บทที่ 11 chapter 11

“แล้วอย่าคิดนะ ที่ช่วยบอก ฉันจะขอบใจ เธออยากยุ่งวุ่นวายเอง” เธอพยายามปลีกตัวเดินไปอย่างเร็วแล้ว ทว่าแม่เด็กตัวยุ่งก็ยังคงก้าวเดินตามมาจนทัน แล้วยังชวนพูดคุยอย่างสนิทสนมอีก

“ฉันก็ไม่ได้หวังอยู่แล้วนี่นา” สาวน้อยหน้าใสตอบกลับอย่างไม่คิดสนใจ ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูอวบอิ่มฉีกยิ้ม “เอาน่า...ยังไงเราก็มาจากบ้านเดียวกัน มีเพื่อนไว้ก็ไม่เสียหายไม่ใช่หรือไง...ฉันชื่อขอขวัญ เรียกสั้นๆ ว่าขวัญก็ได้นะ แล้วคุณ...ชื่ออะไร”

“อติกานต์...เอแคลร์” อติกานต์ตอบกลับอย่างเสียไม่ได้

“ว้าว...พ่อแม่ช่างตั้งชื่อจริงๆ ไม่แค่หน้าตาที่สวยอย่างกับนางฟ้า ชื่อยังน่ากินอีก” ขอขวัญทำเสียงตื่นเต้นระคนยินดี ยิ้มกว้างจนนัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับ จนคนที่ถูกเอ่ยชมถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยที่มาพร้อมกับความอิจฉา ไหนจะความสงสัย..จะมีอะไรที่ทำให้สาวน้อยหน้าใสทุกข์ได้บ้างหรือเปล่า?

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเอแคลร์” ขอขวัญฉีกยิ้มกว้างพลางยื่นมือไปหมายจับด้วย แต่อีกฝ่ายกลับปัดออกและสาวเท้าเดินหน้าไปด้วยมาดนางพญา ซึ่งไม่ไกลมีรถคันใหญ่จอดพร้อมเปิดประตูไว้คล้ายกำลังรอคอยรับใครบางคนอยู่ หวังว่าคนนั้นคงไม่ใช่คุณขนมหวานหรอกนะ

ขอขวัญแทบเซถลา มือเล็กยกขึ้นตบหน้าผากตัวเองแรงๆ อย่าบอกนะ เธอเข้าใจผิดคิดว่าคุณขนมหวานหน้าตาสวยหวานปนเศร้า ผิวนวลเนียนไม่ถึงกับขาวมากแต่ก็ไม่คล้ำจนดำเป็นเมี่ยงเช่นเธอ ขึ้นเครื่องบินลำเดียวกับเธอมาตั้งแต่ต้นจนถึงจุดหมายปลายทางจะไม่ใช่คนไทย! ทว่าเป็นเจ้าหญิงของประเทศแห่งนี้ ถึงได้มีเครื่องบินและรถประจำตำแหน่งมารับ จะว่าไป...วันที่ไปซื้อตั๋ว เจ้าหน้าที่ยังบอกเลย เธอโชคดีสุดๆ เพราะปกติแล้วนักท่องเที่ยวที่อยากเดินทางเข้าประเทศนี้ต้องใช้บริการรถโดยสารข้ามทะเลทรายกว้างไกลและเวิ้งว้าง แต่ในวันที่เธอเลือกนั้นถ้ายอมเพิ่มเงินอีกเล็กน้อยก็จะได้เดินทางด้วยเครื่องบิน คงเป็นอานิสงส์จากคุณขนมหวานล่ะมั้ง

“นี่...” ขอขวัญสะกิดด้วยปลายนิ้วที่ข้อศอก ยื่นหน้านัยน์ตากลมโตไปด้วยความอยากรู้ที่ระงับเอาไว้ไม่ได้

“มีอะไร” อติกานต์ถามกลับเสียงเข้มดุ

“รถนั่น...มารับคุณใช่ไหม” รถอะไรกันนี่ คันใหญ่ดีจัง ท่าทางเบาะรองสะโพกคงนุ่ม อย่างเธอจะมีบุญได้นั่งหรือเปล่านะ

อติกานต์ปรายสายตามอง จะไม่ตอบเพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน ด้วยตอนเดินทางมานั้นคำพูดของบิดาที่ผ่านเข้าหูมาแต่พอจะให้จำได้คือ ท่านบอกไว้จะมีคนมารับไปพบเจอกับ...เพียงแค่คิดเท่านั้นเธอก็ร้าวรวดไปหมดทั้งทรวง จนอยากให้มีที่สักแห่งพอหลบพักกาย ทว่าใบหน้าบ้องแบ๊วและนัยน์ตากลมใสฉายแววเด็กซุกซนที่อยากรู้ไปเสียทุกเรื่อง คำพูดก็หลุดออกไปจากปาก

“อยากรู้ก็เข้าไปถามดูสิ” คิดว่าผู้ชายคนนั้นคงส่งคนมารับเธอนั่นแหละ แต่ไม่น่าจะใช่รถลีมูซีนคันใหญ่นี่หรอกมั้ง เพราะมันมากมายเกินไปกับการเอารถหรูราคาแพงมารับผู้หญิงที่มีหน้าที่เป็นแม่พันธุ์คลอดลูก!

อติกานต์เบะปากเหยียดหยามด้วยความรังเกียจทั้งตัวเองและผู้ชายคนที่จะครอบครองร่างนี้ เพื่อแพร่เชื้อพันธุ์ของความเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบคนอื่นในยามตกทุกข์ได้ยาก ถ้าเป็นไปได้เธออยากภาวนาขอให้ความชั่วตอบแทนคนเหล่านี้เร็วๆ

“งั้นฉันไปถามนะ...เผื่อยังไงจะได้อาศัยใบบุญคุณติดสอยห้อยตามไปโรงแรมด้วย” เธอไม่ได้อยากฉวยโอกาสนะ ขอขวัญพูดออกไป แต่พอดีอุ่นใจหากมีเพื่อนร่วมเดินทางสักคนและอีกหนึ่งเหตุผลคือเธอนั้นไม่รู้เส้นทาง ขอไปถึงโรงแรมที่พักก่อนจึงจะหาทางเพื่อไปตามหาบางสิ่งด้วยตัวเอง

อติกานต์ไม่ทันได้เอ่ยปากห้าม แม่สาวร่างเล็กก็วิ่งไปอย่างรวดเร็วจนเธอได้แต่ยืนส่ายศีรษะอย่างอิดหนาระอาใจ

“มาแล้วหรือ” เพียงผ้าม่านที่กั้นเป็นประตูเข้ากระโจมถูกเหวี่ยงออก คนที่นอนเอกเขนกอยู่บนฟูกหนานุ่ม มือหนึ่งจับปลายมีดเหวี่ยงไปมาเล่นก็เอ่ยถามโดยไม่มองหน้าคนที่เดินเข้ามา

“ใช่...หัวหน้า”

“หน้าตาเป็นยังไง” คนเป็นหัวหน้าเอ่ยถามไปอีกครั้งอย่างไม่สนใจเสียงห้วนกระด้างฮึดฮัดที่ตอบกลับมา ด้วยไม่พอใจกับตำแหน่งของเขาที่ได้รับการสืบทอดจากบิดา ก็เข้าใจนะที่ทุกคนมีอคติคิดรวมหัวนินทาลับหลังด้วยข้อหา...เขายังไม่เคยแสดงความสามารถให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาเหล่าสมุนตัวร้ายทั้งหลาย แต่ที่ไม่มีผู้ใดหาญกล้ามาต่อกรด้วย เพราะยังเกรงอกเกรงใจชื่อเสียงของผู้เป็นบิดา!

“เห็นไม่ชัด”

คราวนี้คนที่นอนพังพาบอยู่ชะโงกหน้าขึ้นมา นัยน์ตาสีอะเมทิสต์เปล่งประกายวาวโรจน์ขึ้นเล็กน้อยจากน้ำเสียงแข็งที่ลอยมา “ถ้ายังไม่มั่นใจ ประลองกันใหม่อีกครั้งก็ได้” ชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าเปรยแกมท้าทาย ต่อให้ประลองกี่ครั้ง อีกฝ่ายก็สู้เขาไม่ได้อยู่ดี

“ไม่จำเป็น!” เขาไม่ได้โกรธที่พ่ายแพ้การประลองด้วยรู้ฝีมือตัวเองดี ยังไงก็สู้ไอ้ลูกรักที่ถูกโอ๋ตามใจจนเคยตัว วันๆ ได้แต่ลอยไปลอยมาไม่เห็นเคยทำอะไรให้คนอื่นโห่ร้องดังก้องด้วยความชื่นชมยินดีในความเก่งกล้าสักครั้ง แล้วยังจะสร้างเรื่องราวปวดหัวให้อีกไม่ได้อยู่ดี เรื่องอะไรจะทำให้ตัวเองเจ็บตัว ถูกคนอื่นสมน้ำหน้ากันล่ะ

“ฉันตามไปถึงโรงแรมที่ยายนั่นพัก มีการ์ดของไอ้เจ้านั่นเต็มไปหมด เดินขวักไขว่จนแทบชนกัน จะเอาตัวออกมายังไง” คนที่พ่ายแพ้เอ่ยถามโดยไม่ยอมบอกอีกเรื่องที่ก็สำคัญอยู่หรอก ให้ไปดูผู้หญิงคนนั้นให้เสียเวลาทำไมก็ไม่รู้ ทั้งที่ความจริงจะเอาตัวมาเลยก็ได้ แต่...เผอิญมียายตัวยุ่งจอมจุ้นจ้านแส่เรื่องของคนอื่นเขาด้วยนะสิ กรามหนาขบกัดจนแก้มตอบนูนเด่น นัยน์ตาเป็นฉายแววกราดเกรี้ยวด้วยเปลวเพลิงไฟแห่งโทสะ เจอคราวต่อไปเขาจะตบสั่งสอนให้หน้าบวมเชียว

“ถ้าไม่มีสิแปลก” ถึงไม่ได้รักไม่ได้ชอบ แต่ยังไงก็คงไม่ยอมเสียหน้าเสียศักดิ์ศรี เจ้าสาวถูกแย่งชิงไปอีกครั้งหรอกน่า “แล้วใครว่าเราจะไปชิงตัวกันล่ะ...” ชายผู้หนุ่มกว่าเอ่ยกลับอย่างครึ้มอกครึ้มใจ มุมปากหนาผุดรอยยิ้ม นัยน์ตาพร่างพราวระยับ

เชื่อเถอะตอนนี้ทางโน้นคงรอรับมือเขาอยู่แล้ว เรื่องอะไรจะโง่เป็นหนูวิ่งเข้ากับดักให้ถูกจับง่ายๆ กันเล่า สู้เล่นเจ้าล่อเจ้าเถิดให้มันกังวลว่าจะรับมือยังไงเมื่อไหร่ จนระส่ำระสายตั้งแต่ตัวใหญ่ยันตัวเล็กลูกกระจ๊อก ควานหาตัวเขาจนหัวหมุนที่สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่สายลมไม่ดีกว่าหรือไง สนุกกว่ากันเยอะเลย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป