บทที่ 2 Chapter 1 ผีรุ่นแรก [1]

โรงพยาบาล

ทันทีที่รถพยาบาลเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าแผนกฉุกเฉิน เตียงคนเจ็บก็ถูกเข็นลงจากรถก่อนจะถูกเข็นต่อเข้าไปยังห้องฉุกเฉินในเวลาอันรวดเร็ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวผมจริงๆ

ตอนนี้ผมกำลังยืนมองร่างของตัวเองที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเลือดจนผมยังรู้สึกกลัวตัวเอง แถมยังมีสายอะไรต่อมิอะไรไม่รู้ระโยงระยางพาดผ่านตัวของผมเต็มไปหมด

ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ในเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนผมยังหายใจได้ด้วยตัวเองอยู่เลย

“หมอภัคคะ”

“อย่าเพิ่งถาม เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมด่วนเลย เคสนี้ผมรับผิดชอบเอง” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยปากออกคำสั่งเร็วๆ ในขณะที่สองเท้ายาวๆ กำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามเตียงที่กำลังถูกเข็นไปติดๆ

ผมเดินตามพวกเขาทุกคนมาช้าๆ และก็ยังไม่อยากจะเชื่ออีกนั่นและว่าในที่นี้จะไม่มีใครมองเห็นผม ยกเว้นก็แต่หมอคนนั้น แต่ถึงแม้ว่าเขาจะมองเห็นผมๆ ก็นับครั้งที่เขาหันมามองผมได้

ใครจะอยากหันมามองเห็นผีกันล่ะ จริงมั้ย?

ปัง!

เสียงประตูห้องฉุกเฉินถูกปิดลงเมื่อเตียงของผมถูกเข็นเข้าไปด้านในเป็นที่เรียบร้อย

ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไรผมถึงยังหยุดยืนอยู่ที่ด้านนอก ทั้งๆ ที่ผมควรจะรีบตามร่างของตัวเองเข้าไปด้านในแล้วหาทางกลับเข้าร่างตามเดิมให้ได้เร็วที่สุดก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

“คุณพยาบาลคะ ลูกฉันอยู่ที่ไหนคะ”

หญิงวัยกลางคนที่เพิ่งจะวิ่งปรี่เข้ามา ตรงไปเกาะแขนพยาบาลพร้อมกับร้องถามไม่หยุด ภาพนั้นทำผมใจหายวาบจนเกือบจะพุ่งตรงเข้าไปหาเธอ แต่ทันทีที่เห็นใครอีกคนเดินตามเธอเข้ามา ก็ทำให้ผมเลือกที่จะชักเท้าถอยกลับมาหยุดอยู่ตรงที่เดิม

“คุณจะโวยวายไปทำไม หัวแข็งอย่างมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”

เจ้าของใบหน้าเรียบเฉยและเย็นชากับทุกสถานการณ์เอ่ยเอ็ดด้วยเสียงทุ้มต่ำ ก่อนจะค่อยๆ ดึงแขนภรรยาของตัวเองออกจากแขนของพยาบาลสาวแล้วประคองเธอเอาไว้ไม่ห่าง

“คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง ตาวินเป็นลูกของเรานะคะ” หญิงวัยกลางคนถึงกับเอ่ยปากย้ำเสียงสั่น ซึ่งตาวินที่เธอพูดถึงคงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผม

ใช่ครับ ผมเป็นลูกของพวกเขา ผมชื่อธาวิน เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขาทั้งสองคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าพวกเขายังอยากจะมีลูกแบบผมอยู่รึเปล่า

“ก็เพราะว่ามันเป็นลูกเราน่ะสิ ผมถึงแทบจะเอาปี๊บคลุมหัวอยู่นี่ไง” พ่อตะคอกเสียงดังด้วยความเจ้าอารมณ์เหมือนเดิม ส่วนแม่ก็ยังคงนิ่งและร้องไห้โดยไม่โต้ตอบอะไรกลับไป ซึ่งผมชินแล้ว เพราะแม่เป็นแบบนี้เสมอ

“ขอโทษนะครับ ขอทางหมอหน่อยครับ”

“คุณหมอคะ ช่วยลูกฉันด้วยนะคะ”

“ผมจะพยายามครับ” หมอรีบบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตาของหมอเหล่มองมาทางผมนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับแม่ของผม

“วันๆ ก่อแต่เรื่อง แกมันไม่น่าเกิดมาเป็นลูกฉันเลยจริงๆ ไอ้ธาวิน”

ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการที่อยู่ๆ หมอจะมาหยุดยืนตรงหน้าผมพอดีมันเป็นเพราะเขาอยากมองหน้าผมให้ชัดๆ หรือเพราะประโยคที่พ่อแท้ๆ ของผมเพิ่งจะเอ่ยออกมา

“ธาวินเป็นลูกของฉัน ถ้าคุณไม่รักลูก ก็ช่วยหยุดพูดจาทำร้ายจิตใจแกสักทีเถอะค่ะ ถือว่าฉันขอร้อง”

“ก็เพราะคุณตามใจมันแบบนี้ไง มันถึงได้เหมือนผู้หญิงเข้าไปทุกวันๆ”

ผมทำได้เพียงยืนฟังทุกอย่างนิ่งๆ ก้มหน้าลงมองพื้นแล้วกัดฟันกรอดด้วยความอดทน…

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อพูดแบบนี้หรอก และไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังผม พ่อก็ยังเป็นพ่อเสมอ

“เข้ามาสิ”

ผมอดจะประหลาดใจไม่ได้หรอกนะที่อยู่ๆ หมอก็เอ่ยปากชวนผมเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แต่พอมาคิดๆ ดูอีกที อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้ผมไม่ใช่คนนี่หว่า

ผมเงยหน้ามองหน้าหมองงๆ แต่กลับพบเพียงแผ่นหลังกว้างๆ ที่ยืนหันหลังให้ผมคาอยู่ที่ปากประตูเหมือนจะรอให้ผมเดินตามเข้าไป ซึ่งผมก็ไม่ขัดหรอก แม้ลึกๆ จะไม่ได้อยากเข้ามานัก เพราะแต่ไหนแต่ไรมาผมไม่เคยชอบโรงพยาบาลเลย แต่ ณ เวลานี้ ผมจะขอยอมดมกลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ลอยฟุ้งอยู่เต็มห้องฉุกเฉินซะยังจะดีกว่าที่ผมต้องทนฟังคำพูดของพ่อ

“ขอบคุณครับ แต่ผมเป็นผี หมอไม่ต้องเปิดประตูให้ผมหรอก ผมเดินทะลุมันได้”

ผมพูดลอยๆ ระหว่างที่เดินผ่านร่างสูงใหญ่ของหมอเข้ามาด้านใน ไม่ได้หันไปมองหน้าหมออีกแล้วเพราะรู้ดีว่าหมอเองก็คงไม่อยากจะมองหน้าผมสักเท่าไหร่ แต่ทว่าเสียงลมหายใจหนักๆ ที่หมอเพิ่งจะถอดถอนใจออกมาก็ทำให้ผมรีบเปลี่ยนใจหันกลับไปมอง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป