บทที่ 12 EP 02 ผู้ชายใส่สูท [2]
ตื๊ดๆ
สักพักก็มีเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของมันดังขึ้นมา สายตาของผมเหลือบมองไปตามเสียงโดยไม่ตั้งใจ และไม่คิดจะเสียมารยาทจ้องนานเพราะไม่ได้อยากจะรู้เรื่องของมันตั้งแต่แรก พอดีกับที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าดังขึ้นพอดี
“พี่แอบชอบผมใช่มั้ยครับพี่ศิลา”
“อะไรของมึง” ผมรีบถาม
อยู่ๆ มันก็เดินออกมาแล้วกล่าวหาว่าผมชอบมันเสียเฉยๆ จะไม่ให้ผมงงได้ยังไง คนกำลังสนใจเสื้อผ้าอยู่แท้ๆ อยากรู้ว่ามันจะใส่พอดีรึเปล่าแต่มันดันเพ้อเจ้ออะไรของมันก็ไม่รู้
“ถ้าพี่ไม่ได้แอบชอบผม พี่จะรู้ได้ยังไงว่าผมใส่เสื้อผ้าไซส์อะไร ดูสิ พอดีไปหมดทั้งเสื้อทั้งกางเกง” ไอ้โอบอธิบาย มิหนำซ้ำมันยังยิ้มกว้างพร้อมกับหมุนตัวโชว์
ผมควรโล่งใจมั้ยนะที่มันใส่เสื้อผ้าที่ผมเลือกเอาไว้ได้พอดีเป๊ะขนาดนี้
“ฮั่นแน่ พี่ตกหลุมรักผมแล้วใช่ม้า”
จริตตอนที่มันพูดคำว่าใช่ม้าของมันนี่กระทืบจริงๆ นะ
ผมช้อนตามองไอ้โอบแล้วส่ายหัวเหมือนเคย อย่าไปเสียเวลาต่อล้อต่อเถียงกับมันเลย เพราะคงจะเสียเวลาเปล่า ผมว่าทางออกที่ดีที่สุดคือผมควรจะพูดกับมันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พี่ศิลาครับ”
“อะไร” ผมขานรับมันห้วนๆ เหมือนทุกที แต่ไม่ได้สบตามันหรอก กำลังมองภาพรวมของเสื้อผ้าอยู่ว่ายังขาดอะไรไปหรือเปล่า เสื้อกับกางเกงดูเหมือนจะพอดีแล้ว แต่ผมกลับยังรู้สึกว่าไม่พอใจกับภาพรวมสักเท่าไร
“ผมอยากถามพี่ว่า...เฮ่ย! พี่จะทำอะไรครับพี่ศิลา” ไอ้โอบร้องถามเสียงดังหลังจากที่ก้าวถอยหลังหนีผมไปเสียไกล เมื่อผมก้าวไปนั่งยองๆ ลงตรงหน้ามัน
“กูไม่คิดจะทำอะไรแบบที่มึงอยากให้กูทำหรอกไอ้โอบ มานี่” ผมว่าเสียงเข้มพลางช้อนตามองหน้ามันดุๆ แต่จ้องมันสักพักก็แล้วมันก็ยังไม่ยอมก้าวกลับมาน่ะสิ
“ไอ้โอบ”
“ไม่เอาอ่ะ อยู่ๆ พี่ก็มาคุกเข่าตรงหน้าผมแบบนี้ผมว่ามันแปลกๆ นี่อย่าบอกนะว่าพี่จะเซอร์ไพรส์ขอผมแต่งงานอ่ะ นี่คนอื่นๆ แอบอยู่แถวนี้ใช่มั้ยครับ พี่ทัพต้องเป็นคนแอบถ่ายวิดีโอแน่ๆ เลย”
ฟังมันพูดเข้า ผมเริ่มมั่นใจแล้วนะว่าผมน่าจะคิดผิดที่ชวนมันมาเป็นแบบเพราะถึงค่าตัวมันจะไม่แพง แต่สำหรับผมแล้วแม่งโคตรมีความเสี่ยงกับตัวผมเลย เพราะจนถึงตอนนี้ผมก็ยังงงๆ อยู่ว่าอะไรทำให้ผมตกลงว่าจะยอมไปเดทกับมัน สงสัยเมื่อคืนผมจะใจร้อนและหงุดหงิดมากไปหน่อยที่โดนไอ้เด็กรุ่นน้องนั่นฉวยโอกาสอัพค่าตัว
“กูบอกให้มึงกระเถิบมา”
“ไม่เอาอ่ะ ผมอาย”
ผมถึงกับต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างพยายามจะใจเย็น นาทีนี้เริ่มหงุดหงิดกับมันจนจะทนไม่ไหวแล้วนะ!
“มึงตั้งสติแล้วใจฟังที่กูพูดดีๆ นะไอ้โอบ” ผมบอกเสียงเข้มก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อสบตากับมัน แต่เชื่อสิว่าไอ้เด็กตรงหน้านี่แม่งไม่สลดเลย หน้าตามันยังระรื่น เพียงแต่แค่ยอมเงียบลงเท่านั้น
“แต่งครับ”
พอกันที!
“มึงมองหน้ากูนะไอ้โอบ มองแล้วจำคำพูดกูเอาไว้ให้ดีๆ ว่าถ้าวันไหนที่กูคุกเข่าเพื่อขอมึงแต่งงาน นั่นคงเป็นวันที่กูไม่เหลือทางเลือกใดๆ แล้วในชีวิต” ผมว่าจะไม่ทำร้ายน้ำใจมันอยู่แล้วเชียว แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ มันก็ไม่ยอมรับความจริงสักที
“ขยับมา” ผมสั่งอีกรอบ พยายามสื่อสารให้ชัดเจนทั้งทางน้ำเสียงและทางสายตาว่าต้องการให้มันก้าวกลับเข้ามายืนตรงหน้าผม
ไอ้โอบไหวไหล่ใส่ผมเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำตามที่ผมสั่ง มันจ้องตาผมเหมือนไม่กลัวสายตาของผมเลยสักนิด แถมมุมปากของมันยังยกยิ้มเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ผมพยายามจะสื่อสารกับมันเลยอีกเหมือนกัน เป็นผมเสียอีกที่รู้สึกผิดเพราะกลัวว่ามันจะรู้สึกไม่ดีกับคำพูดเมื่อครู่ของผมทั้งที่บางทีผมก็แค่อยากจะชัดเจนกับจุดยืนของตัวเอง
เฮ้อ ทำไมเรื่องมันยุ่งยากจังวะ!
