บทที่ 9

ซวีชิงหย่วนเคาะประตู เป็นผู้หญิงอายุราวสิบสามสิบสี่ปีเปิดประตูออกมา หน้าตาจิ้มลิ้ม ก็แค่แววตาดูมึนงง นางเป็นน้องสาวของซวีชิงหย่วน ชื่อชิงเหมย

ซวีชิงเหมยเห็นซวีชิงหย่วน ปากสั่นเรียกเหมือนไม่มีแรงว่า "พี่ใหญ่ พะ... พวกพี่มาบ้านมีธุระอะไรหรือ?"

“กลับมาเยี่ยม ท่านพ่อท่านแม่สบายดีไหม? ชิงเฟิง ชิงอวี่เป็นไงบ้าง?” ซวีชิงหย่วนพยายามพูดอย่างนุ่มนวลที่สุด เพราะเขาไม่ยิ้มใบหน้าแข็งกลายเป็น เท่าที่จะทำได้ เพราะตลอดทั้งปีเขาไม่ได้ยิ้ม ใบหน้าไม้ของเขากลายเป็นสัญชาตญาณ ใบหน้าเย็นชาเช่นนี้ ถึงจะหน้าตาดีแค่ไหน ในสายตาคนอื่นก็ทำให้คนกลัวได้

"ยังเหมือนเดิม ในบ้านไม่มีอาหารแล้ว พ่อแม่พวกเราหิวมาสามวันแล้ว" ซวีชิงเหมยว่า

หลี่อวิ้นยืนอยู่หน้าประตู ทำตัวไม่ถูก ทั้งตื่นเต้นและกังวลนิด ๆ เจอพ่อแม่สามีและยังมีน้องสาวสามี ได้ยินคำถามของซวีชิงหย่วน ในบ้านยังมีน้องชายสามีอีกสองคน

"สวัสดี ชิงเหมย" หลี่อวิ้นยิ้มและชิงเหมยอย่างไม่เป็นธรรมชาติ แต่ไม่เกลียด อีกทั้งน้องสาวคนนี้ดูอ่อนแอ เป็นคนที่ใครเห็นก็อยากรังแกแบบนั้น ดูไม่เหมือนคนร้ายที่รังแกคนอื่นเป็น

"พี่... พี่รังเกียจครอบครัวพวกเรามากไม่ใช่หรือ ยังมาอีกทำไม? เป็นครั้งที่สองที่พี่มาในรอบสามปีนี้" ซวีชิงเหมยเป็นคนซื่อสัตย์ คำพูดตรงไปตรงมา

รอยยิ้มบนใบหน้าหลี่อวิ้น แข็งในชั่วพริบตา

ซวีชิงหย่วนมองซวีชิงเหมยแล้วพูดว่า "เข้าบ้านก่อนค่อยคุย ก่อนหน้านี้พี่สะใภ้เจ้าล้มป่วย จำเรื่องอะไรไม่ได้เลย"

“ใช่ ข้าลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว” หลี่อวิ้นพูดสอดคล้องกับซวีชิงหย่วน

ซวีชิงเหมยมองหลี่อวิ้น "เสี่ยวหนานเสี่ยวเป่ยพี่ก็ลืมด้วยหรือ?" นางยังอยากถามต่อ

ซวีชิงหย่วนขัดจังหวะนางทันที "พี่สะใภ้เจ้าเข้ากับพวกเขาสองคนได้ดี ชิงเหมยอย่าถามเหลวไหล"

ซวีชิงเหมยรับคำเสียงเบา วิ่งไปในบ้านตะโกนบอกคนข้างในว่า "พี่ใหญ่และพี่สะใภ้กลับมาแล้ว"

“หา พี่ใหญ่เจ้าและนางกลับมาแล้ว รีบให้น้องชายเจ้าสองคนกลับห้อง อย่าออกมารบกวน พ่อเจ้าล่ะ ไปเรียกพ่อเจ้าเปลี่ยนชุดสะอาด หลีกเลี่ยงอีกเดี๋ยวรังเกียจพวกเขาสกปรก”

แม่ซวีแก่แล้ว ลูกชายคนโตปีนี้อายุยี่สิบแปดยี่สิบเก้า นางก็ไม่สาวแล้ว ใบหน้าสี่สิบกว่าเพราะออกไปทำงานประจำ ดำและเหลือง ขาดสารอาหาร เส้นผมหวีดูสะอาด ใช้ตาข่ายสีดำสวมตรึงไว้ เสื้อสีขาวอมเทา ดูกึ่งใหม่ วางมือเป็นระเบียบ

ดูลักษณะเหมือนเจอลูกสะใภ้ที่ไหน บอกว่ามาเจอองค์จักรพรรดิก็ไม่เกินจริง

หลี่อวิ้นมาถึงในบ้าน ถึงพบว่าบ้านที่พ่อแม่ซวีชิงหย่วนอาศัย ผนังหยาบ ดำชื้นไม่ว่ายิ่งดูเล็กและมืดมาก

ในบ้านมีเพียงเตาไฟกลางบ้านนั้น ไฟด้านในแกว่งจะดับไม่ดับอยู่ ซวีชิงหย่วนเห็นใบหน้าหลี่อวิ้นแดงก่ำ ดันนางไปหน้าเตาไฟ "เจ้าผิงไฟไปก่อน"

"ข้าไม่เป็นไร กลับเป็นเจ้า รอเท้าและเสื้อผ้าเปียกหมดแล้วรีบมานั่งตรงนี่ ให้ข้าดูแผลบนตัวเจ้าหน่อย" หลี่อวิ้นพูดอยู่ให้ซวีชิงหย่วนนั่งลง นางขยับมือจะช่วยเขาดูแผล

“บาดแผลติดอยู่ด้วยกัน เจ้าไม่ต้องสนใจ รอตอนกลางคืนค่อยวันกัน” ซวีชิงหย่วนยื่นมือห้าม บาดแผลเล็กน้อยบนตัว เขายังอดทนไหวอยู่

"คงเจ็บมากแน่ ๆ เมื่อครู่ต้องขอบคุณเจ้าที่ขวางไว้ ไม่งั้นแผลนี้ก็อยู่บนตัวข้าแล้ว" แววตาหลี่อวิ้นสลด นางคิดไม่ถึงจริง ๆ สกุลหลี่จะทำกับนางบบนี้ ยังมีหลานชายจอมดื้อนั้น เกรงว่าหากไม่อบรมสั่งสอนเพิ่ม อนาคตต้องเป็นคนหาเหาใส่หัว

ซวีชิงหย่วนจ้องนาง แววตาดูอ่อนโยนลงไม่รู้ตัว "สมควรแล้ว ข้าเป็นสามีเจ้า ต้องปกป้องเจ้าเป็นธรรมดา"

หลี่อวิ้นได้ยินคำพูดเขา มุมปากโค้งที่จริงในใจดีใจมาก มาถึงต่างโลกพ่อแม่พี่ชายพี่สะใภ้ไม่รัก อย่างน้อย ยังมีผู้ชายคนหนึ่งดีต่อนาง อีกทั้งคนนี้ดูแล้วไว้ใจพึ่งพาได้

ตอนพ่อซวีและแม่ซวีออกมา เห็นหลี่อวิ้นยกมุมปากยิ้มดีใจพอดี เห็นรอยยิ้มนั้น แต่ชายชราเกร็งไปทั้งตัว กลัวจริง ๆ ว่าลูกสะใภ้คนนี้จะมีความคิดพิเรนอะไร

ไม่ง่ายเลยจะขอภรรยาให้ลูกชายคนโต ขอแค่พวกเขามีชีวิตที่ดี พวกเขาสองคนแก่ ไม่ยุ่งได้ก็จะไม่ยุ่ง

ซวีชิงเหมยก็ตามออกมา เห็นซวีชิงหย่วนและหลี่อวิ้น พูดกับแค่ซวีชิงหย่วนว่า "พี่ใหญ่ พ่อแม่มาแล้ว"

“อืม” ซวีชิงหย่วนรับเสียงเบา พร้อมลุกขึ้น

เป็นครั้งแรกที่หลี่อวิ้นเจอพ่อแม่ของซวีชิงหย่วน มองดูท่าทางซีดเซียวและผ่านโลกมามากของพวกเขา

นิ่งอยู่กับที่ทันที ไม่เคยคิด หน้าตาถือว่าหล่อเหลาของซวีชิงหย่วน พ่อแม่หน้าตาธรรมดาไม่ว่า ยังเต็มไปด้วยท่าทีแก่ชรา สองคนนี้หาอยู่ในยุคปัจจุบัน น่าจะอยู่รุ่นคุณปู่คุณย่าแล้ว

"ท่านพ่อ ท่านแม่..." หลี่อวิ้นเรียกเบา ๆ

แม่ซวีและพ่อซวีตกใจเกือบล้ม มองพวกเขาด้วยไปใบตกตะลึง "นะ... นี่คือ..." จู่ ๆ ก็เรียกพ่อแม่ นี่คือจะขอสิ่งของอะไรอีก? ในบ้านไม่มีเงินแล้ว และไม่มีข้าวสารอาหารแล้ว ไม่มีอะไรให้จริง ๆ

“ท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่บอกว่า พี่สะใภ้ล้มป่วยลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปเยอะ พี่สะใภ้ตอนนี้ดูแปลกเป็นธรรมดา” ซวีชิงเหมยน้องสาวสามีช่วยไกล่เกลี่ย

ที่จริงความตั้งใจของซวีชิงเหมยไม่ใช่ช่วยหลี่อวิ้นไกล่เกลี่ย นางสงสารพ่อแม่ กลัวพวกเขาอายุเยอะแบบนี้จะตกใจเกิดเรื่องเพราะพี่สะใภ้

"ใช่ ข้าป่วยลืมเรื่องไปเยอะ ก่อนหน้านี้ข้าคงทำเรื่องผิดต่อทุกคนมาก ข้าขอโทษ..." หลี่อวิ้นจินตนาการได้ ความรู้สึกเจ้าของร่างเดิมรังเกียจพ่อแม่สกุลซวี รู้สึกติดค้าง ก้มตัวคำนับหนึ่งครั้ง

ตอนนี้พ่อแม่สกุลซวีตกใจถอยหลัง แต่ว่าสีหน้าพ่อซวีดูปกติกว่าหน่อย

“มะ... ไม่เป็นไร วันหน้าเจ้ากับลูกคนโตใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอ วันนี้พวกเจ้ามาเห็นพวกเราแล้ว ไม่มีธุระอะไรก็รีบกลับไปเถอะ”

หลี่อวิ้นเหงื่อตก นี่คือกำลังไล่พวกเขากลับ

"ก็ดี พวกท่านไม่เป็นไรก็ดี อดทนผ่านช่วงเวลานี้ ผ่านหน้าหนาวถึงต้นฤดูใบหน้าผลิปีหน้า ข้าจะซื้อที่นาไม่กี่หมู่ให้ท่านพ่อท่านแม่ปลูก" ซวีชิงหย่วนลุกขึ้นกำลังจะไป

หลี่อวิ้นดึงเสื้อผ้าของเขา น้ำแข็งบนรองเท้าของเขายังไม่ละลายเลย ทำไมต้องรีบร้อนกลับขนาดนี้

สายตาบอกใบ้ให้เขาอยู่ต่ออีกหน่อย เหมือนซวีชิงหย่วนมองไม่เห็น และไม่รู้ว่าเข้าใจความหมายนัยน์ตาของนางไหม

"รอเดี๋ยวก่อน" หลี่อวิ้นลนลานแล้ว ซวีชิงหย่วนจะไปทั้งแบบนี้เลย

"หืม?" ซวีชิงหย่วนไม่เข้าใจความหมายของนาง? ทำไมยังไม่กลับ

"ข้าทั้งหิวและหนาว กินอาหารก่อนค่อยไปได้ไหม?" น้ำเสียงหลี่อวิ้นอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว ดูอ่อนแอน่าสงสารมาก นางหิวจริง ๆ อากาศหนาวเย็น หากไม่กินอาหาร ในร่างกายก็ไม่มีพลังงาน ก็จะฟันกระทบ หนาวสั่นหนาวไปทั้งตัว

"แต่ว่า บ้านพวกเราไม่มีของกินแล้ว" ซวีชิงเหมยขมวดคิ้วแน่น กลัวว่าพี่สะใภ้คนนี้จะหาเรื่องให้พ่อแม่ลำบากใจอีก

“มีเนื้อแกะไม่ใช่หรือ ต้มนี่กิน กินอิ่มพวกเราก็กลับ” หลี่อวิ้นยิ้มจาง ๆ กระพริบตาปริบ ๆ

"ชิงเหมย เจ้ารีบไปต้ม รีบต้มให้เสร็จให้พี่สะใภ้และพี่ใหญ่เจ้ากิน" แม่ซวีถอนใจโล่งอก ลูกสะใภ้ไม่ก่อเรื่องก็ดี ก็ดีแล้ว

“ค่ะ ท่านแม่” ชิงเหมยตอบรับ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป