บทที่ 3 Intro [3]
ครับ ผมขายเก่ง และทุกคนในที่นี้รู้ดีถึงความพยายามขายของผม เพราะผมขายตรงมาตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าพี่ศิลาคือคนที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีทีท่าจะสนใจผมสักนิดเลยก็ตาม
“มึงนี่มัน...”
“โบราณว่าน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน ผมอ่อยพี่ทุกวันขนาดนี้ ถ้าพี่จะไม่มีใจให้ผมบ้าง พี่ก็ใจร้ายเกินไปแล้วนะครับ คนน่ารักเขาไม่ใจร้ายกันหรอก”
ป้าบ!
“ไป” ไอ้อินเทลตบกบาลผมจนหน้าทิ่มก่อนจะลากคอผมออกมา
เอาเถอะ อย่างน้อยๆ คืนนี้ผมก็น่าจะหลับฝันดีแล้วเพราะได้เห็นหน้าพี่ศิลาก่อนนอน แถมเมื่อครู่นี้พี่เขายังยิ้มให้ผมอีกต่างหาก แม้จะเป็นรอยยิ้มแบบเสียไม่ได้ก็ตามที
คิดแล้วก็อดจะเสียดายโอกาสไม่ได้ นี่ถ้าผมรู้มาก่อนว่าพี่ศิลาจะแวะมารับพี่จอมทัพ ผมคงล้างหน้าล้างตาและเซ็ตผมให้มันดีกว่านี้สักหน่อย เผื่อเขาจะประทับใจ
“เป็นเอามากนะมึง”
“น้อยกว่านี้จะเรียกรักเหรอวะ”
“กูจะอ้วก” ไอ้อินเทลทำหน้าตาเหยเกใส่ผม แต่ช่างหัวมันเถอะ ผมไม่สนใจมันหรอก ผมชอบของผม ไม่ได้ไปนั่งชอบบนหัวมันสักหน่อยนี่
“มึงออกตัวเสียแรง ระวังเหอะ สักวันน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า พนันกันมั้ยล่ะว่านอกจากมึงจะเป็นหมาเห่าเครื่องบินแล้ว จุดจบมึงนี่น่าจะเมาเหมือนหมาด้วยน่ะ”
“เหมือนอะไรก็เรื่องของกู กูชอบของกูนี่หว่า มึงจะให้กูทำยังไงวะ”
“ทำใจ มึงต้องหัดยอมรับความจริงบ้างนะว่ามึงกับเขามันคนละชั้นกัน เขาน่ะลูกหมอ ส่วนมึงอ่ะ ลูกหมา” ไอ้อินเทลย้ำพลางตบกบาลมาอีกหนึ่งดอกเน้นๆ
ผมถอนหายใจแรงพลางยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆ บอกตามตรงนะว่าไอ้อินเทลที่มันพูดมาก็มีเหตุผลนั่นแหละ และผมเองก็ไม่ใช่จะดื้อดึงหรือว่าไม่รับฟังคำเตือนของมันเสียทีเดียว แต่ขอแค่แทะโลมเขาบ้างเวลาที่มีโอกาส หรือเก็บเขาไปฝันถึงบ้างไม่ได้รึไง ผมไม่ได้รีบร้อนอยากจะได้เขาวันนี้พรุ่งนี้เสียเมื่อไหร่ล่ะ
“มึงคิดว่าถ้ากูจีบพี่เขาจริงๆ พี่เขาจะชอบกูมั้ยวะไอ้เทล”
“เหอะ สรุปว่าเมื่อกี้กูพูดกับสัมภเวสีสินะ”
“กูได้ยิน แต่ถ้ากูมีโอกาส กูก็อยากลองดูสักตั้งนี่หว่า”
“หิวสัส”
“มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง กูถามความเห็นมึงอยู่ กูอยากหาโอกาสปีนเกลียว” ผมบอกพลางรั้งข้อมือของไอ้อินเทลเอาไว้ รู้หรอกว่ามันตั้งใจจะเดินหนีผมไปหาที่นั่งในร้านก๋วยเตี๋ยวเพราะรู้ตัวอีกทีเราก็เดินมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวร้านประจำของมันแล้ว
“เหอะ กูว่ามีความเป็นไปได้ว่าเกลียวหวานแหงๆ อีกอย่างกูยังดูไม่ออกเลยว่าพี่ศิลาเขาชอบแบบมึงรึเปล่า”
“แบบกูนี่ยังไง”
“ก็ชอบผู้ชายไง ใช่ว่าเวลาที่มึงเล่นกับเขาแล้วเขาไม่ปฏิเสธมันจะแปลว่าเขามีใจหรือว่าเอ็นดูมึงนะไอ้โอบ เขาอาจแค่รักษามารยาทก็ได้ มึงต้องเผื่อใจให้เป็นด้วยไอ้สัส”
“แต่กูชอบเขานี่หว่า มึงไม่เคยได้ยินเหรอที่เขาว่าห้ามน้ำไม่ไหล ห้ามไฟไม่ให้มีควัน ห้ามอาทิตย์ห้ามดวงจันทร์ หยุดแค่นั้นค่อยห้ามดวงใจ”
“เอาที่มึงสบายใจเลยเชี่ยโอบ คุยกับมึงนี่ไม่ต่างจากสีซอให้ควายฟังเลยจริงๆ” ไอ้อินเทลทำสีหน้าเซ็งสุดขีดก่อนที่มันจะเดินหนีผมไปสั่งก๋วยเตี๋ยว ในขณะที่ผมยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินนำไปนั่งที่โต๊ะเพราะปกติแล้วมันจะสั่งเผื่อผมอยู่แล้ว
“มึงไม่ลองบ้างเหรอวะ”
“อะไร ป้าเขามีเมนูใหม่เหรอวะ” ไอ้อินเทลทำทีเป็นหันซ้ายหันขวามองหาเมนูใหม่ไปรอบร้าน ไอ้ห่า ร้านมีความกว้างประมาณสองเมตรคูณสองเมตร มองซะไกลสุดลูกหูลูกตา
“กวนตีน ต้องให้กูพูดตรงๆ มั้ยว่ากูหมายถึงอะไร”
“เสือก!”
ทำไมมันเสือกเรื่องของผมได้ แต่พอผมจะเสือกเรื่องของมันบ้างมันดันทำหน้าตาไม่พอใจวะ แถมผมยังต้องเป็นฝ่ายรู้สึกเกรงใจมันทั้งที่มันไม่เคยเกรงใจผมสักนิด
“เออ ไม่เสือกก็ไม่เสือก งั้นมาลองดูกันมั้ยว่ามึงกับกู ใครจะน้ำตาเช็ดหัวเข่าก่อนกัน ระหว่างมึงที่ที่คิดว่าตัวเองสวมบทพระเอกในเอ็มวีแอบรัก”
“กับมึงที่สวมบทหมาเห่าเครื่องบิน ไม่เจียมตัว ไม่รู้จักชะโงกดูเงาตัวเอง”
ทำไมมันด่าผมยาวกว่าที่ผมด่ามันได้ทุกทีเลยนะ
“เออ ใครแพ้หรือว่าฟูมฟายก่อนต้องเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวอีกฝ่ายตลอดชีวิตนะ”
“ได้ เดี๋ยวกูแถมน้ำอัดลมให้มึงด้วย”
...การพนันระหว่างผมกับไอ้อินเทล เริ่มต้นนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป...
