บทที่ 7

ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน ก่อนจะพากันส่ายหัวราวกับลูกป๋องแป๋ง

เอาจริงน่า ซูมู่เสวี่ยที่สันดานโอหังและและมีอำนาจมากที่สุด ยังถูกโค่นล้มได้ในพริบตา แล้วใครยังจะกล้าไปประมือกับซ่งหวานหว่านกัน

ทุกคนล้วนไม่มีใครกล้าส่งเสียง จะมีก็แต่สตรีนางหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหน้า นางเงยหน้าขึ้นมาใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ

นางคือลูกพี่ลูกน้องของซูมู่เสวี่ยนามว่าโจวเยี่ยนฟาง ในยามปกตินางมักจะได้รับการดูแลอย่างดีจากซูมู่เสวี่ย และยังมีความสัมพันธ์อันดีกับซูมู่เสวี่ยอีกด้วย

เวลานี้ นางถลึงตาใส่ซ่งหวานหว่านใบหน้าเต็มไปด้วยความเดือดดาล ตั้งคำถามว่า "หวางเฟย ขอบังอาจถามซูเช่อเฟยทำอะไรผิดไปกันแน่ ถึงได้ขับไล่นางออกจากจวนโดยไม่คำนึงถึงเกียรติยศของราชวงศ์"

“หวางเฟยอย่างข้าเคยบอกหรือว่าซูมู่เสวี่ยทำความผิด”

ซ่งหวานหว่านเหยียดปาก น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตา "เมื่อกี้เจ้าได้ยินไม่ชัดหรือ ซูมู่เสวี่ยรังเกียจที่จวนจ้านอ๋องของเราเล็กเกินไป ดังนั้นข้าเลยช่วยนางสักครั้ง หาที่ที่ใหญ่สักหน่อยให้นาง ทำไม? เจ้ารับไม่ได้หรือ”

"ใช่ ข้ารับไม่ได้!" โจวเยี่ยนฟางตวาดด้วยความเดือดดาล “ที่นี่คือจวนจ้านอ๋อง ไม่ใช่จวนเยียนซานโหวที่ให้ท่านมาใช้อำนาจบาตรใหญ่ได้! ขนาดท่านอ๋องยังไม่เอ่ยอะไร แล้วท่านถือดีอะไรมาขับไล่เช่อเฟยผู้สูงสง่าออกไป!”

“แล้วเจ้าต้องการให้ท่านอ๋องเอ่ยอะไรเล่า เช่นนั้นเจ้าก็ไปฟ้องท่านอ๋องเสียเลยสิ ขอเพียงท่านอ๋องคิดว่าข้าผิด ข้าย่อมต้องแบกหนามขอขมา ไปขอร้องให้ซูเช่อเฟยกลับจวนแน่นอน”

"นี่คือสิ่งที่เจ้าพูดเองนะ รอข้าก่อนเถอะ!" กล่าวจบ โจวเยี่ยนฟางก็ลุกขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปยังเรือนส่วนหน้า

“แน่นอน ข้าจะรอเจ้า” ซ่งหวานหว่านยิ้มตาหยีกล่าว

เมื่อมองส่งโจวเยี่ยนฟางจากไปแล้ว ซ่งหวานหว่านก็มองไปยังอนุคนอื่นๆ อีกครั้ง

ไม่มีใครกล้าสบตาหรือแสดงความไม่พอใจกับนาง

ซ่งหวานหว่านพอใจมาก หลังปัดๆ มือ ก็กลับไปที่เรือนฮ่วนซีอย่างสง่าผ่าเผย

เสี่ยวชิงกับเฉาเย่าเห็นเจ้านายตนต่อสู้ได้อย่างน่าเกรงขาม ก็ยืดอกตั้งตรงเดินไปยังห้องครัวส่วนหน้าเพื่อไปหยิบอาหารอย่างภาคภูมิใจเต็มร้อย

คราวนี้ แม่ครัวจางต้าเหนียงเปลี่ยนท่าทีเป็นว่าง่าย มอบอาหารที่ดีที่สุดให้แก่พวกนางทันที

หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เช้าวันต่อมา ซ่งหวานหว่านยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อออกกำลังกายต่อ หลังออกกำลังกายเสร็จ ยังไม่ทันได้กินอะไร ก็มีอนุกลุ่มใหญ่ยกโขยงกันมาที่เรือนของนาง เพื่อต้องการคารวะเช้ากันแล้ว

ซงหวานหว่านมุมปากกระตุก มองไปทางสตรีแต่งกายฉูดฉาดกลุ่มนี้ ก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาแล้ว

ใบหน้านางขรึมลง กล่าวด้วยสีหน้าเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง "ข้าไม่ชอบทำแบบซูมู่เสวี่ย ดังนั้นต่อไปพวกเจ้าไม่ต้องมาคารวะเช้าข้าอีก ตอนนี้พวกเจ้ากลับไปเถอะ"

พูดจบ นางก็หมุนกายกลับห้องทันที คร้านจะสนใจสีหน้าของกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง

หลังมื้อเช้าผ่านไป นางก็เรียกคนมาเก็บข้าวของ จากนั้นก็พาสาวใช้ส่วนตัวทั้งสองกลับไปเยี่ยมบ้าน

อันที่จริงนางไม่อยากกลับไปเอาเสียเลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ นี่คือกฎ นางไม่กลับไม่ได้

พวกนางเพิ่งจะเดินออกจากประตูใหญ่ ก็เห็นรถม้าหรูหรามากคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าประตู ตัวรถทำจากไม้ชิงชันม่วงสุดล้ำค่า กระทั่งผ้าม่านก็ยังทำมาจากผ้าไหมเนื้อดีที่สุด ปักลวดลายด้วยเส้นไหมสีทอง ดูหรูหราเป็นพิเศษ

ที่ด้านหน้าข้างขวาของรถม้า แขวนแผ่นป้ายสีดำขลิบทองไว้แผ่นหนึ่ง มีคำว่า ‘จ้าน’ เขียนไว้ได้อย่างงดงามดุจหงส์ร่อนมังกรรำ ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง

นี่คือรถพระที่นั่งของจ้านอ๋องเจียงอู๋วั่งนั่นเอง

ขณะที่ซ่งหวานหว่านกำลังแปลกใจอยู่นั้น เจียงอู๋วั่งก็พลิกเปิดผ้าม่านรถม้าออก พลางกล่าวอย่างเฉยชาว่า "รถม้าคันข้างหน้านั่นของพวกเจ้า"

ซ่งหวานหว่านมองไปยังรถม้าสุดแสนธรรมดาที่อยู่ข้างหน้านาง พลันยิ้มกล่าวว่า "ขอบพระทัยท่านอ๋อง!"

คิดไม่ถึงว่าเจียงอู๋วั่งจะกลับไปเยี่ยมบ้านเป็นเพื่อนนาง

แม้ว่าจะให้นางนั่งรถม้าธรรมดาก็ตามที แต่มันก็เป็นสิ่งที่นางต้องการ เพราะอย่างไรนางก็ไม่ได้อยากนั่งรถม้าคันเดียวกับเจียงอู๋วั่งอยู่แล้ว

ขบวนรถเดินทางมุ่งหน้าไปตามเส้นทาง เพียงไม่นานก็หยุดลงที่จวนเยียนซานโหว

ยามนี้หน้าประตูใหญ่ของจวนเยียนซานโหวปิดสนิท ไม่มีใครออกมายืนต้อนรับคุณหนูใหญ่ซ่งหวานหว่านที่เพิ่งจะกลับมาเยี่ยมบ้านผู้นี้เลยสักคน

ซ่งหวานหว่านทราบดี นี่เป็นอุบายของซุนซื่ออนุข้างห้องของซ่งเว่ยหลิงกับบุตรสาซ่งเซียงอี๋เป็นคนทำ เพราะเวลานี้ซ่งเว่ยหลิงยังไม่ขึ้นรถกลับมา

หลังเซี่ยซื่อมารดาของซ่งหวานหว่านคลอดเจ้าของร่างเดิมที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ออกมา ก็ถูกซ่งเว่ยหลิงขับไล่ไปอยู่เรือนข้าง ซุนซื่ออนุข้างห้องจึงได้ขึ้นมากุมอำนาจเรือนหลังของจวนเยียนซานโหวแทน

ซ่งเซียงอี๋บุตรสาวของซุนซื่อเป็นหญิงงามมีชื่อเสียงแห่งราชวงศ์เป่ยหมิงอ๋อง นางรู้หนังสือรู้มารยาท นิสัยนุ่มนวลอ่อนหวาน ทำให้องค์รัชทายาทเจียงอวี้หนิงหลงใหลไม่เสื่อมคลาย

แต่น่าเสียดายที่นางเป็นเพียงบุตรสาวของอนุ ฐานะแตกต่างกับรัชทายาทราวก้อนเมฆกับโคลนเลน ด้วยเหตุนี้ฮองเฮาจึงไม่อนุญาตให้รัชทายาทอภิเษกนางเป็นชายาเอกมาตลอด ทว่าให้ซ่งเซียงอี๋เป็นอนุแทน

หลังซ่งหวานหว่านลงจากรถม้า เสี่ยวชิงก็เดินขึ้นหน้าไปเคาะประตู เคาะอยู่นานก็ไม่เห็นมีใครสนใจ เสี่ยวชิงจึงโกรธจนตาแดงก่ำ

“เสี่ยวชิง กลับมาเถอะ” ซ่งหวานหว่านเรียกคนกลับมา ตบๆ สาวใช้ผู้กล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมคนนี้อย่างปลอบประโลม พลางกล่าวว่า “คอยดูข้านะ”

พูดจบ นางก็เดินไปที่ข้างกำแพง มองประเมินความสูงแวบหนึ่ง

ในวินาทีถัดมา นางก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงอย่างง่ายดาย

ภายในจวนโหว เห็นเพียงเด็กรับใช้กำลังนั่งสัปหงกพิงก้อนหินอยู่หลังประตูหลัก

ในลานบ้าน ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างพออกพอใจของแม่ลูกซุนซื่อดังอยู่เลือนราง

“จุ๊ๆ สร้างความลำบากให้ข้าสินะ เดี๋ยวมารดาจะทำให้พวกเจ้าได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าหาเรื่องใส่ตัว” ซ่งหวานหว่านล้วงระเบิดแก๊สน้ำตาสองลูกออกมาจากแหวนอวกาศ ก่อนจะปลดสลักออก

ลูกหนึ่งโยนไปยังด้านข้างของเด็กรับใช้ที่แสร้งหลับอยู่ อีกลูกนางเขวี้ยงเข้าไปในหน้าต่างด้านลานเรือน ปล่อยให้มันลอยตุ๊บป่องไปทางแม่ลูกซุนซื่อ

เพียงไม่นาน นางก็กระโดดลงจากกำแพงรั้ว ยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับจิ้งจอกตัวน้อย "สาม สอง หนึ่ง ความสนุกเริ่มขึ้นแล้ว!"

ทันทีที่นางนับถอยหลังเสร็จ เสียงกรีดร้องและเสียงไอจามอย่างรุนแรงก็ดังออกมาจากจวนโหว ฟังดูน่าสมเพชเวทนาอยู่บ้าง

หากคนภายนอกมองเข้าไป ก็จะเห็นเพียงกลุ่มควันหนาทึบที่กำลังพวยพุ่งขึ้นมา

เจียงอู๋วั่งหรี่ตาลงเล็กน้อย จับจ้องเงาหลังของซ่งหวานหว่านเขม็ง

เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่านางล้วงเอาวัตถุสีดำสองก้อนออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนจะดึงมันเบาๆ แล้วโยนเข้าไปในจวนโหว หลังจากนั้นคนในจวนโหวก็เริ่มกรีดร้องไอจาม ภายนอกยังสามารถมองเห็นกลุ่มควันหนาทึบได้

เจ้าก้อนสีดำๆ นั่น มันคืออะไรกัน ไฉนไม่จุดไฟก็มีควันได้

ซ่งหวานหว่านสตรีผู้นี้ ที่แท้ยังซ่อนความลับไว้อีกกี่มากน้อยกัน

เจียงเทาที่อยู่ด้านข้างก็มองเห็นกับตาเช่นกัน เขาเดาไม่ผิด หวางเฟยเป็นวรยุทธจริงๆ ด้วย

มิหนำซ้ำนางยังมีกลอุบายลึกลับเช่นนี้! เจ้าก้อนสีดำเมี่ยมนั่นเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่เคยคิดว่ามันจะมีพลานุภาพรุนแรงเช่นนี้

บ่าวรับใช้ที่เหลือที่ติดตามมายิ่งตกตะลึงพรึงเพริดเข้าไปใหญ่ ปากอ้ากว้างจนสามารถยัดไข่ไก่เข้าไปได้เลย

เพียงไม่นาน ประตูหลักจวนโหวที่ปิดสนิทก็ถูกเปิดออกจากด้านใน คนฝูงหนึ่งตะเกียกตะกายแย่งชิงกันออกมาอยู่ด้านนอก ตั้งแต่นายจนถึงบ่าว แต่ละคนล้วนน้ำตาไหลพราก จามกันไม่หยุด ดูน่าอเนจอนาถเป็นที่สุด

"หืม? แปลกจัง จวนโหวไม่ใช่ไม่มีใครอยู่ไม่ใช่หรือ ไฉนจู่ๆ ถึงมีคนมากมายเช่นนี้โผล่ออกมาได้” ซ่งหวานหว่านยิ้มตาหยี จงใจกล่าวเหน็บแนม

หลังซ่งเซียงอี๋หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาคราหนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นซ่งหวานหว่าน ก็โกรธจนตาแดงก่ำ"ซ่งหวานหว่าน! เป็นฝีมือเจ้านี่เอง นังสารเลวเจ้าทำอะไรพวกข้า!”

“นังสารเลวด่าใครน่ะ”

“นังสารเลวก็ด่าเจ้าไง!!”

“ฮ่าๆ เด็กดี ข้ารู้หรอกว่านังสารเลวกำลังด่าข้าอยู่”

“เจ้า...!” ซ่งเซียงอี๋ที่รู้ตัว ขึ้นมาก็โกรธจนแทบจะขบฟันแตกอยู่รอมร่อ

“ซ่งหวานหว่าน นังหญิงแพศยาอย่างเจ้า ไฉนจึงทำตัวน่าชังเหมือนกับแม่เจ้านัก! ถึงกับกล้าทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ออกมาได้ เชื่อไหมว่าข้าฉีกหน้าเจ้าเป็นชิ้นๆ ได้!” ซุนซื่อปาดน้ำตาสาปแช่งเสียงแหลม

รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งหวานหว่านเลือนหายไปในพริบตา แทนที่ด้วยความอึมครึมและมุ่งร้ายเต็มเปี่ยม

นางยกมือตบลงไปบนหน้าแก่ๆ ของซุนซื่ออย่างรุนแรงฉาดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นเยียบว่า "หากเจ้ากล้าดูแคลนแม่ข้าอีก เชื่อไหมว่าข้าสามารถบีบคอเจ้าตายตอนนี้ได้เลย"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป