บทที่ 8 chapter 8

“ถ้าแม่สามารถหาคนคนนั้นได้ล่ะ ลูกจะยอมทำตามความต้องการของแม่ไหม” นางไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แต่คราวนั้นผ่านไปโดยบังเอิญ ถึงได้ล่วงรู้บางอย่างที่สามารถนำมาใช้ในคราวนี้ได้

อันเดซาอีขบคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ คงถึงเวลาที่เขาต้องยอมทำตามคำขอร้องของมารดาเสียที “ถ้ามีคนยอม...ผมยังไงก็ได้ แต่...” ข้อแม้มีมากมาย จะมีใครยอมทนอยู่กับคนมากเรื่อง เย็นชาไร้ความรู้สึกอย่างเขาได้ล่ะ ถึงแม้เวลาร่วมหอหลับนอนจะไม่นานก็ตาม

“แม่คงไม่ลืม ผมเคยบอกอะไรไว้”

“แค่ลูกยอมทำตามคำขอ แค่นั้นก็ดีแล้ว” เพราะความเป็นมารดาของอันเดซาอี จึงทำให้นางสามารถล่วงรู้ในสิ่งที่บุตรชายต้องการและทำมันได้ด้วย

อยากถาม แม่รู้ได้ยังไง ผู้หญิงที่เลือกมาเป็น...แม่พันธุ์ ไม่เป็นหมันและการมีอะไรด้วยเพียงไม่นาน จะตั้งครรภ์ได้ สามปี...สองคน!

อันเดซาอียิ้มเย้ยหยัน ผู้หญิงที่มารดาหามาคงไม่แคล้วหลงในทรัพย์สินเงินทองและความสบายของเขา จึงได้ยอมพลีกายขายเรือนร่างและยอมจากไปเมื่อครบกำหนดเวลาสัญญา โดยใจดำทิ้งลูกในอุทรได้อย่างไร้เมตตาและสำนึกของความเป็น...มารดา!

“ผมไปตามฮารินะมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ แล้วจะไปเลย” ไม่รอให้มารดาห้าม อันเดซาอีรีบเดินออกจากห้องนอนมารดา ทั้งที่ใจเป็นกังวลและห่วงท่านที่ช่วงนี้เริ่มฝันร้ายบ่อยๆ

“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมครับ ลูกคนนี้จะรักษาตัวและกลับมาอย่างปลอดภัย” ชีวิตเขาอยู่ได้ด้วยความแค้นที่หล่อหลอมและจะไม่ยอมเป็นอะไรไปจนกว่าจะได้จัดการกับคนที่สร้างมันขึ้นมา!

เวลาเดียวกันอีกฝั่งหนึ่งของเมืองไทย

“อะไรนะคะแม่!!!”

คนที่เพิ่งกลับเข้ามาในบ้านอย่างมีความสุขเอ่ยถามเสียงหลง ใบหน้าแย้มยิ้มเผือดซีดลงทันควัน นัยน์ตาพร่างพราวระยิบระยับเบิกกว้างอย่างตื่นตกใจ มองบุพการีอย่างไม่เชื่อ...คำพูดดั่งสายฟ้าฟาดเปรี้ยงเฉือนหัวใจให้ขาดรอน ข่าวดีที่เตรียมไว้บอกทั้งคู่กลับถูกกลืนลงไปในลำคอ

กลีบปากอิ่มขบเม้มมองหน้ามารดาซึ่งมีสีหน้าเครียดขรึม ใบหน้าที่เคยแย้มยิ้มอยู่เป็นเนืองนิตย์กลับหม่นหมองไม่แพ้นัยน์ตาเศร้าปนโศก บ่อยครั้งเธอเห็นสองผัวเมียคุยกระซิบกระซาบพลางเหลียวมองมายังเธอด้วยสีหน้าไม่สู้ดี สายตาค่อนไปทางเศร้าสร้อยและขอโทษ จนเธอจากที่ไม่เคยคิดอะไรกลับต้องย้อนคิด

พ่อกับแม่มีเรื่องอะไรถึงดูอึดอัดและกังวลใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเดินเข้าไปหาเพื่อถามไถ่เรื่องราว ทั้งคู่จะปรับเปลี่ยนท่าทีเป็นผ่อนคลายขึ้น แต่ก็ยังมีความตึงเครียดลอยอยู่ในห้วงอากาศจนสัมผัสได้

นี่ซินะ...เหตุผลที่ท่านทั้งสองเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกยามเห็นหน้าเธอ เพราะต้องการขอร้องให้เธอทำ...

“แม่ช่วยพูดซ้ำอีกครั้งได้ไหมคะ ขอให้หนูทำอะไร...” หญิงสาวเอ่ยย้ำเสียงเบาหวิว ด้วยอยากได้ยินอย่างชัดเจนเต็มสองหูอีกครั้ง พร้อมพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง ต้องมีการเข้าใจอะไรผิดไปแน่นอน และเธอก็หูฝาดไปที่ได้ยินมารดาขอร้องให้...

“ลูกได้ยินไม่ผิดหรอกเอแคลร์” กชกรตอบกลับลูกสาวเสียงเบาหวิวและสั่นพร่าแหบเครือ

“พ่อกับแม่ขอให้ลูก...แต่งงานกับ...” คนเป็นแม่พูดไม่ออกไปเสียเฉยๆ เมื่อเจอกับสายตาอีกฝ่ายที่มีแววตัดพ้อต่อว่า ปวดร้าวระคนคาดคั้นเอาคำตอบ จนนางต้องรีบเมินหลบด้วยกลัวเปลี่ยนใจ

มือเล็กเย็นจัดและสั่นเทาคล้ายเจอลมเย็นๆ พัดมากระทบร่าง ไม่ใช่นางไม่เจ็บปวดในสิ่งที่ได้เอ่ยขอร้อง แต่เพราะไม่มีทางเลือกต่างหากล่ะ

ดวงตาแดงก่ำฉ่ำไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น มองสบกับผู้เป็นชายอีกคนที่นั่งทำหน้าเรียบเฉยอย่างกับไม่รู้สึกรู้สา แต่กชกรรู้ดีในใจผู้เป็นสามีเองก็เจ็บปวดรวดร้าวกับเรื่องนี้ไม่ใช่น้อย ใครบ้างจะมีความสุขกับการต้องส่งลูกสาวคนเดียว คนที่รักดั่งแก้วตาดวงใจ สู้อุตส่าห์เลี้ยงดูฟูมฟัก ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม แม้กระทั่งงานหนักๆ ก็ยังไม่เคยให้จับ ไปพบกับความทุกข์ระทมยังต่างบ้านต่างเมือง

สำหรับคนเป็นพ่อแม่แล้ว ต้องการเห็นลูกมีความสุข ตัวเองถึงจะมีความสุขด้วย ยิ่งตอนนี้เส้นทางรักของลูกสาวกับหนุ่มคนรักที่คบหาดูใจ ปลูกต้นรักกันมาตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย จนใกล้ร่วมหอลงโรงกันในไม่นานนี้ราบรื่น ทว่าตอนนี้นางกลับเอ่ยปากของร้องให้...

กชกรเอนร่างบอบบางอิงอกสามี การขอร้องให้แต่งงานกับคนซึ่งไม่เคยเจอหน้าก็หนักหนาสาหัสเอาการอยู่แล้ว แต่การต้องเดินทางไปแต่งงานยังดินแดนห่างไกล รายรอบไปด้วยความแห้งแล้งและทะเลทรายอีก ต้องพบเจอกับผู้คนซึ่งไม่สนิทสนมคุ้นเคย ไม่รู้เลยว่าต้องพบเจอกับคนแบบไหน คนเหล่านั้นจะดีด้วยความจริงใจหรือเพียงหวังความต้องการของตัวเองทำให้บุตรสาวสุดรักบอบช้ำทั้งกายและใจ ความกังวลและขลาดกลัวโอบรัดรายล้อมจนอึดอัดเจ็บแปลบในทรวง หายใจแทบไม่ออก

แต่งงาน!!

คำพูดของมารดาคล้ายค้อนตอกย้ำลงไปบนตะปูหักงอ อติกานต์มึนงงอย่างกับถูกใครทุบท้ายทอย พื้นดินที่ยืนอยู่เกิดสั่นไหวอย่างรุนแรง จนยืนทรงตัวไม่อยู่ ต้องรีบทรุดกายลงนั่งบนโซฟาอย่างคนที่หมดไร้เรี่ยวแรง

“เกิดอะไรขึ้นคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง “ทำไมแม่กับพ่อถึงได้ขอร้องให้หนูทำเรื่องบ้าๆ นั่นด้วย”

ใช่...คำที่ยินมันบ้าเอามากๆ เลย หรือพ่อกับแม่ไม่รักเธอแล้ว ถึงได้เสือกไสไล่ส่งให้ไปอยู่ที่อื่นกับใครก็ไม่รู้ แต่สภาพใบหน้าซีดเผือดและอิดโรย สายตาเศร้าหมองแดงช้ำ คล้ายดวงใจจะขาดรอนของท่านทั้งสอง ทำให้รู้ ท่านไม่ได้อยากขอร้องให้เธอทำอย่างนี้ แล้วมีเหตุผลอะไร?

“พ่อกับแม่ไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนี้ แต่...” น้ำเสียงกชกรบ่งบอกถึงความปวดร้าว คนเป็นแม่ก็เจ็บปวดไปทั้งทรวงเหมือนกัน ปลายเล็บมนจิกลงไปบนท่อนแขนสามี เงยหน้าขาวซีด ดวงตาแดงก่ำฉ่ำน้ำมองคู่ชีวิต

“เปลี่ยนใจได้ไหมคุณ ไม่ส่งลูกของเราไปได้ไหม หาใครก็ได้ไปแทนก็ได้นะคุณ ฉันไม่อยากส่งลูกของเราไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ ได้ไหม...คะ”

“พ่อคะ” อติกานต์ร้องเรียกบิดาที่ยื่นแขนโอบรัดรอบร่างเล็กของมารดาซึ่งเอนตัวซบอกอุ่นๆ ร้องไห้สะอื้นฮักแต่ไม่มีเสียง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป