บทที่ 6 EP 01 เข้าทาง [3]
“หึ! แตกยับเลยสิมึง” ไอ้อินเทลเยาะเย้ย มันหันไปยิ้มให้พี่ศิลาแล้วเดินไปที่อีกฟากหนึ่งของบาร์ ส่วนผมก็ยังทำหน้าระรื่นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะยังไงซะผมก็ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
คิดจะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง นิ่งมากๆ นิ่งให้มากถึงมากที่สุด!
“พี่ทัพเขาเข้าห้องน้ำน่ะครับ เดี๋ยวคงเดินออกมา พี่ศิลานั่งรอตรงนี้ก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมชงเครื่องดื่มใส่ใจมาให้”
“เบาได้เบาหน่อยนะไอ้โอบ นี่เพื่อนกู เว้นๆ มันไว้บ้างเถอะ” พี่จอมทัพที่เดินออกมาได้ยินพอดีถึงขั้นออกปากเตือนพร้อมกับส่ายหัว แต่ช่วยไม่ได้ที่ผมมันคนหน้ามึนมาแต่ไหนแต่ไร
ผมเห็นเขาตั้งแต่แรกแล้วนั่นแหละ เพราะว่าเขาก็เดินตามหลังไอ้อินเทลมา แต่แค่ทำเป็นไม่เห็นเพื่อหาทางหยอดพี่ศิลาเฉยๆ
“เบาไม่ได้หรอกครับ ความรักของผมมันหนักมาก ไม่เชื่อถามพี่ศิลาดู ผมทุ่มใส่เขาไปแล้ว”
“โอ๊ย กูจะอ้วก!” ไอ้โปเต้ที่เดินมาจากหลังร้านโวยวาย แต่ใครสนใจมันล่ะ ผมกำลังสนใจพี่ศิลาที่เดินมานั่งตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์หน้าผมตามคำเชิญของผมต่างหาก
เห็นมั้ย บอกแล้วว่าเขาแวะมาหาผม เขาไม่พูดตรงๆ เพราะกลัวจะเสียฟอร์มเฉยๆ หรอก
ทุกคนส่ายหน้าเอือมระอาผมกันหมด ไม่เว้นแม้แต่น้ำกับแก้ว เด็กเสิร์ฟอีกสองคนที่กำลังช่วยกันเก็บโต๊ะของลูกค้าโต๊ะสามที่เพิ่งจะลุกออกไป เก็บโต๊ะไปด้วย หัวเราะผมกันคิกคักๆ สนุกเลยทีเดียว
“พยานรักมึงนี่เยอะจริงๆ” พี่จอมทัพว่าเสียงเข้ม ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับพี่ศิลาต่อ
“เดี๋ยวกูขึ้นไปเอาของแป๊บ มึงจะไปด้วยกันมั้ย หรือจะนั่งตรงนี้ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าอยู่ตรงนี้มึงจะไม่ปลอดภัยเพราะไอ้โอบมันจ้องจะงาบมึงอยู่”
พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง
ผมเอียงคอมองหน้าพี่จอมทัพนิดหน่อย ก่อนจะมองไปที่พี่ศาลาที่กระตุกยิ้มมุมปากพลางยกมือขึ้นมาหักข้อมือสะบัดเบาๆ สองสามครั้งเป็นเชิงบอกว่าให้พี่จอมทัพเดินขึ้นไปคนเดียวเพราะเขาจะนั่งรอพี่จอมทัพตรงนี้
โอ้โห ท่าทางและสายตาคือโคตรคูล
“กูจะถือว่ากูเตือนมึงแล้วก็แล้วกัน” พูดจบพี่จอมทัพก็หัวเราะทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปทางหลังร้านเพื่อเดินขึ้นไปที่ชั้นสองซึ่งเป็นห้องทำงานของเขาน่ะ
“รับเครื่องดื่มอะไรดีครับพี่ศิลา เดี๋ยวผมใส่ใจให้เป็นพิเศษ” ผมไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปถามทันที โอกาสอ่อยของผมมาถึงแล้ว ผมไม่มีทางปล่อยให้พี่เขาหลุดมือไปง่ายๆ หรอก แม้จะแอบเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายของไอ้อินเทลก็ตามที
“น้ำเปล่า ไม่เอาน้ำแข็ง” เสียงทุ้มๆ นี่มันนุ่มกระแทกใจผมจริงๆ
“ยินดีครับ” ผมบอกยิ้มๆ ก่อนจะรีบเตรียมน้ำเปล่าให้พี่ศิลาตามคำสั่งทันที ระหว่างนั้นก็แอบมองเขาเป็นระยะๆ ซึ่งเขาก็กำลังมองผมอยู่เหมือนกัน มองไปยิ้มไป ผมว่าเขาต้องกำลังคิดอะไรกับผมอยู่แน่ๆ
“น้ำเปล่าครับ” ผมยิ้มกว้างพร้อมกับวางขวดน้ำและแก้วเปล่าบนเคาน์เตอร์ “น้ำเปล่าขวดนี้มันอาจจะหวานนิดหน่อยนะครับ เพราะผมเลือกขวดพิเศษมาให้พี่โดยเฉพาะ”
“เฮ้อ เหมือนมึงว่างนะไอ้โอบ”
“ถ้าพี่รำคาญไม่อยากให้ผมว่างอยู่ที่นี่ ก็อนุญาตให้ผมไปวิ่งเล่นในใจพี่หน่อยจะได้มั้ยครับ”
“พอเถอะไอ้เชี่ยโอบ กูสงสารพี่ศิลา” ไอ้โปเต้เดินผ่านมาอีกรอบยังคงไม่วายจะแวะเสือกเรื่องของผมอีกเหมือนเคย ซึ่งผมก็รีบหันไปฉีกยิ้มให้มันก่อนจะยิงฟันแล้วพูดกับมันอย่างสุภาพเพื่อรักษาภาพลักษณ์ว่า
“อย่าเสือก ชิ่ว!”
โดยไม่เปล่งเสียงออกไป
Rrrr~
ใช้สายตาไล่ไอ้โปเต้แต่มันยังไม่ทันไป โทรศัพท์พี่ศิลาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ถึงอยากจะมองหน้าเขาอีกสักพัก ส่งยิ้มให้เขาอีกสักหน่อยและอ่อยเขาอีกสักสิบยี่สิบนาที ก็ต้องหันหลังกลับออกมาทำหน้าที่ของตัวเองเพราะคำว่ามารยาท
เฮ้อ คิดเสียว่ามาเตรียมมุกก็แล้วกัน
ผมทำทีเป็นเช็ดแก้วต่อไปเงียบๆ ทั้งที่สองหูแอบฟังเสียงพี่ศิลาอย่างตั้งใจ แต่ก็ไม่ได้จะเสียมารยาทพูดหรือสาระแนเรื่องของเขาออกไปสักหน่อยนี่ แค่ฟังเพราะอยากจะได้ยินเสียงของเขาเฉยๆ
“พรุ่งนี้สิบโมง”
อ่า...เขานัดกับใครนะ จะใช่แฟนสาวรึเปล่า เพราะจนถึงป่านนี้แล้วผมก็ยังไม่รู้เลยว่าพี่ศิลาเขามีแฟนรึยัง ถามพี่จอมทัพเท่าไหร่พี่จอมทัพก็ไม่ยอมตอบ บอกให้ถามพี่ศิลาเอาเอง ซึ่งก็ใช่ว่าผมจะไม่กล้าถามเสียเมื่อไหร่ ผมถามทุกครั้งที่มีโอกาสนั่นแหละแต่ว่าเขาตอบผมด้วยสายตาเอือมระอาทุกที
“กูไม่ตลก”
อ้าวๆๆ เสียงเริ่มไม่ขำแล้วสิ ผมมันต้องมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ
“แล้วไง มันเป็นหน้าที่มึงไม่ใช่เหรอที่ต้องคุยน่ะ ลองดูก็แล้วกัน กูรอคำตอบ เพราะยังไงซะคนอื่นเขาก็พร้อมกันหมดแล้ว ถ้ามันจะต้องมาเสียเพราะคนๆ เดียว กูไม่เอาไว้นะ”
อ่า...เด็ดขาดชะมัด ผมนี่ขนหัวลุกแทนไอ้คนที่พี่ศิลาจะไม่เอาไว้เลยทีเดียว
