บทที่ 14
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่แตะต้องตัวเจ้า” ซวีชิงหย่วนกระซิบ พ่นลมหายใจอุ่น ๆ รดแก้มนาง
ร่างกายที่หนาวเล็กน้อยถูกเขาทำให้อุ่นแล้ว เขาเป็นเตาไฟยักษ์ตามธรรมชาติจริง ๆ หลี่อวิ้นก็ไม่ผลักอีก "อืม" รับเสียงเบา
กิจกรรมในวันนี้สำหรับหลี่อวิ้นแล้วมากเกินไปจริง ๆ นอนบนเตียงก็หลับไปทันที นางในความฝัน รู้สึกข้างกายมีกรุสมบัติขนาดใหญ่หนึ่งกล่อง นางวิ่งตามสมบัติตลอดทาง จนใจกลับหาไม่เจอ ที่จริงนางยังไม่สังเกต ระบบค่อย ๆ เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
ซวีชิงหย่วนตะแคงตัวมองท่าทางนางนอนหลับ แล้วดูเด็กสองคนข้างใน สุดท้ายก็ไม่กล้าขยับ ครั้งนี้นางไม่ได้ต่อต้านการเข้าใกล้ของตัวเองก็เป็นสัญญาณที่ดี
วันรุ่งขึ้น ตอนหลี่อวิ้นตื่นมา เด็กสองคนข้างตัวได้ตื่นนอนแล้ว กำลังลืมตานอนเงียบอยู่บนเตียง
"พวกเจ้าทั้งสองตื่นแล้วหรือ" หลี่อวิ้นเพิ่งตื่น ได้ยินเสียงเฉื่อย ๆ เหมือนยังไม่ตื่นนอน
ซวีชิงหย่วนนอนอยู่ข้างนอก ลุกมาสวมเสื้อผ้าก่อน หลี่อวิ้นเห็นเขา เมื่อคืนน่าจะเป็นหนึ่งครั้งที่นางอบอุ่นที่สุด ต้องขอบคุณผู้ชายข้างกาย
“พี่หย่วน พี่ออกไปดูหิมะข้างนอก พวกเราไปในเมืองสักเที่ยวได้ไหม ในบ้านไม่มีข้าวสารและแป้งหมี่แล้ว พวกเราทนได้ แต่พวกลูก ๆ ไม่ได้ อีกอย่างซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันมาหน่อย"
ซวีชิงหย่วนมองนางแล้วพยักหน้าให้ แต่นัยน์ตาแฝงความลังเล เงินในบ้านก่อนหน้านี้เขาให้หลี่อวิ้นเจ้าของเดิมหมด เพียงแต่ไม่รู้ตอนนี้เงินยังเหลือเท่าไหร่
หลี่อวิ้นไม่เห็นความลังเลของเขา ช่วยเด็กสองคนสวมเสื้อผ้าให้พวกเขาลงเตียง
หลี่อวิ้นนั่งอยู่บนเตียง ที่จริงคิดดูแล้ว สมัยโบราณก็ดีไม่น้อย นอกจากกินไม่อิ่ม ไม่มีเสื้อผ้าให้ความอบอุ่น อย่างน้อยไม่กดดันหนักเหมือนยุคปัจจุบันขนาดนั้น และเพราะการต่อสู้เพื่ออาหารเสื้อผ้าขั้นพื้นฐานที่สุด ถึงไม่มีเวลาไปทำเรื่องไร้สาระ
ที่จริง หลี่อวิ้นในยุคปัจจุบันใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่งร่ำรวย แต่ก็มีแรงกดดันของช่วงอายุนางอยู่ มาถึงที่นี่กะทันหัน ความกังวลทั้งหมดก่อนหน้านี้ รวมถึงนัดเดต แต่งงาน มีลูก แรงกดดันเหล่านี้เหมือนหมดไปแล้ว
แต่ว่าหลังจากข้ามมิติมาถึงยุคโบราณ นางค้นพบเรื่องน่าเศร้าสุด ๆ สามีตนเป็นพรานล่าสัตว์ในป่า ครอบครัวยากจน ยังไม่มีที่นา ไม่มีรายรับ อาศัยเหยื่อที่ล่ามาได้อดมื้อกินมื้อ เด็กสองคนดูแล้วถึงอายุเข้าโรงเรียน หลี่อวิ้นคิดแล้วว้าวุ่นใจจริง ๆ
มื้อเช้าดื่มน้ำแกงเนื้อ เพราะในบ้านไม่มีข้าวสารและแป้งหมี่ มันฝรั่งและไข่ไก่ที่เหลือเล็กน้อยสุดท้ายก็ต้มหมดแล้ว นางและซวีชิงหย่วนดื่มน้ำแกงเนื้อและมันฝรั่งพออิ่มท้อง
ซวีชิงหย่วนมองเส้นทางภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เดินลำบากเล็กน้อย แต่ตอนนี้ในบ้านไม่มีอาหารอะไรกินแล้ว หากไม่ไปในเมืองละก็ จะให้พวกเขาอดตายในบ้านหรือ ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องไปเดิมพันในเมืองสักครั้ง
หลังอาหารเช้า ซวีชิงหย่วนพาหลี่อวิ้นไปในห้องโถง ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน
ซวีชิงหย่วนมองและพูดกับหลี่อวิ้นเสียงเบา “ในบ้านยังเหลือเงินเท่าไหร่?”
"หมดไปนานแล้ว" นางไม่รู้จริง ๆ ว่าหลี่อวิ้นเจ้าของเดิมได้ซ่อนเงินไว้ไหม หรือว่าเงินที่เก็บถูกพวกนางหลี่หลอกเอาไปหมดแล้ว อธิบายอย่างยุ่งยากไม่สู้พูดตรง ๆ ว่าเงินหมดแล้ว
หลี่อวิ้นรู้สึกทันทีที่ตัวเองพูดจบ จู่ บรรยากาศเงียบจนอึดอัดขึ้นมา "ขอโทษ เรื่องเงิน ข้า..."
"ไม่เป็นไร ข้าแค่ถามก่อน หากมีเงินนำมาให้ข้า ข้าไปในเมืองดูว่าซื้ออาหารอะไรกลับมาได้ไหม" ซวีชิงหย่วนกำลังคิด เส้นทางภูเขาเดินลำบาก เขาอยากถือเงินลงเขาเข้าเมือง จะได้ไม่ให้หลี่อวิ้นเดินทางเหนื่อยไปด้วย
หลี่อวิ้นเห็นถึงความผิดปกติของซวีชิงหย่วน อธิบายทันทีว่า "พี่พาข้าไปในเมืองด้วยเถอะ ตั้งแต่เด็กข้าเคยเรียนงานปักกับป้า ๆ ในหมู่บ้าน ลายเสื้อผ้าข้าก็รู้หมด ไม่สู้พวกเราไปเสี่ยงดวงในเมือง ถ้าหาเงินได้จริงเล่า”
หลี่อวิ้นคิดถึงทักษะของตน อย่างน้อยตัดเย็บคงหาเงินได้มั้ง หากไม่ได้จริง ๆ วาดแบบเสื้อผ้าออกมาให้พวกเขาสองสามแบบ นางที่เรียนการออกแบบเสื้อผ้ามา สำหรับแบบเสื้อผ้าวาดได้ดั่งใจสั่ง ถึงอย่างไรในยุคปัจจุบันนางก็เคยได้รางวัลคนรุ่นใหม่ยอดเยี่ยม รางวัลเสื้อผ้ายอดนิยมยอดเยี่ยม รางวัลน้อยใหญ่ก็เคยได้เงินรางวัลด้วย
แต่นางพูดแบบนี้ต่อหน้าซวีชิงหย่วนหนุ่มโบราณแบบนี้ไม่ได้
ซวีชิงหย่วนมองที่นาง คิ้วคมขมวดขึ้น "ร้านปักใหญ่ ๆ ในเมืองล้วนมีหญิงชำนาญปัก พวกเขาไม่รับของที่ทำจากสาวชาวบ้าน เจ้าอยากใช้งานปักหาเงิน วิธีนี้ค่อนข้างลำบาก"
“แล้วพี่ว่าตอนนี้ควรทำอย่างไร? หากลงเขาละก็ พวกเรายังได้ลอง หากไม่ลงเขา พวกเราทำได้แค่อยู่บนเขารออดตาย แข็งตายแล้ว” น้ำเสียงหลี่อวิ้นมีความร้อนใจนิด ๆ นางไม่อยากอดตาย แข็งตายอยู่บนภูเขา
ซวีชิงหย่วนสัมผัสได้ถึงความร้อนใจของนาง ความรับผิดชอบของผู้ชายขึ้นมาในชั่วพริบตา "มีข้าอยู่ไม่ต้องกลัว"
"พี่หย่วน ข้าเชื่อในตัวพี่ แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีอะไรจะกินจริง ๆ ไปในเมืองเสี่ยงโชค เผื่อหาเงินได้ล่ะ"
หลี่อวิ้นคิดอยู่ อย่างน้อยในสมองนางก็มีความรู้อายุยี่สิบเอ็ด ด้วยสติปัญญาของตัวเองหาเงินน่าจะไม่มีปัญหา
ที่จริงเห็นหลี่อวิ้นพูดเหมือนมั่นใจ แต่ในใจก็กังวลมาก ๆ กังวลคนโบราณจะไม่ยอมรับและซื้อ
เห็นดวงตาแน่วแน่ของนางจ้องตน ซวีชิงหย่วนก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ "ได้ เอาตามที่เจ้าว่ามา"
เด็กสองคนมองพวกเขา สายตาหวาดกลัว รอหลี่อวิ้นหันไปมอง พวกเขาก็ก้มหน้ามองกองไฟอีกครั้ง
"ข้ากับพ่อเจ้าออกไปซื้อของกินให้พวกเจ้า ดังนั้นเสี่ยวหนานและเสี่ยวเป่ยเป็นเด็กดีอยู่บ้านได้ไหม?" หลี่อวิ้นเดินไปหยุดตรงหน้าพวกเขาสองคนถามด้วยรอยยิ้ม
"ได้เจ้าค่ะ ท่านแม่ ข้ากับพี่ชายจะรออยู่ในบ้าน ใครเคาะประตูก็จะไม่เปิด" เสี่ยวเป่ยเชื่อฟังคำของหลี่อวิ้นที่สุด พูดด้วยความมั่นใจ
“จำได้ก็ดี น่าจะไม่มีใครมาเคาะประตู พวกเจ้าสองคนรออยู่บนเตียงในบ้านดี ๆ รอข้ากับพ่อเจ้ากลับมา จะเอาของกินอร่อยมากมายมาให้พวกเจ้า เสี่ยวหนานมีอะไรอยากกินไหม?” หลี่อวิ้นเห็นเสี่ยวหนานทำหน้าเย็นชาไม่พูดจา เลยถามเขาโดยตรง
“พี่ชายอยากกินซาลาเปาเนื้อ เสี่ยวเป่ยก็อยากกินซาลาเปาเนื้อเหมือนกัน” เสี่ยวเป่ยเข้าไปในอ้อมกอดนุ่ม ๆ ของหลี่อวิ้นแล้วพูด
“ได้ ไม่มีปัญหา จะซื้อให้พวกเจ้า”
“งั้นพ่อแม่จำไว้ว่าต้องกลับมานะ” เสี่ยวหนานไม่เงียบอีกต่อไป พูดเสียงเบา มองหลี่อวิ้นแล้วหันไปมองซวีชิงหย่วน
“ที่นี่เป็นบ้านของพวกเราต้องกลับมาแน่นอน จริงไหมพี่หย่วน?” หลี่อวิ้นกอดเด็กทั้งสองอยู่ ยิ้มให้ซวีชิงหย่วน
ซวีชิงหย่วนพยักหน้า “กลับมาแน่นอน”
หลี่อวิ้นและซวีชิงหย่วนออกบ้านครั้งนี้ เอาถุงมัดบนตัวเป็นพิเศษ และเพื่อไปเมืองซื้อของจะได้ใส่ข้างในได้ เดิมอยากแบกตะกร้า หาทั่วบ้านก็ไม่เจอทำได้แค่ยอมแพ้
ลงจากบ้านเล็กบนเขา ทั้งสองคนเดินตามเส้นทางภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะอย่างยากลำบาก
หลี่อวิ้นมองซวีชิงหย่วนอยู่แอบคิด 'ปีใหม่พวกเขาฉลองกันอย่างไร? หรือว่าหิมะตกก็ยังต้องไปในเมืองซื้อของแบบนี้หรือ? "
“พี่หย่วน เมื่อก่อนพวกเราใช้ชีวิตหน้าหนาวกันอย่างไร? ทำไมรู้สึกหน้าหนาวปีนี้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก”
"ตอนปีใหม่ทุกปี เจ้าจะกลับไปอยู่บ้านแม่ รอต้นฤดูใบไม้ผลิถึงกลับมา ปีนี้เพราะเจ้าป่วยไม่ได้ไป" ซวีชิงหย่วนอธิบายเรียบ ๆ เหมือนการดำรงอยู่ของหลี่อวิ้นเจ้าของเดิมไม่มีความสำคัญกับเขา
"ไม่ได้ถามเรื่องนี้ ที่ข้าอยากถาม หน้าหนาวทุกปีอาศัยอยู่บนเขา ฉลองปีใหม่ต้องกินอะไร?" หลี่อวิ้นทำเสียงขึ้นจมูก นางไม่ได้ถามถึงหลี่อวิ้นเจ้าของเดิม แค่อยากรู้คนบนภูเขาใช้ชีวิตหน้าหนาวอย่างไร
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ส่วนใหญ่ล้วนซื้อของจากในเมืองมาเก็บตุนในบ้าน สะดวกต่อการใช้ชีวิตหน้าหนาว สามปีมานี้ ทุกสามหรือห้าวันข้าจะออกไปล่าสัตว์พอกินอิ่มนอนอุ่นได้" เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง รู้แต่เรื่องนอกบ้าน เรื่องซื้อของเก็บในบ้านไม่ค่อยรู้จริง ๆ
"หน้าหนาวท่ามกลางหิมะออกไปล่าสัตว์ ลำบากมากจริง ๆ อีกทั้งหน้าหนาวหิมะตกสัตว์ก็จำศีล พี่ล่าเหยื่ออะไรมาได้ ดูท่าวิธีนี้ไม่รอด" หลี่อวิ้นพึมพำ นางวิเคราะห์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ทั้งสองเดินไปพลางพูดคุยไปพลาง ลมหายใจเข้าออกกลายเป็นละอองน้ำตกอยู่บนเสื้อ ซวีชิงหย่วนปัดให้นาง เห็นข้างหน้าเป็นถนนเรียบ เขาพูดกับหลี่อวิ้น "ถนนเรียบเดินง่าย เจ้าขึ้นมาข้าแบกเจ้าเดินระยะหนึ่ง"
"จากที่นี่ถึงตัวเมืองยังต้องใช้เวลาเท่าไหร่?" หลี่อวิ้นก็ไม่เสแสร้ง ปัดหิมะบนตัวเขาแล้วหมอบลงไปกอดคอของเขา เข้าใกล้ต้นคอของเขา ตัวติดซวีชิงหย่วนนางถึงรู้สึกไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่
"ยังมีอีกชั่วยามครึ่ง"
สามชั่วโมงหรือ หลี่อวิ้นสงสารซวีชิงหย่วนจริง ๆ กอดคอของเขาแน่น แต่ไม่รู้ว่าเกือบรัดคอคนตายแล้ว
เดิน ๆ หยุด ๆ มองเห็นตรงหน้าจะเข้าเมืองแล้ว นอกเมืองปกคลุมด้วยพื้นหิมะ ประตูเข้าเมืองสี่เสาใหญ่ ตั้งตรง ด้านบนมีอักษรพู่กันตัวบรรจงสามตัวอักษรเต็มไปด้วยพลังอำนาจ ตำบลชิงหลง
“พี่หย่วนถึงตัวเมืองแล้ว พี่รีบวางข้างลงมา”
"ตำบลชิงหลงเป็นเมืองที่ใกล้หมู่บ้านที่สุด และที่นี่เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด อาอวิ้นอยากทำอะไร?" ซวีชิงหย่วนก้มตัววางหลี่อวิ้นลง มองและถามนางด้วยความกังวล
พวกเขามาในเมืองครั้งนี้คือบนตัวไม่มีเงินสักเหวิน อยากซื้อของจะเป็นไปได้อย่างไร
"ร้านตัดเสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในตำบลชิงหลงอยู่ที่ไหน? พี่พาข้าไปหน่อย" หลี่อวิ้นจับมือของซวีชิงหย่วน เอียงตัวจ้องเขา
โดนนางมองแบบนี้ ซวีชิงหย่วนไม่แน่ใจแค่ไหนก็หายไปหมดแล้ว
ซวีชิงหย่วนหน้าตาดีพูดน้อย ถึงแม้ไม่แน่ใจหลี่อวิ้นจะทำอะไร ก็ยังพานางไปร้านหรูอี้ร้านตัดเสื้อที่ใหญ่ที่สุดของตำบลชิงหลง
ร้านหรูอี้ร้านตัดเสื้อที่ใหญ่ที่สุดในตำบลชิงหลงแห่งนี้ พวกเขากล้าบอกว่าเป็นที่สอง ก็ไม่มีใครกล้าเป็นที่หนึ่ง
เป็นครั้งแรกที่หลี่อวิ้นเห็นร้านโบราณที่ใหญ่เช่นนี้ พูดว่าไม่เกรงใจเป็นเรื่องโกหก ครั้งนี้นางมาคือต้องเอาเงินจากมือคนอื่น
"อาอวิ้น ไม่ต้องกลัว พวกเราแค่เข้าไปดูเฉย ๆ ไม่เป็นไร" ซวีชิงหย่วน ปลอบเสียงเบาอยู่ข้าง ๆ นาง
“ข้าไม่กลัว มีพี่หย่วนอยู่ ข้าจะกลัวอะไร อีกอย่างพวกเรามาคุยธุรกิจค้าขาย ไม่ได้มาทะเลาะวิวาท”
ซวีชิงหย่วนไม่เข้าใจความหมายทะเลาะวิวาทที่หลี่อวิ้นพูดคืออะไร เดาว่าน่าจะเป็นตีกันมั้ง
สมเป็นร้านใหญ่ที่หนึ่งในเมือง แค่เด็กรับใช้ยืนอยู่ก็สามคน เพียงแต่เห็นหลี่อวิ้นเข้ามา เด็กรับใช้สองในสามแม้แต่ชายตายังขี้เกียจ มีแค่คนหนึ่งที่ดูเป็นเด็กรับใช้ อายุราว ๆ สิบสามปี หลี่อวิ้นรู้สมัยโบราณตั้งแต่เด็กมาก็มาฝึกงาน ก็ไม่ได้ตกใจอะไร
