บทที่ 10 10

หากบั้นปลายอนาคตต้องแต่งงานกับเขา หล่อนคงไม่มีวันมีความสุข ต้องจมอยู่กับน้ำตาทุกวันแน่ !

“เอ้า นั่งเหม่ออะไรอยู่คุณมน มานั่งด้านหน้าคู่กับผมสิ” เสียงทุ้มเรียกสติหญิงสาวให้กลับคืน หล่อนกระพริบตาถี่ๆ ก่อนบอกเสียงแข็ง

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งตรงนี้ได้”

“แต่ผมไม่อนุญาต” เขมปัจน์ค้านเสียงขุ่น “ผมไม่ใช่คนขับรถของคุณนะ จะได้ปล่อยให้คุณนั่งเบาะหลังเชิดคอเป็นคุณนายน่ะ มานั่งคู่กับผมเดี๋ยวนี้”

“เอ๊ะ ! เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทำไมคุณต้องบังคับด้วยนะ คนรวยนี่ไร้สาระจริงๆ” หล่อนแขวะ แต่ก็ยอมมานั่งคู่กับเขาแต่โดยดี ซึ่งชายหนุ่มก็ค่อยๆขับเคลื่อนรถตรงไปทางด้านหน้าอย่างไม่รีบร้อน ขณะที่ตากลมคอยเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมเป็นระยะ

แม้จะเห็นเพียงด้านข้าง แต่เขาก็หล่อชนิดหาตัวจับได้ยาก คิ้วเข้ม สันจมูกโด่งสวย ริมฝีปากสีชมพูตัดกับผิวขาวนวล โดยรวมแล้วเขาเป็นคนมีเสน่ห์มากทีเดียวหากปากของเขาจะเลือกใช้คำที่หวานหูมากกว่านี้

คนอะไร…ปากเสียจริงๆ

“ใครจะไปมีสาระเหมือนคุณล่ะคุณมน วันๆไม่หางานสุจริตทำ แต่เที่ยวไล่มอมเหล้าผู้ชายแล้วเรียกร้องค่าเสียหาย” เขาพ่นวาจาร้ายกาจออกมา ทำเอาหล่อนสะอึก ส่งตาเขียวขุ่นให้แล้วบอกเสียงแหลม

“แล้วผู้ชายก็เห็นแก่ได้เองนี่คะ ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเองแล้วจะโทษใครได้ !”

เขมปัจน์นิ่ง มีเพียงสันกรามที่บดเข้าหากันแน่นเหมือนข่มอารมณ์บางอย่าง บรรยากาศภายในรถมาคุจนหล่อนอึดอัด แอบโล่งใจไม่น้อยที่รถแล่นมาจอดหน้าบ้านหลังเล็กที่หล่อนคุ้นเคย

หญิงสาวเตรียมเปิดประตูรถลง แต่ถูกเขาจับข้อมือไว้เสียก่อน ครั้นเหลือบมองหน้าเขาด้วยสายตากึ่งตั้งคำถาม เขาก็พูดว่า

“ไหนคุณย้ำนักหนากับแซนดี้ว่าเป็นว่าที่เจ้าสาวของผม ถ้างั้นก็ทำตัวให้สมเป็นแฟนกันหน่อยสิ”

“นั่นมัน…” หล่อนตั้งท่าจะพูดบางอย่าง แต่ถูกริมฝีปากได้รูปชิงจูบอย่างร้อนแรงเสียก่อน…จูบแผ่วๆที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับจนหญิงสาวตัวอ่อนวูบ ลืมหมดสิ้นทุกอย่าง มือเล็กขยุ้มอกเสื้อเขาจนยับย่น

จูบที่ชวนหลงใหลมาพร้อมกลิ่นไอบุรุษเพศที่ชวนวาบหวาม…วูบไหว ร้อนผ่าวไปทั้งร่างราวถูกมือหนาลูบไล้สัมผัสผิวนวลเนื้อ

ลิ้นของชายหนุ่มเกี่ยวรัดรึงดูดซับแรงๆกับปลายลิ้นของหล่อน…นุ่มนวลชวนเคลิ้มไหว จนตาคู่โตหรี่ปรือเกือบหลับสนิท รับรู้ได้รางๆว่าเขาถอนจูบออกแล้วบรรจงแนบจุมพิตมาอีกครั้ง…ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่สนแม้ร่างหล่อนจะระทวยสิ้นเรี่ยวแรงจะทานไหว ได้แต่ปล่อยให้เขาล่วงเกินด้วยจูบอ่อนโยนอย่างลืมตัว

จวบจนเขาดึงใบหน้าออกห่างแล้วนั่นแหละ หล่อนถึงได้สติ สบตาคู่เข้มที่อยู่ใกล้ระยะประชั้นชิด ในแววตาคู่นั้นเหมือนฉายชัดถึงความต้องการ ทว่าไม่นานก็จางหายหลงเหลือเพียงความเย็นชาเสมือนเก่า

“จะลากับแฟนทั้งทีก็ควรจูบผมบ้าง มันเป็นหน้าที่ของคุณนะมน”

มนสิชาเม้มปากแน่น นั่นสิ…การมีคู่รักในวันนี้เป็นหน้าที่ที่พึงทำ ไม่ใช่เพราะความรักอย่างที่ควรจะเป็น

“ค่ะ ถ้างั้นฉันขอตัวก่อน” มือเล็กผลักไสอกหนา ทว่าเขาไม่ขยับออกห่าง ซ้ำยังออกคำสั่งอีกว่า

“ภายใน 3 วันนี้คุณต้องสลัดคราบสาวปอนออกแล้วเปลี่ยนลุคเป็นสาวทันสมัยที่ผมชอบ”

หญิงสาวอ้าปากค้าง ดึงดันที่จะไม่ทำตามที่เขาสั่ง “ฉันต้องการเป็นตัวของตัวเอง ทำไมต้องทำอะไรให้ถูกใจคุณด้วยมิทราบ”

“นั่นเพราะคุณในวันนี้ไม่ใช่คุณในวันก่อนอีกต่อไป จะให้ปล่อยผมแตกปลายรุงรัง หน้ามันเยิ้มแบบนี้ไม่ได้ กรุณารักษาหน้าของผมในตำแหน่งว่าที่เจ้าสาวด้วย”

“แต่ฉัน…” หล่อนตั้งท่าจะค้าน แต่เขาตัดบทว่า

“ไม่มีแต่ และก็เชิญลงจากรถผมได้แล้วครับคุณว่าที่เจ้าสาว” เขาผายมืออย่างสุภาพ แต่แววตาบ่งชัดว่าเย้ยหยัน ทำเอาหล่อนเดือดปุด

หนอย…กล้าออกคำสั่งกับหล่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดีล่ะ ในเมื่อเขาใช้คำว่า‘ว่าที่เจ้าสาว’ในการกะเกณฑ์หล่อน หล่อนก็จะใช้คำคำนี้กับเขาบ้าง คอยดูล่ะกัน !

“ทำหน้าเหมือนอยากจูบผมอีกรอบเลยนะ หรือเมื่อกี้ยังไม่หนำใจคุณ เอ้า…อยากทำอีกก็เชิญ ผมสมยอม” ชายหนุ่มกระเซ้า ยื่นหน้าเข้าใกล้ แต่ถูกหล่อนผลักหน้าออกห่าง ตามด้วยเสียงแหว

“ตาบ้า ฉันไม่น่าซวยมาเจอผู้ชายอย่างคุณเลย หึ” จากนั้นก็สะบัดหน้าพรืดลงจากรถ เดินฉับๆเข้าบ้านโดยไม่เหลียวมองด้านหลังอีกเลย เลยไม่ทันเห็นว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังหัวเราะ ตาคู่คมรื่นรมย์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เออแฮะ…ผู้หญิงธรรมดาๆอย่างหล่อน แต่อยู่ใกล้แล้วไม่เคยนึกเบื่อเลย เขาชักสนุกขึ้นมาแล้วสิ คราวหน้าจะหาเรื่องอะไรมาแกล้งหล่อนอีกดีนะ ?

บทก่อนหน้า
บทถัดไป