บทที่ 8 EP 01 เข้าทาง [5]
“หึ!”
เสียงแค่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองพี่ศิลาทันที ผมไม่ได้ลืมหรอกว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้น่ะ เพียงแต่ตอนนี้ผมยังอยู่ในเวลางาน ผมต้องทำหน้าที่ของผมเสียก่อน คิดว่าถ้าตอนนี้ผมไม่ได้สวมผ้ากันเปื้อนของร้านอยู่ ผมจะไม่มีทางยอมให้เขานั่งมองผมเฉยๆ มาได้ตั้งนานสองนานหรอก จะรีบเดินไปยืนตรงหน้าให้เขามองให้พอใจเลยทีเดียว
“รับอย่างอื่นเพิ่มมั้ยครับ เผื่อว่าพี่จะคอแห้ง หรือว่าอยากได้ผ้าเย็นประคบสักหน่อยมั้ยครับ ตาพี่น่าจะกำลังร้อน” ผมตั้งใจจะพูดเบาๆ แบบที่ให้เราได้ยินกันแค่สองคน
“กูจะรอดูว่ามึงจะรอดรึเปล่า”
“ถ้าไม่ใช่พี่ ผมไม่ฟรีกับใครหรอกครับ” ผมขยิบตาให้พี่ศิลาหนึ่งทีก่อนจะยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้คุณสกายอีกแก้วตามที่เธอสั่ง ซึ่งเดินมาถึงตรงนี้แล้ว ผมก็ยังรู้สึกตลอดเวลาว่าพี่ศิลามองตามมาและเขาคงจะยังมองต่อไปเรื่อยๆ เหมือนที่เขาบอกว่าเขาอยากรู้ว่าผมจะรอดจากเธอคนนี้ไปรึเปล่า
ได้ มาดูกัน!
“ผมดื่มแก้วนี้แล้วคุณสกายจะหายโกรธผมใช่มั้ยครับ” ผมถามยิ้มๆ พลางยกแก้วจินโทนิคขึ้นมาถือ
“ค่ะ แต่จะว่าไปสกายก็ไม่ได้โกรธจริงจังหรอกนะคะ แค่กำลังอยากหาเพื่อนดื่ม” เธอว่าแล้วยิ้มยั่ว ดวงตาคู่สวยของเธอมีเสน่ห์ นัยน์ตาระยิบระยิบเมื่อสะท้อนแสงไฟออกมา
“ยินดีครับ” ผมยื่นแก้วจินโทนิคออกไปแตะกับแก้วมาการิต้าในมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดื่มจนหมด เธอดื่มช้ากว่าผมนิดหน่อย ท่าทีที่เธอวางแก้วบนเคาน์เตอร์พร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากนี่ดูเซ็กซี่สุดๆ ไปเลย ติดนิดเดียวตรงที่เธอไม่ใช่สเป็ก
“เราดีกันแล้วนะครับ”
“ค่ะ พี่โอบนี่น่ารักเสมอเลย” เธอยิ้มจนตาหยี
ผมน้อมรับคำชมนั้นไว้ก่อนจะก้มหัวให้เธอนิดหน่อยแล้วถอยหลังกลับออกมา ปล่อยให้เธอนั่งเสพบรรยากาศสักพัก เดี๋ยวถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติม เธอจะเรียกผมเองนั่นแหละ
หันกลับมาอีกทีไอ้อินเทลก็ยืนอยู่ที่ที่ประจำของมันแล้ว ผมก็เลยอดไม่ได้ที่จะถามถึงลูกค้าที่มันเดินตามไปเมื่อครู่
“เรียบร้อยดีมั้ยวะ”
“อืม คงรู้ตัวก็เลยยอมเดินกลับมาจ่าย เพิ่งลุกออกไปเมื่อกี้” ไอ้อินเทลบ่นเบาๆ พลางส่ายหัวเอือมระอานิดหน่อย
“แล้วมึงอ่ะ ถูกเด็กล่อลวงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
“น้อยๆ หน่อยมึง พูดอะไรเกรงใจแฟนในอนาคตกูด้วย” ผมว่าพลางชำเลืองหางตามองไปที่พี่ศิลานิดหน่อย ซึ่งถึงเขาจะไม่ได้มองผมอยู่ แต่พอผมพูดแล้วมองไปที่เขา เขาก็มองกลับมาทันที สายตาบ่งบอกว่าละเหี่ยใจกับผมเหมือนเคย
“กูล่ะสงสารพี่เขาจริงๆ มึงจะกัดเขาไม่ปล่อยเลยรึไง”
“กูยังไม่ได้กัดสักคำ พอมึงพูดแล้วก็อยากลองกัดเขาดูเหมือนกัน”
“เฮ้อ พอกันที กูเบื่อมึงจนไม่รู้จะหาคำไหนมาพูด เอาเป็นว่ามึงอยากทำอะไรก็ตามใจมึงก็แล้วกัน ไปๆ จะไปทำเชี่ยอะไรก็ไปทำเถอะ อย่าลืมดูแลเด็กของมึงด้วย”
“เด็กกูพ่อง!” ผมถลึงตาใส่ไอ้อินเทลก่อนจะเดินหนีมันออกมา แอบมองไปที่คุณสกายนิดหน่อย เห็นว่าเธอกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ เป็นโอกาสที่ดีที่ผมจะเดินเข้าไปอ่อยพี่ศิลา
“นั่งคนเดียวมันเหงานะครับ ไม่รู้ว่าพี่จอมทัพเดินไปเอาของถึงไหน ให้ผมคุยเป็นเพื่อนพี่ดีมั้ยนะ” ผมแสร้งถามลอยๆ พอพี่ศิลาช้อนตาขึ้นมามอง ผมก็รีบยิ้มหวานให้
“กูไม่เหงา”
“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบเสนอหน้า ขอก่อกวนหัวใจของพี่ต่อไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน”
“มึงนี่มัน...”
“พี่ศิลาครับ” ผมรีบพูดแทรก
พี่ศิลาหยุดพูดแล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเหมือนจะอดทนอดกลั้นกับผมพอสมควร แต่เชื่อสิว่าเขายิ้ม ถ้าสีหน้าเขาไม่ยิ้มแบบนี้ผมก็คงไม่กล้าเหมือนกัน ดูก็รู้ว่าเขาเองก็ดูไม่ได้ถือสาอะไร อาจจะตลกกับสิ่งที่ผมทำอยู่ก็ได้ ซึ่งผมก็อยากให้เขายิ้มนั่นแหละ ผมชอบเวลาเขายิ้ม ไม่อย่างนั้นจะหน้าด้านแซวให้เขายิ้มแบบนี้บ่อยๆ ทำไม
“อะไรของมึง”
โอ้โห เพียงแค่เขาขานรับ ผมก็มองเห็นอนาคตความรักของเราสดใสขึ้นมาทันใด
“พี่มีแฟนรึยังอ่ะ”
ไม่รู้เหมือนกันว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ผมถามแบบนี้กับเขา แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบจากเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
พี่ศิลามองผมด้วยหางตานิดๆ ก่อนจะค่อยๆ ยื่นหน้าเขามาใกล้ อีกนิดเดียวปลายจมูกของเราก็จะชนกันอยู่แล้ว แต่เขาดันยกมือขึ้นมาตบหัวผมจนหน้าทิ่มเคาน์เตอร์บาร์เสียก่อน
“อย่า-ปีน-เกลียว”
คำตอบของเขาเอาผมใจฝ่อสนิท แต่ก็ยังเลือกที่จะเงยหน้ามายิ้มใส่เขาเหมือนเคย
