บทที่ 8 บทที่ 7

บทที่ 7

ภายในห้องอาหารในบ้านขจรศักดิ์ หญิงสาวใส่ชุดเดรสสีดำไว้ทุกข์ที่ยาวกรอมเท้าเช่นเดิม วันนี้เธอมัดผมรวบครึ่งหัว ติดโบเล็กๆ สีดำ เธอเดินหน้าตรง หลังตรงและนั่งลงบนเก้าอี้ที่บนโต๊ะมีถ้วยอาหารวางเตรียมไว้ให้ ก่อนจะยกมือไหว้เขา...คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ

“เสมา...วันนี้ไม่ต้องเอาไม้กับหมอกใส่ตะกร้า ให้เอาไปนอนได้เลยนะ ไม่ต้องรอ” เสียงหวานใสเอ่ยบอกแม่บ้านคนเดิมที่มารอเธอที่หน้าบ้านเมื่อคืนนี้

“วันนี้จะพาคนไปช่วยงานค่ะ” เธอพยักหน้ารับ ก่อนจะก้มหน้าตักอาหารทาน

“ผีเข้ารึไง ยกมือไหว้ฉันได้” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับจิบกาแฟร้อนไปด้วย

“คุณหลับสบายดีไหมคะ?” เธอไม่ตอบคำถามข้อนั้น แต่เลี่ยงมาถามคำถามเขาแทนด้วยน้ำเสียงสดใส สร้างความแปลกใจให้เขาไม่น้อย

ดวงหน้าเรียวยาวที่วันนี้ดูดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ดวงตายังคงบวมอยู่นิดหน่อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก กับดวงตาดำขลับที่มองจ้องมา...เขาอดที่จะจ้องมองเธอกลับไม่ได้

ดวงตาคมแพรวพราวจนคนถูกมองต้องเบนสายตาหลบไป ริมฝีปากหยักยกยิ้ม อย่างพอใจเมื่อเห็นใบหน้านวลเปลี่ยนสี มันก็ควรแล้วที่ธาวิชจะหวงลูกสาวนักหนา...

“คุณมองหนูแบบนี้ทำไมคะ...” หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก แม้เธอจะต้องพึ่งพาเขา แต่ก็ไม่ต้องการให้เขามองเธอด้วยสายตาหยาบคายแบบนี้!

“ฉันมองเธอยังไงหรอ บอกหน่อยสิ?” เขาเลื่อนมือขึ้นมาจับริมฝีปากตัวเองและลูบไปมาพร้อมกับมองเธอเพื่อรอคำตอบ

“ก็...ก็มองแบบนี้ หนูไม่ชอบค่ะ! หนูรู้สึกไม่ปลอดภัย...”

“ฉันก็ไม่ได้ชอบเธอ...แค่มอง จะเรื่องมากทำไม?” คิ้วเรียวสวยขมวดแน่น ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองไว้ แต่ดูสายตาเขามองเธอสิ! เธอไม่ใช่เด็กไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไรหรอกนะ!!

“รีบทานข้าว จะได้รีบไปวัด”

“หนูจะขับรถไปเองไม่ไปกับคุณ”

“อยากจะตายก่อนได้เก็บกระดูกพ่อเธอรึไง?” ประโยคที่เขาพูดมันทำให้ใจเธอกัดหนอง ดวงตากลมเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

“อย่ามาร้องไห้ให้ฉันเห็น!! จะร้องอะไรนักหนา! ร้องไปพ่อเธอไม่มีวันฟื้นมาหรอก! เสียประสาท!!” หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำพูดที่ทำให้คนฟังชะงักไป

“คุณทำแบบนี้กับคนที่พึ่งสูญเสียคนที่เป็นทั้งหมดในชีวิตไป...เพราะคุณไม่เคยสูญเสียใช่ไหมคะ”

“..........”

“คุณไม่เคยสูญเสีย จึงไม่รู้ว่าเวลาสูญเสียสิ่งที่รักมันเจ็บปวดแค่ไหน...การจะลืมตาตื่น และมานั่งต่อล้อต่อเถียงกับคนอื่น ยิ่งเป็นคนแบบคุณด้วยแล้ว หนูต้องใช้พลังชีวิตทั้งหมดที่มีเลยนะคะ” หญิงสาวยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ก่อนมือเล็กยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาตัวเอง

“หนูไม่ใช่คนอ่อนแอ ที่จะมาร้องไห้อ้อนวอนฟ้าดินเพื่อให้พ่อฟื้นคืนมา หนูเข้าใจสัจธรรมชีวิต คนเรา เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ขอเวลาทำใจสักหน่อยเถอะค่ะ...ชีวิตหนูไม่มีใครแล้ว หนูควรจะร้องไห้ให้ชีวิตที่โดดเดี่ยวของตัวเองสักหน่อย” ดวงตากลมแดงก่ำมองหน้าเขาด้วยแววตาสั่นระริก ก่อนจะคนข้าวต้มที่ร้อนระอุในถ้วยตรงหน้า

“หนูไม่ได้ต้องการคำปลอบใจจากคนอย่างคุณ แต่ถ้าจะกรุณา...อย่าพูดจากล่วงเกินพ่อหนู พ่อใคร ใครก็รัก ถ้าคุณเกลียดหนูก็ด่าว่าหนูแค่คนเดียวเถอะค่ะ”

“เธอคิดว่าเธอเป็นใครแก้วตา! ถึงมานั่งเถียงฉันฉอดๆ แบบนี้!” เขาตวาดออกมาด้วยอารมณ์คุกรุ่น

“เอาความโกรธแค้นทั้งหมดของคุณที่มีต่อพ่อ มาลงที่แก้วตา...หนูจะรับทั้งหมดไว้เอง” เธอเลือกจะมองข้ามอารมณ์โมโหร้ายของเขา และพูดในสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารออกไป

ก่อนหยดน้ำตารินไหลออกจากดวงตาคู่สวย...ไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ เธอเพียงร้องไห้เงียบๆ และนั่งทานข้าวไป

“ฉันเกรงว่าเธอจะรับมันไม่ไหวหรอกแก้วตา...” ร่างสูงยกมือขึ้นประสานกันไว้และท้าวศอกลงกับโต๊ะ

“เพื่อที่คุณจะปลดปล่อยความแค้นที่มีต่อพ่อ ช่วยให้หนูมีชีวิตรอดต่อไปได้ ดูแลปางไม้ให้หนู...จนกว่าหนูจะแข็งแรง และเดินไปบนทางที่โดดเดี่ยวนี้ได้” เธอกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไปเสียงสั่นสะท้าน

“คุณอยากจะทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ แต่อย่าฆ่าหนูก็พอ เพราะหนูต้องมีชีวิตต่อไป...” ดวงตาดำขลับเรียบนิ่งจนน่าใจหาย

เธอจ้องมองเขาไม่วางตา ทั้งที่ในจิตใจเธอหวาดกลัวเขายิ่งกว่าอะไร แต่เธอต้องแสร้งว่าเข้มแข็ง เธอจะมาอ่อนแอให้เขาเห็นไม่ได้...เพราะพ่อบอกว่า ‘พิณะ’ ไม่ชอบคนอ่อนแอ

“หลังจากขึ้นห้องไปเมื่อคืน...เธอคงไปเจออะไรดีๆ เข้าสินะ กิริยามรรยาทเธอที่มีต่อฉันถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้...” เธอกำมือที่วางไว้บนตักแน่น! เขาคงเป็นหมอดู...

“มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือคะ...ที่เราจะดีต่อกัน” พิณะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจหญิงสาวตรงหน้า!

“ฉันชอบที่เธอเด็ดเดี่ยวนะ...แม้จะกลัวฉันแค่ไหน ก็เสแสร้งแกล้งทำว่าเข้มแข็งได้แนบเนียน แต่แก้วตา...เธอจะหลอกใครหลอกได้ อย่ามาหลอกฉัน!!”

“หนูไม่ได้หลอกคุณ...หนูกำลังพยายามอยู่ไงคะ คุณไม่ชอบคนอ่อนแอ หนูก็จะเข้มแข็ง” พิณะหรี่ตามองคนพูด

“กำลังจะบอกว่าทำเพื่อฉันสินะ...” หญิงสาวพยักหน้า และจ้องมองเขาไม่วางตา

“เชื้อแม่เธอมันแรงจริงๆ” พิณะหัวเราะในลำคอและส่ายหัว หญิงสาวยกมือขึ้นและลุกขึ้นยืนเอามือเท้าโต๊ะไว้

“หนูไม่มีแม่...หนูมีแค่พ่อ ขอร้องอย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าหนูอีก!”

“เกินไปแก้วตา! นั่งลง! เธอไม่มีสิทธิมายืนค้ำหัวฉัน!” หญิงสาวตกใจที่อยู่ๆ เขาก็ตวาดออกมา ทั้งที่เมื่อกี้ใบหน้าเขาก็เปื้อนยิ้ม...

“เธอนี่มันต้องสอนมรรยาทอีกเยอะนะ!” หญิงสาวนั่งลง ก่อนจะเม้มปากแน่น เขาต่างหากที่ต้องไปเรียนมรรยาท!

หลังจากนั้นเขาก็รอเธอทานอาหารจนเสร็จ เธอไม่รับของหวาน แต่มองเขาอยู่เรื่อยๆ เหมือนมีเรื่องอย่างจะพูดออกมา...หลายเรื่อง

“มีอะไรจะพูดก็พูด! มองอยู่นั้นแหละ! โรคจิตรึไง!!”

“ถ้าหนูพูด...แล้วคุณรับปากไหมว่าจะช่วยหนู” คิ้วเข้มเลิกขึ้น ก่อนจะยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม

“ก็ต้องดูก่อนว่าผลประโยชน์ลงตัวไหม?” เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างค้างไว้ ก่อนจะยกยิ้มให้เธอ...

วิชธาดาไม่ใช่เด็กโง่...เธอรู้ว่าเขาต้องการอะไร แต่ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะกล้าทำมันหรอก...เธอเชื่อพ่อ พ่อเธอก็บอกว่าเขาเป็นคนดี เขาปากร้ายกับเธอ เพราะเขาโกรธแค้นที่พ่อทำไม่ดีกับเขา เธอจึงได้แต่หลุบตาลงต่ำหลบไปอีกทาง…

“พูดมาสิ...ฉันรอฟังนานแล้ว” นิ้วเรียวยาวของเขาเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ เป็นจังหวะ

“หนูไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง เพราะถ้าเสร็จงานศพพ่อเมื่อไหร่...ญาติๆ คงจะมาวุ่นวายกับสมบัติหนูแน่ๆ” เธอเอ่ยออกมาเสียงเบา และเงยหน้าขึ้นมองเขา

“แค่เมื่อวาน...พวกญาติก็เอาเอกสารมาให้หนูเซ็นทั้งที่ร่างพ่อยังไม่ลงโรงเลยช่วยซ้ำ” เธอเอ่ยบอกเสียงสั่น ก่อนจะกลืนก้อนสะอึกลงคอ...พวกนั้นมันคนใจร้าย!

“สมบัติของพ่อ...คือของหนู หนูจะไม่ยอมเสียมันให้ใครแม้แต่ตารางเซ็นเดียว!!” มือเล็กกำแน่น! เมื่อนึกถึงยามพ่อออกไปทำงาน

“หนูต้องนอนคนเดียวตั้งแต่เล็กจนโต พ่อทำงานหนักเพื่อให้หนูสบาย...หนูจะไม่มีวันเสียอะไรที่เป็นของพ่อให้คนอื่นเด็ดขาด!!” เธอเอ่ยออกมาเสียงหนักแน่น

แม้มันจะสั่นเทา และกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่ไหว แต่เธอก็ต้องเก็บความเสียใจไว้ในใจ เพียงเพราะคนตรงหน้าไม่ชอบน้ำตา...

“จุ๊ๆๆ ฉันคงต้องมองเธอใหม่...ฉันชอบที่เธอเหมือนโง่ แต่ก็ไม่โง่”

“หนูจะคิดว่าเป็นคำชมค่ะ” ริมฝีปากหยักยกยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมา

ดวงตาคมกวาดตามองหญิงสาวตรงหน้า แค่ข้ามคืนเดียว...เธอเปลี่ยนไปราวกับคนล่ะคน วันนี้ไม่มีแววตาอ่อนแอแม้สักนิด แม้ความหวาดกลัวจะยังฉายชัด แต่เธอก็เข้มแข็งขึ้นมาก

“แล้วเธอมั่นใจหรอ...ว่าคนที่จะฮุบสมบัติเธอ มันจะไม่ใช่ฉัน...” ดวงตากลมเงยหน้าสบตาเขา พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ แตะแต้มใบหน้า

“หนูเชื่อพ่อ...คนที่พ่อเลือก เขาจะเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับหนูค่ะ”


โอ๊ย! แก้วตาหนีไปก๊อนนนน อิพ่อเลี้ยงมันไม่ได้ดีขนาดน้านนน

โว้ยยย หนูจะร้ายกับคนอื่น ไม่ร้ายกับพ่อเลี้ยงไม่ได้เด้อ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป