บทที่ 4 4
“นี่มันยุค 2025 แล้วนะคะ หมดยุคคลุมถุงชนแล้วค่ะคุณแม่ อีกอย่างนะ…นังผู้หญิงคนนี้ก็ไม่คู่ควรกับลูกชายของอรด้วย”
“แล้วลูกของเธอน่ะสูงส่งนักรึ ถึงจะร่ำรวยเก่งกาจ แต่ก็เที่ยวควงผู้หญิงไม่เลือกหน้า กินเหล้าเมาหยำเปเกือบทุกคืน ต่อให้จะเศรษฐีหรือยาจกแต่คุณค่าความเป็นคนก็เท่าเทียมกัน ต่างก็มีข้อด้อยข้อเสียทั้งนั้น ตาข้าว…แกจงใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิตนี้ในการเรียนรู้นิสัยใจคอ ข้อเหมือนและข้อต่างของเมียแกให้ดี”
“แล้วถ้าอยู่กันไป ผมรับข้อเสียของเมียตัวเองไม่ได้ล่ะครับ คุณยายจะว่ายังไง” ชายหนุ่มถามรวนๆ ซึ่งฝ่ายที่โดนถามก็ยิ้มนิดๆตรงมุมปาก
“ถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ ยายก็จะยอมให้แกสองคนหย่ากัน”
“หมายความว่าคุณยายจะให้ผมแต่งงานจริงๆหรือครับ”
“ใช่…” นุชนาถพยักหน้ารับ ขณะที่มนสิชาซึ่งนั่งเงียบมานานได้ลุกยืนขึ้น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวั่นหวาด หล่อนแย้งว่า
“คือว่า…ไม่ต้องถึงขั้นแต่งงานก็ได้มังคะ”
“เธอบอกฉันเองไม่ใช่รึว่าเสียความบริสุทธิ์ให้หลานฉันไปแล้ว แล้วเธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันที่เสียตัวให้ผู้ชายแล้วจะปล่อยให้เรื่องจบง่ายๆ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นฝ่ายเสียหาย”
หญิงสาวสะอึก คำกล่าวนี้ หล่อนไม่อาจเถียงได้เลย จึงต้องหุบปากนิ่ง ตกกระไดพลอยโจนไปกับเรื่องที่ตนสร้างสถานการณ์ขึ้น คิดแล้วก็อดตำหนิตัวเองไม่ได้…หากคิดว่าการณ์จะกลับเป็นเช่นนี้ หล่อนคงไม่เลือกแผนนี้ตั้งแต่แรก แย่จริงเชียว !
“เอาล่ะ ตาข้าว แกไปส่งเมียแกที่บ้านด้วยล่ะ ช่วงนี้พยายามอย่าล่วงเกินกันอีกนะ อดใจรอไว้จนกว่าจะถึงวันแต่งงานจะดีกว่า” นุชนาถทิ้งท้ายไว้ก่อนเดินออกจากห้องไป เมื่อลับหลังหญิงชราแล้ว อรจิราก็ปราดเข้าคว้าพวงผมสลวยที่หลุดรุ่ยยุ่งเหยิงของว่าที่สะใภ้ที่ตนไม่ต้องการ
“นี่เป็นแผนจับลูกชายฉันใช่ไหม ร้ายกาจมากนะหล่อน จำไว้ว่าฉันจะขัดขวางทุกทาง ยาจกอย่างเธอจะไม่มีวันมีความสุขในบ้านหลังนี้แน่ !”
มนสิชาน้ำตาซึม หล่อนเจ็บ…เจ็บที่หนังศีรษะ แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้ ได้แต่ร้องขอว่า
“ปล่อยมนเถอะค่ะ มนเจ็บ”
“ฉันจะทำให้เธอเจ็บมากกว่านี้อีก ถ้าเธอไม่หายตัวไปจากชีวิตตาข้าว เธอเจอดีแน่” อรจิราข่มขู่เสียงเย็น ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อมือใหญ่ดึงมือหล่อนออกจากมนสิชา “ตาข้าว มาขวางแม่ทำไม”
“พอเถอะคุณแม่ อย่าทำร้ายเมียผม” ชายหนุ่มพูดเสียงห้าว ในแววตาบ่งชัดว่าตำหนิการกระทำของผู้ให้กำเนิด เล่นเอาสาวใหญ่ถึงกับตัวชาวาบ
“แกคิดจะเอามันเป็นเมียจริงๆเรอะ สาวๆที่อยู่รอบตัวแกมีดีกว่าแม่นี่เป็นร้อยเท่า ทำไมแกไม่สนใจ ฮึ ?”
“เรื่องนี้ผมคงไม่จำเป็นต้องตอบคุณแม่ เพราะชีวิตเป็นของผม และผมก็ไม่อยากขัดคุณยายด้วย”
อรจิรากระชากมือออกจากบุตรชาย แล้วพูดเสียงกร้าว
“แม่ไม่ยอมรับลูกสะใภ้คนนี้ จำไว้ !” พูดจบก็หุนหันออกจากห้องไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น
เมื่ออยู่ตามลำพังสองคนในห้อง มนสิชาก็ขยับตัวเตรียมหนีให้พ้นคนตัวโตที่ย่างสามขุมเข้าหาหล่อนช้าๆ…ไม่ต่างจากราชสีห์ที่จ้องตะครุบหนูตัวเล็กๆ
“คะ…คุณข้าว” หล่อนพูดตะกุกตะกัก ก่อนสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกเขาฉวยคว้าท่อนแขนไว้ได้
“อะไรกัน ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ดวงตาแฝงแววขบขันระคนเย้ยหยัน “ไหนว่าเมื่อคืนเรามีอะไรกันแล้วไง แต่แค่โดนผัวถูกเนื้อตัวนิดหน่อยกลับสะดุ้ง ทำยังกับสาวเวอร์จิ้นที่ไม่เคยถูกผู้ชายสัมผัส !”
หญิงสาวหน้าซีดหนักกว่าเดิม แรงบีบจากมือเขาไม่ได้ทำให้หล่อนเจ็บมากเท่าหัวใจที่แสบร้อนไม่ต่างจากถูกสาดด้วยน้ำกรด…หมดกัน ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงที่รักษามาเนิ่นนานยี่สิบกว่าปี บัดนี้ถูกทำลายย่อยยับเพียงคืนเดียว แค่อารมณ์ชั่ววูบที่อยากหาทางออกให้กับตัวเอง ทำให้กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะกล้ามาก่อน
แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไรล่ะ ต้องโดนดูถูกจากอรจิรา ฟังคำเย้ยหยันจากเขมปัจน์
“ไม่ได้ยินที่คุณยายบอกหรือคะ ? ท่านบอกว่าเราไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกันอีกจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน” หญิงสาวฝืนพูดเสียงเรียบ แม้อกข้างซ้ายจะกระหน่ำเต้นรัวเป็นจังหวะกลองเพลเมื่อสบสายตาคมเข้มที่จ้องมองมาราวจะแผดเผาก็ตาม
“นั่นเป็นความคิดของคนโบราณ แต่ผมเป็นคนสมัยใหม่” ตาคู่คมหรี่ลงเล็กน้อย เพ่งมองที่เรียวปากสั่นระริกของคนตัวเล็ก แล้วพูดต่ออีกว่า “ผมเลยไม่ถือหากจะจูบคุณอีกสักครั้งหรือหลายๆครั้ง”
มนสิชาใจหายวาบ เตรียมผลักคนตัวใหญ่ให้ออกห่าง แต่แรงของหล่อนมีหรือจะสู้แรงเขาได้ เมื่อมือหนาเลื่อนจากต้นแขนมาบีบแก้มของหล่อนแทน จากนั้นหน้าคมคายก็ก้มต่ำ ประทับจูบที่กลีบปากนุ่มอย่างดุดัน
“อ๊ะ !” หญิงสาวอุทาน ตัวอ่อนวูบ เคราะห์ดีที่มืออีกข้างของเขาจับเอวหล่อนยึดไว้แน่นทำให้ตัวหล่อนไม่ต้องรูดลงไปกองบนพื้นให้ขายหน้า
จูบระหว่างชายหญิงที่เคยเห็นในละคร เป็นแบบนี้เองหรือ… ไม่ใช่เพียงแค่สัมผัสปากกันแผ่วเบาอย่างที่เคยคิด ทว่ามันลึกซึ้งยิ่งกว่านั้นเมื่อลิ้นร้อนซอนแทรกเข้าสู่โพรงปากหวาน เกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นนุ่มพันพัวอย่างร้อนแรง
เป็นจุมพิตที่ปราศจากความอ่อนโยน แต่ให้ความรู้สึกวาบหวามจนขาเรียวสั่นระรัว พลังแห่งบุรุษเพศของเขมปัจน์มีเปี่ยมล้น อยู่ใกล้พาลให้ใจเต้นแรง อยู่ในอ้อมกอดยิ่งใจสั่น ครั้นถูกจูบก็ดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงเอาเสียดื้อๆ
เนิ่นนานกว่านาที ในที่สุดชายหนุ่มก็ถอนจูบออกแล้วผลักหล่อนให้ออกห่าง ในดวงตาคู่นั้นเหมือนมีร่องรอยประหลาดฉายพาดผ่าน แต่วินาทีต่อมาก็เลือนหายไปกลายเป็นความเย็นชาเหมือนเก่า
“จูบห่วยแตก นี่น่ะเหรอว่าที่เมียผม หากต้องแต่งงานกับคุณ ชีวิตผมคงจืดชืดน่าเบื่อหน่าย”
