บทที่ 26 EP 04 เจ้ากรรม นายเวร [2]
Rrrr~
วางสายจากแม่ได้ไม่ทันไรโทรศัพท์ของผมก็สั่นขึ้นมาอีกรอบ คราวนี้เป็นไอ้จอมทัพ เดาว่ามันน่าจะโทรมาถามว่าผมถึงไหนแล้วเพราะผมนัดกับมันเอาไว้ตอนสามทุ่ม แต่นี่ห้าทุ่มจะครึ่งแล้ว
เดือนนี้ผมจ่ายค่าโอทีพนักงานไปเท่าไหร่แล้วนะ…
“ผมจอดรถที่หน้าร้านแล้วครับคุณจอมทัพ เลทไปแค่สองชั่วโมงกว่า โทรจิกผมเป็นไก่เลยนะ” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับแล้วแสร้งประชดไปตามสายพร้อมกับที่รีบก้าวเท้าลงจากรถ กดล็อกรถด้วยกุญแจรีโมทในมือก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปด้านในด้วยความคุ้นเคย รวมไปถึงทุกคนที่นี่เองก็น่าจะคุ้นเคยกับผมเป็นอย่างดีไม่เว้นแม้แต่การ์ดหน้าร้าน
[แถวบ้านฉันเรียกตั้งสองชั่วโมงโว้ย ไม่ใช่แค่สองชั่วโมง ถึงแล้วก็รอที่เคาน์เตอร์นั่นแหละ ไม่ต้องขึ้นมาหรอก เดี๋ยวฉันลงไป]
“เออ แล้วเจอกัน” ผมตอบรับสั้นๆ ก่อนจะกดวางสายแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวสูงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ ปกติเวลาผมมาที่นี่ ถ้าไม่ตรงกับช่วงเวลาที่ร้านปิดแล้ว ผมก็มักจะมานั่งดื่มตรงนี้อยู่แล้ว ไม่ค่อยอยากเดินขึ้นไปที่ห้องทำงานของไอ้จอมทัพมันหรอก เกรงใจมัน
“สวัสดีครับพี่ศิลา” ไอ้อินเทลที่ประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์หันมายกมือไหว้ มันเป็นบาร์เทนเดอร์ประจำร้านคู่กับไอ้โอบที่ไม่รู้ว่าวันนี้หายหัวไปไหน เพราะปกติแล้วมันจะยืนเสนอหน้าอยู่ตรงนี้ แต่วันนี้ตั้งแต่ที่ผมนั่งลงตรงนี้ผมกลับไม่เห็นว่ามันจะเสนอหน้าทะเล้นๆ ของมันมาให้เห็น
“พี่ศิลามองหาใครอยู่รึเปล่าครับ หรือว่าจะเป็น…”
“ไอ้ทัพ” ผมตัดบท ไม่ได้อยากจะให้ไอ้อินเทลมันคิดว่าผมมองหาไอ้โอบหรอก แม้ลึกๆ แล้วจะยังนึกสงสัยอยู่ก็ตามที
“อ้อ สักครู่ครับ เดี๋ยวผมตามให้”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันคงลงมา ฉันขอเบียร์เย็นๆ สักขวดก่อนก็แล้วกัน”
“ได้ครับพี่ สักครู่ครับ” ไอ้อินเทลบอกยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปเตรียมเครื่องดื่มให้ผม และยังไม่ทันที่ผมจะได้ดื่มเบียร์สักอึก ไอ้จอมทัพก็เดินมานั่งข้างๆ เสียแล้ว
“ไง หายหน้าหายตาไปหลายวัน ยุ่งเหรอวะ” ไอ้จอมทัพถามพลางเอื้อมมือมาตบบ่าผมปุๆ
“นิดหน่อย แต่ก็แค่ช่วงนี้แหละ เดี๋ยวพอเปิดตัวเรียบร้อย ก็คงไม่มีอะไรน่าห่วง น่าจะว่างๆ เหมือนเดิม”
“ใช่เหรอวะ ฉันคิดว่าที่นายไม่ว่างเพราะตั้งใจอยากจะทำตัวให้ไม่มีเวลา จะได้ไม่ต้องกลับบ้านไปกินข้าวกับที่บ้านมากกว่า”
“พูดมาก” ผมขัดขึ้นเสียงเข้มก่อนจะยกขวดเบียร์ที่ไอ้อินเทลยกมาเสิร์ฟขึ้นดื่ม ทำทีเป็นไม่สนใจไอ้จอมทัพที่มักจะเอาเรื่องนี้มาแซวผมตลอดเพราะหลายครั้งที่ผมบ่นให้มันฟังถึงเรื่องที่แม่ชอบนัดสาวให้ผมดูตัวน่ะ
อื้มมม เวลาได้ดื่มเบียร์เย็นๆ นี่มันชื่นใจดีจริงๆ
“ไอ้โอบไปไหน” ว่าจะไม่ถามถึงแต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ
ไอ้จอมทัพเลิกคิ้วสูงใส่ผมแถมยังอมยิ้มกวนประสาทจนผมต้องถอนหายใจใส่หน้ามันอีกรอบก่อนจะต้องรีบอธิบาย “ฉันแค่จะเอาเช็กค่าตัวมันมาให้”
“อ้าว ไหนมันบอกไม่รับเงินค่าตัวไงวะ โฆษณาไปทั่วว่าทำให้นายด้วยหัวใจ” ไอ้จอมทัพย้อนถามพลางกลั้นขำ ในขณะที่ผมถึงกับเซ็ง
“มันก็บอกว่าจะไม่รับเงินนั่นแหละ แต่ฉันไม่อยากให้มันเสียระบบ”
“อ้อ งั้นนายจะฝากฉันไว้ก่อนมั้ยล่ะ พรุ่งนี้มันถึงจะมาทำงาน โทรมาลาสองสามวันน่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าไปไหน แปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะร้อยวันพันปีก็ไม่เคยเห็นมันลางาน แต่ก็ไม่ได้อยากจะถามว่ะ น่าจะเรื่องส่วนตัว” ไอ้จอมทัพอธิบายเสร็จสรรพ ฟังแล้วผมก็ได้แต่พยักหน้าก่อนจะพักเรื่องเช็กเอาไว้เพราะคงต้องเอามาให้มันใหม่วันหลัง
“ไว้ฉันให้มันเองจะดีกว่า มันเรื่องเยอะ รำคาญ”
“ฉันก็คิดงั้นเหมือนกัน” ไอ้จอมทัพพูดจบแล้วหัวเราะทิ้งท้ายเบาๆ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าไอ้โอบมันไม่ใช่เด็กธรรมดาแต่มันเป็นเด็กผี
ผมยังคงนั่งคุยกับไอ้จอมทัพถึงเรื่องทั่วไปเหมือนอย่างทุกทีที่แวะมานั่งดื่ม ปกติแล้วถ้าหากว่าผมมีเวลาหรือว่าเบื่อๆ เซ็งๆ ผมก็มักจะแวะมาที่นี่ นังดื่มนั่งคุยกับมันสักนิดสักหน่อยคลายเครียดแล้วค่อยกลับไปนอน หรือถ้าหลังจากได้เวลาปิดร้านแล้วมันกับผมยังไม่มีใครรีบไปไหน ก็อาจจะชวนกันไปหาอะไรกินหรือนั่งดื่มกันที่ร้านอื่นต่อเรื่อยเปื่อยตามประสาหนุ่มโสด
“เอ่อ ขอโทษนะครับ วันนี้โอบมาทำงานรึเปล่าครับ”
คำถามจากผู้ชายตัวสูงๆ คนหนึ่งดังแว่วมาจากอีกฟากของเคาน์เตอร์บาร์ ผมกับไอ้จอมทัพละสายตาออกจากกันโดยอัตโนมัติ ก่อนที่เราจะพากันหันกลับไปมองเขาคนนั้นที่กำลังยืนรอคำตอบจากไอ้อินเทลด้วยความแปลกใจ
ผมคิดว่าผมจำเขาได้นะ น่าจะใช่ผู้ชายที่แวะไปรับไอ้โอบที่สตูฯ ของผม ถึงแม้ว่าวันนั้นผมจะเห็นเขาจากไกลๆ และเห็นใบหน้าของเขาได้ไม่ไม่ชัดเจนสักเท่าไหร่ แต่ดูจากบุคลิกรวมถึงรูปร่างโดยรวมแล้วผมค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นคนเดียวกัน
“ไม่ได้มาครับ” ไอ้อินเทลตอบยิ้มๆ แต่หางตาที่ชำเลืองมองมาที่ผมกับไอ้จอมทัพดูแปลกๆ ท่าทางมีพิรุธ
“งั้นเหรอครับ พอจะติดต่อโอบได้มั้ยครับ ผมเป็นพี่ชายของโอบ แต่สองสามวันมานี่ติดต่อโอบไม่ได้เลย ผมเป็นห่วงเขาน่ะครับ”
พี่ชายเหรอ จริงสินะ วันนั้นผมเองก็ได้ยินไอ้โอบบอกแบบนั้นเหมือนกัน
‘ครับ ผมคงน่ารักน่าเอ็นดูมาก ใครๆ ก็เลยชอบบอกว่าผมเป็นน้องชาย’
‘ครับ วันนี้เขาแวะมาบอกว่ากำลังจะแต่งงานเดือนหน้าน่ะครับ ขอร้องให้ผมช่วยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้’
จะเป็นไปได้มั้ยว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวกับที่ไอ้โอบมันลางาน เหมือนว่ามัน…จะอกหัก
