อแพะ เนื้อแกะ ถ้าเจ้าอยากกิน ให้ห้องเครื่องที่จวนทำให้ก็ได้นี่" องค์ชายห้าผู้เป็นพี่ชายเอ่ยบอกด้วยสีหน้างุนงง

"มันไม่เหมือนกัน ข้าอยากกินของที่ฝ่าบาทประทานให้!"

"เช่นนั้น เจ้าก็ลองไปแย่งเครื่องเสวยฝ่าบาทมากินดูสิ ข้าว่าต้องได้ผลแน่"

"ท่านพี่!" คำแนะนำอันโง่เขลาขององค์ชายห้า ทำให้ลี่มี่โมโหหนัก หากไม่รู้นิสัยว่าพี่ชายเป็นคนหัวทึบแล้วล่ะก็ คงคิดว่าเขาพูดกระแทกแดกดันนางเป็นแน่

"ยินดีกับเสด็จพี่ด้วย ขอให้ท่านทั้งสองครองรักราบรื่น มีบุตรในเร็ววัน"

องค์ชายสี่หันมาอวยพรแสดงความยินดีกับพระเชษฐา แต่คำอวยพรนั้นทำให้คู่แต่งงานใหม่ต้องหันหน้ายิ้มเจื่อนมองกัน

'มีบุตรเช่นนั้นหรือ ไม่มีทาง!'

.....................

อ๋องสามและพระชายากลับตำหนักมาพร้อมรางวัลพระราชทานจากฝ่าบาท สายตาของซั่วหยาง มองดูพระชายารองของตนอย่างเพ่งพินิจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัย

"ท่านมองข้าเช่นนี้ กลัวข้าไม่แบ่งของกินให้หรือ อัยหยา วางใจเถอะ ข้าให้ท่านกินได้มากเท่าที่ท่านจะพอใจเลยหละ"

"ฮึ เจ้าแน่ใจหรือ" ซั่วหยางยกยิ้มอย่างมีเล่ห์ ซีเวยเองก็ประหวั่นพรั่นเกรงสายตาพราวคู่นั้น

"ทะ ท่าน จะไม่กินหมดใช่ไหม"

นางยังคงเสแสร้งแกล้งตีหน้าซื่อทำเป็นกังวลใจ

"วางใจเถอะ ข้าไม่แย่งสุนัขกินหรอก เอาล่ะข้ายังมีงานต้องทำอีกมาก เจ้าก็หาอะไรทำตามสบาย ไว้ตอนเย็นข้าจะกลับมากินข้าวด้วย ไปนะ ไม่ต้องส่ง"

ซีเวยพยักหน้าโบกมือลา นางยังคงมีอารมณ์และท่าทีที่ดีไร้ความกังวลใดๆ จนเขาเดินไปพ้นสายตา ใบหน้าของนางจึงแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ใหม่

"ฮึ หาว่าข้าเป็นหมาอีกแล้ว คอยดูเถอะ ข้าจะกัดท่านให้พรุนไปทั้งตัวเชียว ชิ!"

แม้จะมีอารมณ์ขุ่นเคืองเขาบ้างเล็กน้อย แต่ตอนนี้นางก็สัมผัสได้ ว่าเขากำลังสงสัยในตัวตนของนาง จากนี้จะทำอะไรคงต้องระวังตัวมากขึ้นไปอีก

...................

บทก่อนหน้า
บทถัดไป