บทที่ 6 🔥 ลงทัณฑ์ : EP : 5 เชลยที่แสนเจ็บ

บทที่ 5

เปลือกตาหนาค่อยๆ ลืมขึ้นสัมผัสกับบรรยากาศในช่วงเช้าแต่ทำไมตื่นมาในวันนี้ถึงรู้สึกปวดหัวและปวดต้นคอจนไม่อยากจะขยับไปไหนสายตากวาดมองรอบๆ นี้ห้องของตัวเองหรือเป็นเพราะว่าเมื่อวานจัดหนักพัดชาเลยทำให้ตัวเองนั้นเมื่อยล้า

ชามาร์หันไปทางด้านซ้ายซึ่งแขนของตัวเองเหมือนมีอะไรบางอย่างหนุนนอนอยู่ เขาสะดุ้งเพราะว่ามีผู้หญิงนอนอยู่ด้านข้าง เมื่อเขาก้มมองลำตัวเห็นสภาพตัวเองที่เปลือยเปล่าเหลือเพียงแต่ผ้าห่มปกคลุมโดยที่ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นไร้เสื้อผ้าด้วยเช่นกัน

เขาได้เพียงแต่คิดว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่กลับมาเจอเจอเหมยและพูดคุยกันแต่ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลย

ชามาร์ยกมือบีบที่หน้าผากของตัวเองขยับตัวจนผู้หญิงที่นอนหนุนแขนของเขานั้นรู้สึกตัว

"เหมย...มันเกิดอะไรขึ้น" หญิงสาวร่างบางทำท่าทีตกใจคิ้วน้อยขมวดเข้าหากันก้มมองร่างกายของตัวเองและเขา

"ทำไมถึงเป็นแบบนี้! มันเกิดอะไรขึ้นคุณชามาร์บอกว่าจะไม่ทำอะไรเหมยก่อนจะแต่งงานแต่ทำไม" ดวงตาคู่น้อยน้ำตาคลอสะอื้นร้องไห้ดั่งกับเด็กไร้เดียงสา

"มันเกิดอะไรขึ้นวะ" เขาขยับตัวออกจากเธอยังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่เสียงร้องไห้ของเธอนั้นดูน่าสงสารจนชามาร์โอบกอดและดึงเหมยเข้ามากอดเอาไว้ที่อ้อมอกปกติแล้วเขาจะไม่ถูกเนื้อต้องตัวของเหมยแต่ในตอนนี้เขาสงสารและไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้น

"ถ้าคุณไม่รับผิดชอบก็ไม่เป็นอะไรนะคะ...เหมยไม่ได้เรียกร้องอะไรอยู่แล้ว"

"อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเหมือนกันมันปวดหัวไปหมดอีกอย่างเรื่องแบบนี้ที่มันเกิดขึ้น มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้วเพราะว่ายังไงฉันก็แต่งงานกับเธอ" ใบหน้าของเหมยยิ้มภายใต้การมองไม่เห็นของชามาร์ในที่สุดแผนการของเธอก็สำเร็จ

"ขอบคุณนะคะ...ถ้าหมวยรู้ว่าคุณดีกับเหมยแบบนี้เขาคงดีจะให้มากๆ"

"อืม ไปอาบน้ำเถอะจะได้ลงไปทานข้าว"

เหมยขยับตัวออกดึงผ้าห่มห่อร่างกายของตัวเองและลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ! ส่วนชามาร์ยังคงปวดหัวและต้นคอ เมื่อเขาหันมาเห็นคราบเลือดบนที่นอนจึงได้เพียงแต่ส่ายหน้าไปมา

"กูทำอะไรลงไปวะเนี่ย วันเดียวได้ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงทั้งสองคนเลยเหรอวะ! ทำไมถึงเป็นแบบนี้" ในความรู้สึกของเขาตอนนี้ไม่เคยดีใจที่มีอะไรกับเหมยและได้ความบริสุทธิ์ของเธอจนเกิดคราบเลือดที่เปื้อนอยู่ที่ผ้าปูที่นอนซึ่งแตกต่างจากความรู้สึกเมื่อวานที่เขามีอะไรกับพัดชา

ชามาร์ไม่รอช้าในขณะที่เหมยเข้าไปอาบน้ำ เขารีบคว้าเสื้อผ้าชุดใหม่สวมใส่แล้วออกมาจากห้องทันที

"นายจะไปไหนครับ"

"กูจะไปคอนโด"

"คุณชามาร์...ดะเดี๋ยว" เขาได้ยินเสียงแว่วมาจากบนห้องซึ่งเป็นเสียงของเหมยชามาร์จึงรีบก้าวขาออกจากบ้านทันทีและให้ลูกน้องขับรถมาที่คอนโดด้วยความเร็ว

ตลอดระยะทางที่นั่งรถมาชามาร์ได้เพียงแต่คิดเรื่องเมื่อคืนจนปวดหัวไปหมด เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรและทำไมเขาถึงจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้

ในตอนเช้าของวันที่เจ็บปวดพัดชาแทบลุกไม่ขึ้นร่างกายที่บอบช้ำเต็มไปด้วยรอยแดงยิ่งกุมมองตัวเองก็ยิ่งรู้สึกสมเพช แต่เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเวลาและหาเงินคืนให้เขา

หลังจากที่เธอเก็บกวาดในห้องเสร็จ พัดชาจึงออกมาต้มมาม่ากินด้วยความหิวตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้กินอะไรและเรี่ยวแรงที่ขัดขืนเขานั้นมันทำให้ร่างกายของเธออ่อนล้า

"โอ๊ย! ทำไมเจอแต่อะไรเจ็บๆ" ขนาดต้มมาม่าน้ำร้อนยังไม่เป็นใจกระเด็นใส่มือของพัดชาจนสะดุ้ง พัดชาสะบัดมือตัวเองไปมา

"คลืด!!" พัดชาเธอวางถ้วยมาม่าไว้ที่โต๊ะและรีบเดินมารับโทรศัพท์

"พัดชาเป็นยังไงบ้างลูกแม่เป็นห่วงลูกมากนะฮื่อๆ แม่เสียใจที่เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้แม่สัญญาและสาบานแม่จะไม่ไปเล่นอีกแล้วแม่จะเลิกการพนันจริงๆ" พัดชาได้เพียงแต่ถอนหายใจในตอนนั้นแม่ของเธอก็พูดและสัญญาแบบนี้จนกระทั่งวันนี้ไม่เหลืออะไรแม้แต่บ้านก็เอาไปเล่นจนหมด

"คงจะโกรธเกลียดแม่มากสินะ" ผู้เป็นแม่พูดด้วยน้ำเสียงสั่น แต่พัดชานั้นนั่งร้องไห้ซึ่งในตอนนี้ที่เธอโดนไม่ใช่เพียงแค่ขัดดอก แต่การกระทำของเจ้าหนี้นั้นเหมือนเธอเป็นทาสเป็นนักโทษไม่ให้ออกไปไหนรอเพียงแค่เขามาหาและระบายความใคร่

"ฮึ๊ก! ดูแลตัวเองดีๆ นะคะคุณแม่ พัดชาไม่มีเงินและไม่มีอะไรที่จะต้องไปใช้หนี้ให้คุณแม่อีกแล้วส่วนเรื่องบ้านคุณแม่หากลับมาเองนะคะ" เธอกดตัดสายและโยนโทรศัพท์ทิ้ง!

ร่างบางนั่งกอดเข่าอยู่หน้าประตูร้องไห้สะอึกสะอื้นกับความเจ็บปวดทั้งหัวใจและร่างกาย

หลังจากที่เธอระงับสงบสติอารมณ์ของตัวเองพัดชาลุกขึ้น ถ้ายังไม่มีเงินมาใช้หนี้เขาเธอต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้! แล้วโทรศัพท์ก็ขว้างทิ้งจนแตกไปแล้ว ก่อนที่จะทำอย่างอื่นต้องทำให้ร่างกายของตัวเองกลับมาแข็งแรงก่อน พัดชาได้เพียงแต่เตือนสติตัวเองเธอลุกขึ้นมานั่งที่โต๊ะเพื่อที่จะกินมาม่าแต่ประตูคอนโดนั้นเปิดเข้ามา

เขาคือผู้ชายใจร้ายที่เธอไม่อยากหันมองพัดชาได้เพียงแต่ก้มหน้าและหยิบตะเกียบ

"ฉันมาเธอทำเป็นเหมือนมองไม่เห็น! สิ่งที่เธอควรทำไม่ใช่แบบนี้ เธอควรต้องรีบมาต้อนรับฉันเพราะว่าฉันเป็นเจ้าหนี้ของเธอ" คนตัวโตเดินขยับเข้ามาใกล้ๆ เขาไม่พอใจในการกระทำของพัดชาที่นิ่งเฉยไม่ต้อนรับเขาและยังดูไม่สนใจเขา

"คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการไปแล้ว..โอ๊ย!"

พัดชาเธอโต้ตอบเขายังไม่ทันจบประโยคมือหนาคว้าจับต้นแขนของเธอกระชากจนเธอต้องลงจากเก้าอี้

"เธอมีสิทธิ์อะไรมาเถียงฉัน! ผู้หญิงไร้ค่าแบบเธอเจ็บเป็นด้วยเหรอ" สาบานนะว่านี่ปากดูถูกผู้หญิงทำร้ายผู้หญิงซึ่งไม่น่าเรียกว่าคนเขาคงเป็นซาตาน

"ฉันเป็นคนนะคะ...ต่อให้คุณเป็นเจ้าหนี้ของฉัน คุณก็ไม่ควรทำแบบนี้คุณรู้ไหมว่าสิ่งที่คุณทำอยู่มันเรียกว่าอะไร! มันเรียกว่าชั่วตั้งแต่กำเนิด" สายตาคู่น้อยจ้องมองเขาด้วยความโกรธและแค้นผู้ชายใจร้ายคนนี้เป็นคนที่เธอเกลียดจนไม่อยากมองหน้า แล้วไม่เคยคิดว่าทั้งชีวิตจะเจอคนที่ใจร้ายมากที่สุด คำพูดของเธอเน้นย้ำจนน้ำเสียงสั่นปากสั่น แต่เป็นคำพูดที่เขาโกรธมากกว่าเดิม

"หิวใช่ไหม อยากกินมาม่าใช่ไหมปากดีนักใช่ไหม" ชามาร์กวาดมองไปยังถ้วยมาม่าที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาคว้าหยิบมันมาทันทีโดยที่พัดชายังไม่ทันได้ตั้งตัวมาม่านั้นถูกโยนใส่หน้าอกซึ่งด้วยพึ่งต้มถึงแม้ว่าเธอจะนั่งอยู่พักใหญ่แต่ในถ้วยมาม่าก็ยังเป็นน้ำร้อน

"โอ๊ย" พัดชาปัดเส้นมาม่าบนหน้าอกของตัวเองออกซึ่งมันไม่ได้ร้อนมากเหมือนน้ำที่ต้มใหม่แต่ก็ยังเป็นน้ำร้อนที่โดนแล้วสะดุ้ง

"น่าจะเป็นมาม่าที่เพิ่งต้มแล้วน้ำร้อนควันนะ! มันจะได้ไม่มีปากไว้พูดด่า จำเอาไว้นะพัดชาเธอไม่มีสิทธิ์ด่าฉัน ถ้าเธอยังไม่ฟังรับรองได้เลยว่าศพเธอไม่สวยแน่" มือหนาคว้าบีบปลายคางกระชากพัดชาเข้าใกล้ตัวเองสายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเกลียดหลังจากที่รู้ว่าพัดชาคือลูกของเดชา เขายิ่งเกลียดเธอมากกว่าเดิมไม่เห็นว่าเธอเป็นลูกหนี้เห็นเธอเป็นทาสที่ต้องชดใช้แทนความเจ็บปวดที่พ่อของเธอเคยทำไว้ในอดีต

"ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องเลวใส่ฉัน! ฉันไปทำอะไรไว้ให้ตั้งแต่ชาติปางไหนเหรอ ฮึ๊ก! ฉันเป็นลูกหนี้ของคุณก็จริงแต่ฉันไม่ใช่ทาส" มือหนาคว้าจับข้อมือน้อยกระชากเข้าหาตัวเองพร้อมกับมืออีกข้างบีบปลายคางเช่นเดิมดึงเธอจนต้องเขย่งเท้าตาม

ดวงตาคู่น้อยแดงก่ำจ้องมองเขาทั้งน้ำตาส่วนคนตัวโตขบฟันจนเสียงดัง

"สักวันเธอจะรู้ว่าทำไมฉันถึงเกลียดเธอขนาดนี้"

"คุณบอกตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ...ว่าทำไมคุณถึงเกลียดฉัน! ฮึ๊ก! ฉันจะไปหาเงินมาใช้หนี้คุณเพราะว่าฉันรับในสิ่งที่คุณทำไม่ได้!แล้ว...ปล่อย" ยังพอมีทางสำหรับพัดชาที่เธอจะไปกู้เงินโดยที่เอารถและทรัพย์สินในบ้านไปจำนำ และยังมีพื้นนาที่ซื้อที่ต่างจังหวัดไว้ถึงแม้ว่าจะไม่กี่ไร่ แต่มันก็ยังเอาไปขายแล้วเอาเงินมาใช้หนี้เขาได้ เธอไม่อยากตกเป็นทาสเขาต้องเจ็บปวดปางตายต้องลองรับอารมณ์

พัดชาสะบัดเขาออกจากตัวเองเตรียมที่จะเดินมาหน้าประตู

"เธอแน่ใจนะว่าเธอจะหาเงินสิบล้านมาคืนฉันได้" พัดชาที่กำลังจับประตูเปิดนั้นหยุดชะงักทำไมเขาถึงพูดว่าเงินสิบล้าน! นี่มันหมายความว่ายังไงจากที่เขาโกงเงินหนึ่งล้าน กลายเป็นสี่ล้าน ตอนนี้กลายเป็นสิบล้าน! มันเกิดอะไรขึ้นพัดชาหันกลับไปมองเขา

"คุณพูดว่าอะไรนะคะ"

ชามาร์หันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เขาถอนหายใจก่อนที่จะไปนั่งที่โซฟาโดยการไขว่ห้างมองพัดชาอย่างใจเย็น

"ก็ไม่มีอะไรหรอก แม่ของเธอมาเอาเงินจากฉันไปอีกหกล้าน แล้ว! บอกว่าทรัพย์สินในบ้านและรถทุกคันยกให้ฉันหมดรวมถึงตัวของเธอด้วย"

พัดชาแทบไม่เชื่อหูของตัวเองที่แม่ของเธอเพิ่งโทรมาร้องไห้อยู่เมื่อกี้บอกว่าจะเลิกเล่นการพนันแต่กลับไปเอาเงินจากเขามาอีกหกล้าน จากที่ยืนอยู่นั้นหมดแรงจนนั่งพับเพียบลงกับพื้น

"ไม่จริง!"

ชามาร์ลุกขึ้นจากโซฟาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ เธอนั่งยองๆ ลงด้านข้างมือนั้นคว้าจับปลายคางเบาๆ ด้วยความสะใจใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขยิ่งเห็นเธอเจ็บปวดเขายิ่งชอบใจ

"เธอไม่มีวันที่จะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้ได้หรอกนะเธอไม่มีวันไปไหนได้เธอต้องเป็นเชลยของฉันตลอดไป!"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป