บทที่ 5

“ท่านอ๋อง ดูท่าหวางเฟยจะไม่ได้โกหก บางทีนางอาจแก้พิษในร่างของท่านได้จริงๆ!” เจียงเทารู้สึกดีใจเป็นล้นพ้น

จูเก่อซิวกล่าวอย่างตกตะลึงว่า "ยาเม็ดนี้ได้มาจากหวางเฟยหรือ”

"อืม นางเป็นคนมอบให้" เจียงอู๋วั่งเขม่นตามองพลางกล่าว "แล้วนางยังมองออกว่าของที่อยู่ในร่างเปิ่นหวางคือผงสลายใจ ทั้งยังรู้สภาพร่างกายที่เปิ่นหวางเป็นอยู่ในตอนนี้อีกด้วย"

“เช่นนั้นหวางเฟยจะต้องกำลังเก็บงำความสามารถอยู่เป็นแน่! ยอดเยี่ยมยิ่งนัก พิษบนร่างท่านมีทางแก้แล้ว!” เจียงเทากล่าวอย่างมีความสุข

“เป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะเป็นสายลับของแคว้นศัตรู” จูเก่อซิวถาม

"ไม่น่าเป็นไปได้"

เจียงเทากล่าวว่า "ท่านอ๋อง ข้าน้อยเคยสืบ หวางเฟยไม่เคยก้าวขาออกจากประตูเรือน และไม่เคยติดต่อกับคนแคว้นอื่นใดเลย กระทั่งว่าเหตุใดนางจึงรู้วิชาแพทย์และรู้วิชายุทธ ข้าน้อยก็ไร้ความสามารถ สืบหาไม่พบขอรับ"

"อย่างนั้นรอหลังจากนางนำใบสั่งยามาส่ง จูเก่อก็สนทนากับนางดูสักครั้ง ลองสืบดูอย่างละเอียดทีเถอะ" หลังเจียงอู๋วั่งพูดจบ เขาก็เอาเม็ดยาใส่ปาก

เพียงชั่วพริบตานั้น ลมปราณสดชื่นสายหนึ่งก็ไหลผ่านจากลำคอไปยังแขนขาทั้งสี่และกระดูกทั่วร่าง เมื่อพินิจดูอย่างละเอียดจะพบได้อย่างชัดเจนว่าฤทธิ์ยากำลังบรรเทาพิษร้ายที่อยู่ในเส้นเอ็นให้จางลง ทำให้เขารู้สึกเย็นสบายไปทั้งตัว

ยานี้ ไม่เลวจริงๆ

ยามนี้ มีเสียงรายงานดังขึ้นมาจากนอกประตู "ทูลท่านอ๋อง หวางเฟยขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ"

เจียงอู๋วั่งกล่าวเสียงเรียบ "ให้นางเข้ามา"

เจียงเทารีบเดินขึ้นหน้าไปเปิดประตูทันที ก่อนจะเชิญซ่งหวานหว่านเข้ามาในห้องหนังสือ ส่วนเสี่ยวชิงกับเฉาเย่าถูกกันไว้ที่หน้าประตู และไล่ให้กลับไปก่อน

“ท่านอ๋อง นี่คือใบสั่งยาเพื่อแก้พิษให้ท่าน”

ซ่งหวานหว่านส่งใบสั่งยาให้เจียงอู๋วั่ง แล้วกล่าวว่า "หญ้าเยว่หานที่อยู่ในนั้นล้ำค่าหายากเป็นพิเศษ มีเฉพาะบนเกาะทางทะเลเหนือสามารถงอกออกมาได้เพียงหนึ่งหรือสองต้นเท่านั้น ท่านอ๋องลองส่งคนไปค้นหามันดูสักเที่ยว ตัวยาสุดท้ายยังมี'หญ้าเจ็ดใบ' และ 'ยอดภูเขาหิมะ' อย่างละชนิด และเป็นตัวยาที่ข้าต้องการ ขอท่านอ๋องโปรดช่วยข้าค้นหามันไปพร้อมกันด้วยเพคะ”

เจียงอู๋วั่งมีฐานะตำแหน่งสูงส่ง การให้เขาช่วยค้นหา ย่อมง่ายกว่าให้ซ่งหวานหว่านไปค้นหามันด้วยตัวเอง

“แล้วก็ตัวยาเหล่านี้จะต้องหาให้ครบภายในสองเดือน เพราะเม็ดยาแก้พิษของข้าสามารถระงับพิษของท่านอ๋องได้เพียงสองเดือน ในช่วงสองเดือนนี้ไม่อนุญาตให้ท่านอ๋องใช้กำลังภายในใดๆ ทั้งสิ้น หากอีกสองเดือนให้หลังไม่สามารถปรุงยาแก้พิษออกมาได้ พิษในร่างของท่านอ๋อง ก็จะไม่มียาใดรักษาได้อีก"

"อะไรนะ!" เจียงเทาพลันตระหนกวูบ มองไปทางเจียงอู๋วั่งอย่างเต็มไปด้วยความกังวล

สีหน้าของเจียงอู๋วั่งกลับสงบนิ่งเป็นอย่างมาก รับใบสั่งยามาด้วยแววตาไร้คลื่นอารมณ์

เมื่อเปิดออกดู ตัวอักษรอันสวยงามเพริศพริ้งก็เข้าสู่ครรลองสายตา ทำให้เขาประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นตัวอักษรนี้ยังบางกว่าตัวอักษรพู่กันทั่วไป ดูคล้ายกับว่าไม่ได้ใช้พู่กันเขียนออกมาอย่างไรอย่างนั้น

แต่เขาก็ไม่ได้ถามมาก ตรวจดูตัวยาที่จำเป็นในนั้นต่อไป

"หวางเฟย ท่านต้องการ 'หญ้าเจ็ดใบ' และ 'ยอดภูเขาหิมะ' ไปทำอะไร ตัวยาสองชนิดนี้ล้ำค่าไม่น้อยไปกว่า 'หญ้าเยว่หาน' เลยนะพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้มีทองพันชั่งก็ยากจะซื้อหามาได้ " จูเก่อซิวมองดูใบสั่งยา พลางถามออกมาด้วยความสงสัย

"แก้พิษ" ซ่งหวานหว่านพูด "แก้พิษที่อยู่บนร่างข้าเอง"

“หวางเฟย ท่านเองก็ถูกพิษด้วยหรือ” จูเก่อซิวถามด้วยความประหลาดใจ “ข้าขอจับชีพจรท่านได้หรือไม่”

“ได้” ซ่งหวานหว่านยื่นมือขวาที่ขาวผ่องราวกับหยกออกมา

ท่านหมอจูเก่อจับชีพจรของนาง หลังพินิจดูอย่างถี่ถ้วนคราหนึ่ง หัวคิ้วก็ขมวดแน่น “หวางเฟย ท่านถูกพิษจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ น่าเสียดายที่้ข้าไร้ความสามารถ ไม่อาจชี้ชัดได้ว่าเป็นพิษชนิดใด”

“หือ?” ซ่งหวานหว่านมองเขาด้วยความแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าจะยังมีคนในโลกนี้ที่สามารถตรวจจับพิษของนางได้ด้วยการแตะชีพจร

ดูเหมือนว่าวิชาแพทย์ของท่านหมอจูเก่อท่านนี้ จะโดดเด่นพอสมควรทีเดียว

"สารพิษในร่างข้ากัดกร่อนมานานมากแล้ว ซ้ำยังเป็นพิษที่ติดตัวข้าตั้งแต่คลอดออกมาจากครรภ์มารดา สารพิษนี้เรียกว่า 'พิษแมงมุม' เป็นพิษร้ายแรงหาใดเทียบ ผู้ที่วางยากลัวว่าร่างกายข้าจะทนรับไม่ไหว จึงวางในปริมาณน้อยหลายครั้งเป็นเวลานาน จนแทรกซึมไปทั่วร่างกายข้า ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอย ด้วยเหตุนี้อาการของโรคจึงปรากฏบนใบหน้าข้า เป็นรอยด่างดำขนาดใหญ่เช่นนี้"

ทันทีที่คำอธิบายนี้หลุดออกมา จูเก่อซิวพลันถึงบางอ้อในบัดดล "ที่แท้เป็นเช่นนี้! หวางเฟย ข้ามีคำถามมากมายเกี่ยวกับด้านวิชาแพทย์ จะขอคำชี้แนะจากหวางเฟยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

“ท่านกล่าวเช่นนี้เกรงใจเกินไปแล้ว ไม่มีชี้แนะไม่ชี้แนะอะไรทั้งนั้น ถือเสียว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้กันดีกว่า”

พอจูเก่อซิวได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจ รีบถามปัญหาที่ติดอยู่ในใจเพราะแก้ไม่ตกเสียทีออกมามากมาย ใครจะรู้ว่าซ่งหวานหว่านถึงกับสามารถอธิบายแต่ละอย่างออกมาได้อย่างง่ายดาย

ความคิดอ่านที่ไม่เหมือนใครของนาง ทำให้จูเก่อซิวรู้แจ้งในทันใด คำศัพท์เฉพาะทางทว่าฟังยากเหล่านั้น ทำให้เจียงอู๋วั่งและคนอื่นๆ ฟังจนโง่งม แต่ท่านหมอจูเก่อกลับดวงตาเปล่งประกายด้วยความยินดี

"ตุ้บ--"

จู่ๆ จูเก่อซิวก็คุกเข่าลงตรงหน้าซ่งหวานหว่าน "ข้าขอร้องหว้งเฟย รับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด!"

ซ่งหวานหว่านถูกการกระทำนี้ทำให้ตกใจจนสะดุ้งโหยง เจียงอู๋วั่งกับเจียงเทาก็พลันตกตะลึงไปเช่นกัน

ต้องรู้ก่อนว่าวิชาแพทย์ของจูเก่อซิวนั้นยอดเยี่ยมเป็นที่หนึ่ง แม้แต่หมอหลวงในวังก็เทียบไม่ติด ทว่าตอนนี้เขาถึงกับคุกเข่าลงตรงหน้าสตรีตัวเล็กๆ ผู้หนึ่ง กราบไหว้นางเป็นอาจารย์

เจียงอู๋วั่งกับเจียงเทาเกือบจะนึกว่าตนเองเห็นภาพหลอน

“ท่านหมอจูเก่อ ท่านกำลังทำอะไร!” ซ่งหวานหว่านรีบเข้าไปพยุงเขา “ท่านลุกขึ้นเร็วเข้า นี่ท่านกำลังจะทำให้ข้าอายุสั้น!”

อายุอานามของเขาสามารถเป็นปู่ของนางได้เลย จะคุกเข่าให้นางที่เป็นผู้เยาว์คนหนึ่งได้อย่างไร

“หวางเฟย อยู่ต่อหน้าผู้เป็นแพทย์ ไม่แบ่งแยกอายุและความอาวุโส ดูกันที่วิชาแพทย์สูงต่ำเท่านั้น หากท่านไม่ยอมรับ ข้าจะคุกเข่าอยู่อย่างนี้จนกว่าท่านจะยอมรับปาก!”

ซ่งหวานหว่าน "..."

ซ่งหวานหว่านแทบจะเป็นลมตาย นี่ๆๆ ช่างทำให้คนยากจะรับมือโดยแท้

“เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ หากท่านมีปัญหาใด ก็สามารถมาหาข้าเพื่อร่วมหารือได้ ข้าจะบอกทุกอย่างที่รู้จนหมดเปลือก แต่ท่านจะมาคุกเข่าบังคับให้ข้ารับท่านเป็นศิษย์เช่นนี้ไม่ได้ ข้าไม่มีทางรับแน่ นี่มันผิดทำนองคลองธรรม” ซ่งหวานหว่านกล่าวตามตรง

ครั้นเห็นนางเอ่ยเช่นนี้ จูเก่อซิวเองก็เข้าใจความเด็ดเดี่ยวของนางแล้ว ไม่รับศิษย์ แต่สามารถสอนเขาได้ เป็นแบบนี้ก็ดีมากแล้ว

จูเก่อซิวทางหนึ่งลุกขึ้น ทางหนึ่งพูดอย่างมีความสุขว่า "ขอบพระทัยหวางเฟย!"

ในที่สุดซ่งหวานหว่านก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางมองไปทางเจียงอู๋วั่งแล้วกล่าวว่า "ท่านอ๋อง ทางข้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ขอตัวไปก่อนได้หรือไม่"

"อืม"

ซ่งหวานหว่านหมุนกายเดินไปที่ประตู หลังเดินไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็หยุดฝีเท้าลงอีกครั้ง ก่อนจะหันกายกลับมา ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด

“มีอะไรอีก” เจียงอู๋วั่งถามเสียงเย็น

“ท่านอ๋อง มะรืนนี้เป็นวันที่ข้าต้องกลับไปเยี่ยมบ้าน ท่านอ๋องจะเดินทางไปกับข้าหรือไม่” ซ่งหวานหว่านลองหยั่งเชิงถาม

"เปิ่นหวางไม่มีเวลา" น้ำเสียงของเจียงอู๋วั่งเรียบนิ่งเย็นชาเฉกเช่นยามปกติ

“เอาเถิด” ซ่งหวานหว่านเบะปาก หมุนกายเดินจากไป นางหาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ

"เจียงเทา"

“ท่านอ๋อง ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ!”

“เจ้ารีบส่งคนไปทะเลเหนือตามหาหญ้าเยว่หาน จะต้องหาให้เจอภายในสองเดือน”

"ขอรับ!"

"ท่านตรวจดูสักหน่อย ตอนนี้ในคลังเก็บของขาดตัวยาใดบ้าง จะได้ให้คนออกไปซื้อหา" เจียงอู๋วั่งยื่นใบสั่งยาให้จูเก่อซิว พลางกล่าวต่อ "ยอดภูเขาหิมะและหญ้าเจ็ดใบ ก็ใช้เงินไปหาซื้อมาได้เลย"

“ขอรับ ท่านอ๋อง!” หลังจูเก่อซิวรับใบสั่งยามาก็ตรวจดูอย่างละเอียดรอบหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ท่านอ๋อง 'เห็ดหิมะสามพันปี' ที่เขียนอยู่ในนี้ ทั่วเป่ยหมิงมีอยู่อันเดียว คือในท้องพระคลังของฝ่าบาท”

เจียงอู๋วั่ง "..."

ซ่งหวานหว่านผู้นี้ ใช่จงใจทรมานเขาหรือไม่

อีกด้านหนึ่ง ซ่งหวานหว่านกลับไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

หลังนางกลับไปก็อาบน้ำ เสร็จแล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียง มองดูร่างกายอันอ่อนแอสุดแสนนี้ของตน รู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง สภาพร่างกายของร่างนี้อ่อนแอเกินไป ไปหาจ้านอ๋องแค่เที่ยวเดียว กลับมาก็เหน็ดเหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้ว

นางต้องคิดหาวิธี ฝึกฝนร่างกายขึ้นมาใหม่อีกครั้งจึงจะดี

บทก่อนหน้า
บทถัดไป