บทที่ 2 ตอนที่ 2

สองเต้าที่ตินน์ประมาณขนาดด้วยสายตาก็รู้ว่าคัพอี ไม่งั้นคงไม่ดุนดันจนตุงขึ้นมาจากเสื้อ และการที่หล่อนโนบราทำให้มองเห็นตำแหน่งของจุกหัวนม แทงตุงอยู่เหนือเต้าทรวงทั้งสองข้าง

แบบนี้แหละสเปคเลย ใช่เลย! ผู้ชายในตระกูลของตินน์ชอบผู้หญิงที่มีทรวดทรงเข้าตำราแบบนี้

และอีกสิ่งในตัวของพิมพิลาที่สะดุดตาของตินน์เข้าอย่างจัง ก็คือสะโพกผาย ได้รูปรับกับช่วงเอวคอด มองดูเหมือนรูปทรงของผลน้ำเต้า

หากสิ่งที่เข้าตาเขาอีกอย่างก็คือหนอกเนินสวาท อูมแน่นอวดเนินสามเหลี่ยมอิ่มอูมอยู่ตรงง่ามขา เบ่งบวมเหมือนกลีบส้มโอลอยเด่นขึ้นมาจากเป้ากางเกงผ้ายืดขาสั้นแนบเนื้อ

ตินน์มองเห็นของดีของพิมพิลา เขาเชื่อมั่นว่าผู้หญิงคนนี้จะรองรับความใหญ่โตของผู้ชายในตระกูลของเขาได้ ซึ่งเป็นที่รู้กันภายในว่าด้วยกรรมพันธุ์เดียวกัน ทำให้อวัยวะเพศของผู้ชายทุกคนในวงศ์ตระกูลล้วนยาวใหญ่ ไม่มีใครต่ำกว่าเก้านิ้ว

ตินน์รู้สึกถูกชะตากับพิมพิลา มีความประทับใจอย่างแรงตั้งแต่วินาทีแรกเห็น ราวกับว่าเคยเห็นหล่อนจากที่ไหนสักแห่ง ซึ่งอาจจะเป็นเมื่อชาติปางก่อน

ตินน์จินตนาการไปถึงตอนที่หล่อนเปลือยเปล่า แค่คิดก็ทำให้อาวุธประจำกายของเขาพองตัว คัดแข็งขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เพิ่งเจอหน้ากัน

อีกหนึ่งเดือนต่อมา

ภายหลังจากอุบัติเหตุในวันนั้น ตินน์ตัดสินใจมาสู่ขอพิมพิลาไปเป็นภรรยา

“ลุงกับป้าไม่มีปัญหา แต่ขอให้คุณสัญญาได้ไหมคะ… ว่าจะรักและเลี้ยงดูพิมพิลาเป็นอย่างดี อย่าทอดทิ้งหลานสาวของป้า”

ป้านวลดีใจที่หลานสาวจะได้ออกเรือนไปเป็นสะใภ้เศรษฐี

“ครับ… ผมสัญญา”

เสียงของตินน์หนักแน่นจริงจัง

“พิมพ์… ไปอยู่กับคุณตินน์นะ… ที่คฤหาสน์นั่นจะให้อนาคตที่ดีกับหนู”

ป้านวลเอามือลูบศีรษะหลานสาว เพราะรักและหวังดี ป้านวลจึงไม่เหนี่ยวรั้ง

ด้วยนางตระหนักดีว่าทุ่งไร่ทุ่งนาของชนบทบ้านนอกแห่งนี้คงไม่สามารถให้อนาคตที่ดีกับพิมพิลา

และเงินทองที่ตินน์เสนอให้เพื่อแลกกับพิมพิลา ก็ไม่ใช่น้อย มันมากพอที่ป้านวลกับปู่ดำจะเอาไปไถ่ถอนไร่นาและบ้านที่จำนองเอาไว้ และยังมีเหลือเผื่อไว้ใช้จ่ายอย่างสบาย

“ทำแบบนี้… ไม่เท่ากับว่าเราขายหลานกินหรือจ๊ะพี่ดำ”

ป้านวลเอ่ยถามสามี แม้จะตัดสินใจยกหลานสาวให้เขาไปแล้ว หากแต่หล่อนก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย

“อย่าไปคิดอย่างนั้น คิดเสียว่าเรายกพิมพิลาให้เขาก็เพราะเราห่วงอนาคตของหลาน เราส่งหลานไปสู่อนาคตที่ดีกว่า”

ลุงดำสรุปพลางปลอบใจภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก มองดูหลานสาวก้าวขึ้นรถจากัวร์คันหรู จากไปพร้อมกับชายหนุ่มผู้เป็นทายาทของเศรษฐีตระกูลดัง

ครอบครัวของตินน์อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ตั้งอยู่บนเนื้อที่หลายร้อยไร่ โอบล้อมไว้ด้วยกำแพงอิฐและสวนป่าเขียวขจี

ผู้คนขนานนามคฤหาสน์แห่งนี้ว่า ‘คฤหาสน์สีเทา’ เพราะว่าทั้งหลังทาด้วยสีเทา

แม้คฤหาสน์สีเทาหม่นทึมหลังนี้จะตั้งตระหง่านอยู่ใกล้เชิงเขามานานหลายสิบปี แต่ก็มีใครรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวภายในของคฤหาสน์หลังนี้มากนัก

เพราะว่าผู้คนในตระกูลนี้ค่อนข้างเก็บตัว จึงไม่ค่อยออกมาสุงสิงกับผู้คนภายนอก แต่สามารถสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับตระกูล ด้วยการทำการค้ากับผู้คนทั่วโลก ผ่านช่องทางการสื่อสารทันสมัยของปัจจุบันที่ทำให้โลกแคบเข้าหากันทุกวัน

อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา

เมื่อพิมพิลาถูกนำตัวเข้ามาในคฤหาสน์ ตินน์พาหล่อนมาแนะนำให้รู้จักกับผู้คนในครอบครัวของเขา

ทว่าการแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายในครอบครัวครั้งนี้ ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เพราะว่ามันเป็นการแนะนำด้วยภาพถ่ายบานใหญ่ที่ติดไว้ข้างฝาผนังของห้องรับแขก

“นี่คุณปู่รามพ์”

ตินน์เอานิ้วชี้ไปที่รูปของผู้ชายสูงวัย ตัวใหญ่ ผิวสีแทน อายุแปดสิบปี ‘รามพ์’ เป็นนายใหญ่ของบ้าน นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ พนักเก้าอี้แกะสลักเป็นรูปพญาอินทรี แผ่ปีกโอบชายอีกสามคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง

“คนนี้คือพ่อรอนน์… เป็นพ่อของผม”

ตินน์กล่าว จากนั้นก็ชี้มาที่คนถัดมา

“แล้วคนนี้พี่แดนน์… เป็นพี่ชายของผม”

ตินน์แนะนำคนที่ยืนอยู่ติดกับตัวเอง

“แล้วเมื่อไรหนูจะได้เจอตัวจริงของพวกเขาคะ”

พิมพิลารู้สึกตื่นเต้น เพราะดูเหมือนว่าอะไรๆ ในคฤหาสน์แห่งนี้จะดูลึกลับไปเสียหมด

“ไม่ต้องใจร้อนแม่สาวน้อย… เดี๋ยวเธอจะได้เจอทุกคนจนครบแน่ๆ”

วันรุ่งขึ้น

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแต่งงานอันเรียบง่ายของชายหนุ่มผู้เกิดในตระกูลที่มี ‘ขนบประเพณี’ แปลกๆ เป็นของตัวเอง ก็มาถึงงานเลี้ยงเล็กๆ ที่ถูกจัดขึ้นในตอนค่ำ

ทว่านอกจากตินน์กับพิมพิลา ก็ไม่มีแขกเหรื่อคนอื่นๆ หรือญาติพี่น้องของตินน์คนใดมาร่วมงาน จะมีก็แค่สาวใช้ที่คอยเข้ามาดูแลรับใช้

“เอ่อ… แล้วคุณปู่… คุณพ่อ… และพี่ชายของคุณยังไม่มาหรือคะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป