บทที่ 12 12
“คุณวิธานมาขอพบค่ะ”
“ให้เข้ามาได้” ชายหนุ่มอนุญาตด้วยเสียงห้วนๆ และเนซี่เลขาสาวก็ผลุบหน้ากลับไป สักพักวิธานก็เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าสลด
“ได้ร่องรอยลูกสาวผมบ้างมั้ยครับคุณภาคภูมิ”
“ไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าใครเป็นตัวการ จะตรวจสอบกล้องวงจรปิด...วิธีนี้ก็ใช้ไม่ได้ผล จะทำโตกตากอะไรมากนักก็ไม่ได้ ไม่งั้นคนอื่นๆคงรู้หมดว่าเจ้าสาวผมหายตัวไป”
“โธ่...แวววี่ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ได้โปรดเถอะนะครับคุณภาคภูมิ ช่วยตามลูกสาวผมกลับมาให้ได้ที ผมขอร้องล่ะ” วิธานจับแขนหนุ่มตรงหน้าอย่างวิงวอนแต่กลับถูกสะบัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
“ผมต้องพยายามเต็มที่อยู่แล้ว ในเมื่อแวววี่เป็นเจ้าสาวของผม และมันก็เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของผมด้วย”
“หากแวววี่กลับมา คุณภาคภูมิจะจัดงานแต่งงานใหม่ใช่มั้ยครับ” วิธานเอ่ยถามอย่างมีความหวัง แต่กลับถูกดับหวังด้วยคำพูดเย็นชา
“แน่นอน ผมแต่งแน่ หากคนที่ลักพาตัวแวววี่ไปไม่ใช่ผู้ชาย”
“หมายความว่าถ้ามีผู้ชายลักพาตัวลูกสาวผมไป คุณจะยกเลิกการหมั้นหมาย ?” ถามเสียงสั่น หน้าชาเป็นแถบๆ นี่เขาคิดผิดใช่ไหมที่ฝืนใจให้แวววิวาห์แต่งงานกับผู้ชายเห็นแก่ตัวอย่างภาคภูมิ
“ใช่ ผมรับไม่ได้ที่จะมีเมียเปื้อนราคี”
“ทำไมคุณพูดแบบนี้”
“ทำไมผมจะพูดไม่ได้ ในเมื่อแวววี่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง อ้อ...มีดีแค่ความสวยกับหุ่นสะบึมเท่านั้นมั้ง นอกนั้นก็น่าระอาใจสิ้นดี นอกจากจะหมดตัวแล้ว เธอยังหยิ่งผยอง อวดดี ทำท่าข่มผมตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน แถมยังหลงตัวเองขั้นเทพ”
“คุณไม่ได้รักแวววี่เลย” วิธานถามเสียงแหบแห้ง พลางกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงลำคอเมื่อได้ฟังชายหนุ่มตอบ
“ใช่ ใครจะไปรักผู้หญิงอย่างนั้นลงคอ”
“แล้วคุณแต่งงานกับแวววี่ทำไม”
“เพราะอกใหญ่ๆ เอวคอดๆ ก้นผายๆของลูกสาวคุณมันโดนใจผมยังไงล่ะ” ภาคภูมิหัวเราะ ก่อนจิ้มหน้าอกชายชราอย่างไม่คิดจะเกรงใจ “คุณน่ะหมดตัวแล้ว แล้วหวังจะหาประโยชน์จากผมด้วยการยกลูกสาวคุณให้แต่งงานกับผม เพราะหวังให้ผมช่วยพยุงฐานะบริษัทของคุณที่กำลังจะเข้าสู่สภาวะล้มละลาย ส่วนผมเองมีรสนิยมชอบสาวต่างชาติ แต่ถ้าจะหาแม่ของลูกสักคน ผมคิดว่าขอเป็นคนชาติเดียวกันดีกว่า เลยยอมแต่งงานกับแวววี่ เพราะ...เท่าที่เห็นหน้าอกของผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นแม่พันธ์ที่ดี”
วิธานตัวชาดิกไปทั้งร่าง เขาอ้าปากค้าง ไม่คิดมาก่อนเลยว่านิสัยที่แท้จริงของหนุ่มสุภาพ จะเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ แต่เขาก็พูดอะไรรุนแรงไม่ได้ เพราะตอนนี้เงินทองของเขาก็แทบจะไม่มีเหลือ การจะจ้างนักสืบตามหาตัวแวววิวาห์ จำเป็นต้องใช้เงินมาก เขาจึงต้องพึ่งภาคภูมิต่อไป แม้จะรู้สึกขยะแขยงหนุ่มรุ่นน้องคนนี้มากมายเพียงใดก็ตาม
“ตามใจเถอะ หากเจอตัวแวววี่แล้ว คุณอยากถอนหมั้นอะไรก็ตามใจ”
“แน่นอน...” ภาคภูมิกระตุกยิ้มเย็น ก่อนตบบ่าของวิธานเบาๆ “คุณไม่ต้องห่วงนะ ยังไงผมก็จะต้องพาลูกสาวคุณกลับมาให้ได้ เพราะผมไม่ชอบให้ใครมาหยามศักดิ์ศรีแบบนี้ เอาล่ะ เชิญคุณกลับไปได้แล้ว ผมไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคุณอีก”
วาจาหมางเมินที่ได้ยิน ทำให้วิธานต้องสูดลมหายใจเข้าอย่างช้าๆ มองหน้าภาคภูมิอย่างขุ่นเคืองก่อนจะตัดสินใจออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว พร้อมหัวใจที่อ่อนล้าจนแทบอยากจะร้องไห้
แวววี่... แวววี่ลูกอยู่ที่ไหน พ่อขอโทษ !
“พ่อ...พ่อ พ่อคะ แวววี่อยู่นี่” หญิงสาวตะโกนก้อง พร้อมร่างบางที่ผวาลุกขึ้นนั่ง ดวงตาโตเบิกโพลง...หยาดเหงื่อยังคงเกาะซึมตามผิวหน้าแม้ว่าจะได้อยู่ห้องที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ
เมื่อครู่นี้หล่อนแค่ฝันไป ฝันเห็นพ่อ... พ่อกำลังตามหาหล่อนอยู่
ป่านนี้พ่อคงเป็นห่วงหล่อนมาก หล่อนอยากเจอพ่อ ... แวววิวาห์รีบวาดขาลงจากเตียง ก่อนวิ่งไปเปิดประตูห้อง แต่กลับต้องผงะเมื่อเห็นใครบางคนยืนขวางหน้าห้องอยู่ ใบหน้าถมึงทึงที่มองมาทำให้หญิงสาวถึงกับกรีดร้องลั่น รีบถอยกลับไปที่เตียง
“กรี๊ดดด ผีหลอก !”
“ฉันเป็นคนค่ะ เป็นแม่บ้านของที่นี่” เสียงเย็นๆภาษาอังกฤษที่พูดมา ทำให้หญิงสาวถึงกับชะงัก ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนอีกครั้งอย่างพินิจ
ไม่ใช่ผี แค่ใบหน้ามีรอยแผลเป็นมากมายจนดูน่ากลัวไปหน่อยก็เท่านั้นเอง
เมื่อใจเย็นขึ้นแล้ว แวววิวาห์ก็ยืดตัวลงมายืนบนพื้น พร้อมฉีกยิ้มหวาน
“ขอโทษนะคะ ฉันเพิ่งตื่น อาจจะเบลอไปนิดหนึ่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ” แมรี่เชิดหน้าขึ้นสูง ก่อนจะถามว่า “เพิ่งตื่นเหรอคะ”
“ค่ะ ตื่นมาก็หิวเลย” หล่อนทำตาปริบๆพลางลูบท้องแบนราบของตัวเองป้อยๆอย่างวิงวอน
“หิวเหรอคะ ถ้างั้นก็เตรียมตัวเถอะค่ะ”
“เตรียมตัวอะไรคะ ?” หญิงสาวถามอย่างสงสัย และก็ได้รับคำตอบว่า
“คุณแซ็คให้ฉันมาตามคุณ หากคุณตื่นแล้วให้รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปพบคุณแซ็คที่ห้องโถงค่ะ”
“งั้นฉันก็ใกล้ได้กินข้าวแล้วสินะ” แวววิวาห์เหลือบตามองนาฬิกาข้างฝาผนังแว่บหนึ่ง “สายมากแล้วด้วย”
