บทที่ 5 5
แวววิวาห์เหลือบตามองเจ้าของมืออย่างโมโหจัด ปัดมือเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี
“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากโจรอย่างคุณ”
“บางครั้งโจรก็อยากเป็นสุภาพบุรุษที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือเจ้าสาวที่น่าสงสารเหมือนกันนะ” เขากระตุกรอยยิ้มเย็น ขณะที่หญิงสาวมองเขาอย่างเคืองขุ่น
“น่าสงสาร เหอะ ! อย่ามาใช้คำว่าน่าสงสารกับคุณหนูแวววี่ผู้เพอร์เฟ็กต์อย่างฉันนะ ฉันเกลียดคุณ ที่ฉันต้องมีสภาพแบบนี้ก็เพราะคุณไม่ใช่เหรอไง ไอ้คนเฮงซวย”
แซ็คหรี่ตาลงมองร่างงามในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ผมของหล่อนหลุดลุ่ยระข้างแก้มที่แดงปลั่ง ตากลมโตวาววับราวแม่เสือ ทั้งๆที่เนื้อตัวกำลังสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
เหมือนเทพีพระจันทร์ที่น่าปกป้อง....
เด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนแอจนบุรุษเพศอย่างเขาแทบอยากกระโจนเข้าไปกอดปลอบ
ตาหวานๆที่มักสื่อถึงอารมณ์หลากหลาย... ถือดี หวาดกลัว เข้มแข็ง และหยิ่งยโส
แก้มแดงๆน่าจุมพิต
ปากสีระเรื่อน่าจูบ
ตัวเล็กๆน่าโอบกอด
ตาคู่คมสีฟ้าเบิกกว้าง คิ้วเข้มขมวดฉับเมื่อรู้ตัวว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่ บ้าชะมัด...นี่เขากำลังหลงใหลผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของศัตรูอย่างนั้นหรือ
“ก็อย่างที่บอก ผมไม่ชอบให้ใครขัดใจ ผมต้องการอะไร ผมก็จะทำตามใจตัวเอง” เขาพูดตัดบท พร้อมก้มลงช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้มแนบอกท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของแวววิวาห์
“กรี๊ดดด ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน ปล่อยฉัน คนอย่างฉันไม่ชอบให้ใครมาอุ้ม ฉันไม่ใช่เด็กแล้ว”
“ที่อุ้มแบบนี้ก็เพราะมองว่าคุณเป็นสาวน่ะสิ หากคิดว่าคุณเป็นเด็ก ผมคงอุ้มคุณเข้าเอว ไม่ใช่อุ้มแบบนี้”
แวววิวาห์หน้าแดง หล่อนใช้เล็บยาวๆจิกท่อนแขนเขาอย่างแรงพร้อมขู่
“ปล่อยฉันนะ”
“คงให้ตามที่คุณขอไม่ได้”
“ถ้าไม่ปล่อยฉันกลับไป คุณได้เข้าไปอยู่ในตะรางแน่ๆ คุณพ่อต้องตามหาฉัน ท่านไม่ยอมให้ลูกสาวหายตัวไปนานๆหรอก”
“แต่เท่าที่ผมรู้มา...พ่อคุณรักหน้าตาตัวเอง คงไม่กล้ากระโตกกระตากนักหรอก”
จากสีหน้าระเรื่อเริ่มเปลี่ยนเป็นขาวซีด หญิงสาวเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง ก่อนพูดเสียงสะบัด
“คุณภาคภูมิที่เป็นเจ้าบ่าวของฉัน เขาจะยิงหัวคุณแน่ หากคุณทำให้ฉันมีรอยขีดข่วนแม้แต่ปลายเล็บ”
“งั้นไม่ต้องห่วง...” แซ็คหัวเราะในลำคอ ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายวิบวับอย่างเห็นได้ชัดในแสงจันทร์สลัวที่ส่องกระทบ “เพราะผมไม่มีทางปล่อยให้ผิวนุ่มๆของคุณต้องเป็นรอยแน่ๆ”
“โอ๊ย ปล่อยฉันเถอะ ฉันจะให้เงินคุณ คุณอยากได้กี่แสนกี่ล้านก็ว่ามา”
หน้าคมกระด้างขึ้นฉับพลัน ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นชั่ววูบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งๆ
“เงินฟาดหัวผมไม่ได้”
“อ้อ ลืมไปว่าบ้านคุณหลังใหญ่คงไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แล้วลักพาตัวฉันมาทำไมไม่ทราบ”
“คุณคิดว่าไงล่ะ ?” แซ็คย้อนถามห้วนๆ หลุบตาลงมองริมฝีปากอิ่มของคนในวงแขนอย่างลืมตัว
“ฉันรู้ว่าฉันสวย คุณอาจจะแอบหลงรักฉันอยู่ พอรู้ว่าฉันจะแต่งงาน หัวใจคุณเลยแตกสลายถึงขั้นทำใจยอมรับไม่ได้จนต้องลักพาตัวฉันมาจากเจ้าบ่าว ฉันก็พอเข้าใจหรอกนะว่าความสวยระดับฉัน ไม่ว่าจะหนุ่มไทยหรือหนุ่มเทศต่างก็หลงใหลฉันทั้งนั้น เอาเป็นว่าฉันยอมรับความรู้สึกของคุณก็แล้วกันนะ ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณอกหัก แต่ช่วยปล่อยฉันกลับบ้านไปเถอะ ฉันจะไม่ลืมคุณชั่วชีวิต ในฐานะผู้ชายที่รักฉันจนยอมทำผิดศีลธรรม”
ประโยคหลงตัวเองขั้นเทพที่หล่อนพ่นใส่หน้าเขา ทำให้ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างนิดๆอย่างคาดไม่ถึง เขายืนตัวแข็งพลางเลิกคิ้วดำขึ้นสูง ถามอย่างไม่แน่ใจ
“ผมหลงรักคุณ ?”
“ใช่สิ ถ้าไม่ใช่ด้วยเรื่องเงิน ถ้างั้นก็ต้องเป็นเรื่องความรักชัวร์ๆ” แวววิวาห์พยักหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนจะตาขุ่นเขียวเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากเขา
“หัวเราะอะไรยะ ?”
“หัวเราะความคิดของคุณไง คุณคิดว่าผมรักคุณเลยลักพาตัวคุณมา อืม...ไปเขียนนิยายขายเถอะ คุณมีแววรุ่งนะ”
“อย่ามาทำเยาะเย้ยฉันเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองเลยมิสเตอร์มาสเตอร์สัน ฉันรู้ดี รู้ทุกอย่าง รู้ว่าผู้ชายอย่างคุณคิดอะไรกับคนสวยอย่างฉัน”
“บอกแล้วไงว่าให้เรียกแซ็ค” เสียงทุ้มเริ่มห้วนอย่างไม่พอใจ
“ไม่ ! ฉันจะเรียกมิสเตอร์มาสเตอร์สัน มิสเตอร์มาสเตอร์สัน มิสเตอร์มาสเต...”
ยังพูดไม่ทันจบ ปากอิ่มก็ถูกทาบทับด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวที่บดขยี้ลงมาอย่างหนักหน่วง...ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมากระทบร่างคนทั้งคู่ราวฉายสปอร์ตไลท์ เกร็ดดาวพราวระยับ ผืนฟ้าสีดำสนิท กลิ่นกุหลาบริมรั้วที่บานสะพรั่ง ทุกอย่างกลายเป็นฉากประกอบที่ด้อยลงไปถนัดตา มีเพียงหนุ่มสาวเท่านั้นที่โดดเด่นเหนือสิ่งอื่น
ร่างสูงของหนุ่มอเมริกันอุ้มหญิงสาวร่างบางในชุดสีขาวบริสุทธิ์ เขาก้มลงจูบหล่อนอย่างดูดดื่ม...เน้นหนักแล้วผ่อนปรนเป็นอ่อนหวาน เกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นนุ่มอย่างชำนาญจนหล่อนเกือบเผลอสนองตอบ
แต่เพราะจิตใต้สำนึกคืนกลับมาไว ทำให้หล่อนไหวตัวทัน รีบใช้ฟันให้เป็นประโยชน์ด้วยการกัดสิ่งแปลกปลอมที่ส่งเข้ามาในโพรงปากหล่อนอย่างแรง
“โอ๊ย !” แซ็คร้องลั่น รีบดึงหน้าตัวเองออก จ้องหน้านวลอย่างขุ่นเคือง “คุณกัดลิ้นผม”
“ฉันมีสิทธิ์ป้องกันตัว” หล่อนเถียง รสชาติเค็มๆของเลือดยังติดอยู่ปลายลิ้น หล่อนจ้องหน้าเขาอย่างไม่ยอมหลบ และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเย็น รีบอุ้มพาหล่อนเข้าไปในบ้านทันที
“จะพาฉันไปไหน ปล่อยๆๆ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ไอ้บ้า ไอ้หื่น ไอ้ทุเรศ ไอ้ๆๆๆ” สุดจะหาคำบรรยายใดๆมาด่าทอเขา หล่อนหอบแฮ่ก พยายามทุบกำปั้นรัวๆที่แผงอก ซ้ำยังใช้ฟันกัดท่อนแขนแข็งแรงเป็นระยะหวังให้เขาปล่อยหล่อนให้เป็นอิสระ ทว่าชายหนุ่มกลับเดินขึ้นบันไดด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้านเหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองแล้ว เขาก็พาหล่อนตรงไปที่ห้องหนึ่งซึ่งประตูไม่ได้ล็อกไว้ เท้าใหญ่ถีบบานประตูอย่างแรงจนเปิดออก ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในห้องมืดๆแล้วโยนร่างเล็กลงบนเตียงอย่างแรง
ตุ้บ !
