บทที่ 29 EP 04 เจ้ากรรม นายเวร [5]

“แล้วมึงรู้มั้ยว่าที่มันลางานนี่มันหายหัวไปไหน ปัญหาเรื่องครอบครัวหรือว่าไม่สบาย”

“ไม่ทราบครับ”

“ไอ้อินเทล”

“โธ่พี่ทัพ พี่เห็นใจผมบ้างสิ”

“แสดงว่ามึงรู้”

“ก็…มันบอกผมแค่ว่าไม่สบาย ผมเองก็ไม่ได้เจอหน้ามันเหมือนกับพี่นั่นแหละ แค่โทรหามมันแล้วมันยังรับสาย บอกว่าพรุ่งนี้จะมาทำงานแค่นั้นเอง” ไอ้อินเทลพยายามจะอธิบายให้ไอ้จอมทัพเชื่อ ซึ่งเท่าที่เห็น มันก็ไม่น่าจะโกหกหรอก สายตามันดูจนปัญญากับเรื่องของไอ้โอบอยู่เหมือนกัน

“แล้วทำไมเมื่อกี้มึงต้องโกหกพี่ชายไอ้โอบว่าติดต่อไอ้โอบไม่ได้”

“ก็…ไอ้โอบมันขอไว้น่ะครับ”

“ยังไง”

“มันบอกผมเอาไว้ว่าถ้ามีคนมาถามถึงผม ให้บอกไม่รู้ไม่เห็น”

อะไรของไอ้โอบกันวะ นี่ตกลงมันมีปัญหาอะไรอยู่กันแน่

“หรือว่ามันจะติดหนี้พนันจริงๆ วะ” ไอ้จอมทัพหันมาถามเป็นเชิงปรึกษากับผม

“เงินเดือนเหมือนเงินทอนขนาดนี้ พี่คิดว่าไอ้โอบมันจะอดข้าวเอาเศษเงินทอนของมันไปเสี่ยงเหรอครับ ถ้าเขารับเดิมพันเป็นมาม่าก็ว่าไปอย่าง”

“เดี๋ยวเถอะมึง ไปๆ ไสหัวมึงไปให้พ้นหน้ากูได้แล้ว แล้วถ้าหลังจากนี้พวกมึงยังมีความลับอะไรกับกูอีกนะ กูจะไล่ออกให้หมด รำคาญ” ไอ้จอมทัพทำทีเป็นโวยวายกลบเกลื่อน มันสะบัดมือไล่ไอ้อินเทลไปให้พ้นหน้าพ้นตาซึ่งไอ้อินเทลก็รีบพุ่งตัวออกไปอย่างไม่คิดชีวิตกันเลยทีเดียว

“ไอ้เด็กห่านี่มันจะลึกลับไปไหน”

ไอ้อินเทลวิ่งกลับเข้าไปในร้านเรียบร้อยไอ้จอมทัพถึงได้หันกลับมาบ่นกับผม สีหน้ามันดูเครียดๆ ซึ่งผมพอจะมองออกว่ามันคงกังวลเรื่องไอ้โอบนั่นแหละ แต่ไหนแต่ไรมามันดูแลลูกน้องทุกคนอย่างคนในครอบครัว ยิ่งไอ้โอบที่เป็นเด็กขยันขันแข็งแถมยังช่างพูด คงไม่แปลกที่ไอ้จอมทัพจะเอ็นดูมันเป็นพิเศษ

“วันก่อนฉันเห็นผู้ชายคนนั้นแวะไปรับไอ้โอบที่สตูฯ ตอนแรกก็คิดว่าแฟนเหมือนกัน แต่ไอ้โอบบอกว่าไม่ใช่ เป็นแค่พี่ชายแล้วก็ไม่ยอมพูดถึง ไม่แนะนำเหมือนกับที่ไอ้อินเทลมันบอกนั่นแหละ” ผมเริ่มเล่า เผื่อว่าสิ่งที่ผมรู้จะพอช่วยอะไรได้บ้าง

“จริงเหรอวะ แสดงว่าไม่ใช่พี่น้องแบบที่คลานตามกันออกมางี้อ่ะเหรอ”

“อืม ดูทรงแล้วน่าจะเป็นแฟนเก่ามากกว่า มันบอกว่าเขากำลังจะแต่งงาน เห็นว่ามาขอให้มันช่วยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวว่ะ”

“ไอ้เวร!” น้ำเสียงของไอ้จอมทัพเข้มขึ้นเหมือนจะกรุ่นโกรธขึ้นมาในทันที

“อย่าคิดมากน่า ไอ้โอบมันไม่ใช่เด็กโง่ มันอาจจะแค่กำลังอกหัก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแบบที่นายคิดหรอก” ผมได้แต่เอื้อมมือไปตบบ่ามันเบาๆ แล้วพูดเป็นเชิงให้กำลังใจ

“ไอ้จอมทัพถอนหายใจเซ็งๆ ก่อนจะพยักหน้าผ่านๆ มันคงไม่ได้สบายใจนักหรอก แต่ถึงยังไงก็ไม่มีใครทำอะไรได้มากไปกว่านี้อีกแล้วนี่นา

“ไว้พรุ่งนี้มันมาทำงานแล้วคงต้องคุยกันจริงๆ จังๆ สักที ว่าแต่คืนนี้นายจะแวะไปไหนต่อรึเปล่า หรือตั้งใจจะแวะมาหาไอ้โอบ”

ผมน่ะเหรอตั้งใจจะแวะมาหาไอ้โอบ ใช่เสียที่ไหนกัน

“ฉันแค่แวะมาหาเบียร์ดื่มแล้วจะกลับไปนอน โทรบอกนายก่อนที่บีบีจะเอาเช็กมาให้ด้วยซ้ำ แล้วไหนๆ ก็มาอยู่แล้ว ฉันก็เลยเอาติดมาด้วยเท่านั้นเอง” ผมอธิบายเสียงเซ็งอีกรอบ

“งั้นเหรอ พรุ่งนี้มันคงโผล่หัวมา นายจะแวะมามั้ยล่ะ ฉันจะได้บอกมันให้ เผื่อมันเห็นหน้านายแล้วจะอารมณ์ดีขยันทำงานขึ้นมาบ้าง”

“นายคิดจะให้ฉันดามใจไอ้เด็กนั่นรึไง ฝันไปเหอะ”

“ฉันจะรอดู เด็กมันรุกเก่งจะตาย ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะรุกได้ถึงเบอร์ไหน เผื่อจะได้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวกับเขาบ้าง”

“ไร้สาระ ไปๆ ฉันไปเข้าห้องน้ำแล้วจะกลับเลย จะแวะมาวันไหนจะโทรบอกอีกทีแล้วกันแต่คงไม่ใช่พรุ่งนี้มะรืนนี้หรอก ยุ่งว่ะ”

“เออๆ จะบอกมันให้ก็แล้วกัน”

“ฉันบอกนาย ไม่ได้ให้นายบอกไอ้เด็กนั่นสักหน่อย” ผมว่าพลางถอนหายใจ ก่อนจะเดินกลับเข้ามาด้านในพร้อมกับไอ้จอมทัพที่น่าจะคิดเรื่องของไอ้โอบไม่ตกทั้งคืนหรือจนกว่าจะได้คุยกับไอ้โอบอย่างจริงจังในวันพรุ่งนี้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป