บทที่ 6 chapter 6

ดึกสงัดราตรีมืดมิดไร้แสงจากดวงจันทรา มีเพียงดวงดาราส่องกะพริบให้แก่เหล่านักเดินทางยามค่ำคืนเฉกเช่นทุกค่ำคืน ถึงเวลาที่เขาต้องเดินทางตามล่าควานหาจอมโจรผู้พรากดวงใจไปอย่างไม่มีวันกลับคืนมาอีกครั้ง แม้ยากจะพบเจอได้โดยง่าย แต่อันเดซาอีก็ไม่เคยทำให้ย่อท้อ วันเวลาไม่ได้ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างลบเลือนไปจากใจ แต่กลับตอกย้ำให้มุ่งมั่นมากกว่าเดิมหลายเท่านัก ถ้าไม่ได้เห็นเจ้าหัวหน้าโจรใจบาปนั่นตายต่อหน้าต่อตาด้วยสองมือนี้...เขาไม่มีวันหายแค้น!

อันเดซาอีหมุนตัวเดินกลับไปยังตู้ผ้า แสงจากไฟห้องน้ำที่เปิดอยู่สะท้อนกระจก ทำให้เห็นเงาร่างหนาแกร่งกำยำ ไหล่กว้างอกผึ่งผาย ซึ่งมีรอยตำหนิเป็นจุดเล็กๆ ที่ตอกย้ำมิให้เขาลืมเหตุการณ์ร้าย กรามหนาขบกัดจนแก้มตอบนูนขึ้นสัน นัยน์ตาเข้มจัดเป็นประกายแข็งกร้าวและดุ ราวกับเหยี่ยวร้ายแห่งท้องทะเลทราย

เวลาผ่านพ้นนานเกือบยี่สิบปีที่จะครบรอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ใจเขากลับรู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง วันที่ต้องสูญเสียทุกสิ่งอย่าง...

จากที่เคยคิดเอาไว้ เมื่อหายจากอาการบาดเจ็บ จะเร่งรุดไปตามหาและช่วยเหลือเธอจากเงื้อมมือโจรร้าย แต่ใครจะคิดเล่า เขาบาดเจ็บเจียนตาย ต้องนอนรักษาตัวอยู่เป็นแรมเดือน เมื่อลุกขึ้นได้หัวใจก็แทบจะขาดรอนจากข่าวร้ายที่ได้รับรู้...

คนรักถูกพรากไปอย่างไร้ข่าวคราว แม้เฝ้ารอด้วยความหวัง แต่นานวันเข้าทุกอย่างก็ยิ่งเลือนราง ยังจะมีบางครั้งเหมือนหูจะแว่วไปกับสายลมที่ดังมา คล้ายจะนำเอาคำล่ำลาของไอซาย่ามาบอก

“รักษาตัวเองให้ดีๆ นะซีกัลป์ ชาตินี้เราไร้วาสนาต้องจากลากันแล้ว หากแม้มีชาติหน้าจริงๆ ไอย่าจะขอรักและเป็นภรรยาของซีกัลป์ จะไม่ยอมให้อะไรหรือสิ่งใดมาพรากเราจากกันได้อีก”

เพียงแค่คิดว่า นับจากนี้เขาจะไม่ได้เจอกับไอซาย่าอีก หัวใจก็เจ็บปวดราวกับถูกคมแก้วแตกบาดเฉือน

ไม่เพียงแค่คนรักถูกแย่งชิงไป บ้านหลังใหญ่ที่เคยอาศัยตั้งแต่เด็กก็ยังถูกเผาจนวอดวายทิ้งไว้เพียงแค่เถ้าถ่าน ไหนจะหลานชายอายุเจ็ดขวบที่หายสาบสูญไปโดยไม่รู้ชะตากรรมอีกล่ะ แม้พยายามตามหาแต่ก็ไม่เคยล่วงรู้ข่าวคราว รวมถึงญาติๆ หลายคนและ...บิดาเขาเองก็ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ทำให้มารดากลายเป็นคนเศร้าซึม สุขภาพไม่ดี สามวันดีสี่วันไข้และนอนฝันร้ายอยู่บ่อยครั้ง

วิถีชีวิตที่เคยมีความสุขสะดวกสบายต้องเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ สายสัมพันธ์สองบ้านขาดสะบั้น เมื่อบิดาและมารดาของไอซาย่าโทษว่าเป็นความผิดของเขา ทำให้เกิดเรื่องร้ายพรากลูกสาวสุดที่รักจากไป ส่วนเขานอกจากความเจ็บร้าวลึกฝังแน่นในดวงจิต ก็ยังต้องแบกรับความผิดที่เกิดขึ้น กลายเป็นบาดแผลที่มิอาจลืมเลือนได้

ข้าวของเสียหายไป ยังไงก็สามารถซ่อมแซมหรือหามาทดแทนกันได้ แต่ดวงใจที่แหลกสลาย เปรียบเสมือนแก้วที่แตกร้าว ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็มิอาจกลับมาเป็นเฉกเช่นเดิม!

หนทางสำหรับคนสูญเสียเช่นเขามีให้เลือกไม่มากนัก แต่ถึงเลือกได้เขาก็ยังเลือกที่จะติดตามไล่ล่าทำลายที่พำนักและชีวิตเหล่าสมุนขุนโจรผู้โหดร้ายนั่นอยู่ดี ทว่าติดตามมานานแรมปีก็ไม่เคยได้ข่าวจอมโจรฮิบรานเลยสักนิด ค่ำคืนนี้หวังว่าโทยาเอกัลป์ตาจะปรานี ทำให้เขาได้ล่วงรู้ข่าวคราวไอ้เจ้าโจรร้ายนั้นบ้าง

เสื้อป่านสีดำยาวเลยไปถึงเข่าถูกสวมลงบนกายแกร่ง ตามติดด้วยการนำเอาปืนพกแนบไว้ที่ข้อเท้า ใช้ผ้าพันไว้อีกรอบหนึ่ง ถึงจะใส่รองเท้าหนังเนื้อนุ่มและพันซ้ำอีกรอบ ขยับดูถึงความแน่นของอาวุธที่ยามเดินทางต้องคล่องแคล่วว่องไว

การเดินทางรอนแรมกลางทะเลทราย อาวุธคู่กายไม่ควรมีชิ้นเดียว ชายหนุ่มจึงเปิดลิ้นชักหยิบเอาปืนอีกกระบอกมาเกี่ยวไว้กับเชือกหนังเส้นหนาคงทนผูกรัดไว้ที่สะเอว และยังมีดาบโค้งราวกับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเกี่ยวไว้ใกล้ๆ กัน หยิบเอาผ้าสีดำสนิทพันบนศีรษะรวมถึงใบหน้า จนเหลือเพียงแค่ลูกตาสีดำสนิทราวกับนิล เพียงเท่านี้ก็พร้อมสำหรับการเดินทางไปตามล่าขุนโจรร้าย ส่วนหนึ่งเพื่อแก้แค้นและอีกส่วนเพื่อป้องกันมิให้สินค้าถูกฉกชิงไปด้วย!

สองมือใหญ่ทาบลงบนขอบหน้าต่าง สาดสายตามองไปทั่วผืนดินแห้งแล้งและกันดาร ที่ตอนนี้เป็นเสมือนบ้านหลังที่สอง แม้เขาต้องเหนื่อยยากแสนเข็ญลำบากทรมานทรกรรม ถูกพายุลมทรายฝังกลบจนเอาชีวิตไม่รอด แต่ยังไม่เท่ากับเพลี่ยงพล้ำถูกทำร้ายและวาจาที่หยามหยัน

“ฝีมือต่อสู้อย่างกับไก่อ่อน แค่โจรกระจอกก็ยังเอาชนะไม่ได้ คิดทำเก่งไปพบกับขุนโจรฮิบรานผู้เกรียงไกรหรือ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะไอ้หน้าอ่อน ฉันว่าแกกลับไปซุกหน้ารักษาแผลใต้กระโปรงแม่ดีกว่ามั้ง”

เขาจึงพกไฟแค้นที่สุมล้นอกย้อนกลับบ้าน พบเจอกับมารดาที่เฝ้ารอการกลับมาด้วยอาการเศร้าหมองนองน้ำตา อันเนื่องมาจากคำนินทาว่าร้ายและการถูกกล่าวหา เป็นต้นเหตุแห่งความหายนะ...เป็นตัวซวย!

ยามร่ำรวยเงินทอง ใครๆ ต่างก็ดาหน้าเข้าหา เอ่ยเชยชมถึงความเก่งฉกาจ ยกยอปอปั้นจนเท้าแทบไม่ติดพื้นดิน แต่เมื่อยากจนไร้เงินทองติดกาย เขาและมารดาก็เป็นได้แค่ไอ้ตัวซวยที่เดินผ่านบ้านหลังไหน น้ำร้อนก็ถูกสาดไล่พ่วงด้วยวาจาเหยียดหยามราวกับไม่ใช่คน

กรามหนาขบกัดจนแก้มนูนขึ้นสัน เขาต้องพามารดาหลบหนีความทรงจำร้ายๆ เพื่อรักษาอาการท่านให้หายเป็นปกติ ในขณะที่ตัวเองก็เรียนรู้การต่อสู้ทุกชนิด รวมถึงกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ เรียกคืนฐานะที่เคยมีกลับคืนอย่างยากเย็นแสนเข็ญ รวมถึงกลวิธีการเดินทางรอนแรมในทะเลทรายโดยไม่ถูกฝังกลบ ลุกขึ้นสู้เพื่อเอาชนะคำสบประมาท!

เสียงหวีดหวิวของสายลมและสัตว์แห่งท้องทะเลทรายดังเตือน ชายหนุ่มเท้ามือบนขอบหน้าต่าง แต่ขณะที่จะกระโดดลงไปด้านล่างก็ต้องหยุดชะงัก ด้วยคล้ายได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังมาจากห้องหนึ่ง

“แม่!” อันเดซาอีรีบกระโจนไปอย่างรวดเร็วแทบเป็นพายุ จนลืมไปว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่เมื่อมารดาได้เห็นจะต้องร้อนรุ่มกลุ้มใจ อยู่ไม่เป็นสุขด้วยความเป็นห่วงลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียว จนต้องหาทางดึงรั้งไม่ให้ออกไปตามล่าขุนโจรผู้เหี้ยมหาญ ที่สร้างชื่อด้วยการออกอาละวาดปล้นฆ่าและทำร้ายผู้คนอย่างหนักในช่วงเวลาห้าปีมานี้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป