บทที่ 2 2

“ถ้ามันเป็นการแต่งงานที่เกิดจากความรักบุษก็คงจะตื่นเต้นและอยากจะทำตัวเองให้สวยสมกับเป็นเจ้าสาวแต่ว่าการแต่งงานครั้งนี้แม่เองก็รู้นี่คะมันก็แค่ละครฉากหนึ่งที่เราต้องแสดงให้จบไปเท่านั้น”

คนเป็นแม่ทอดมองลูกสาวด้วยแววตาเศร้า “บุษแม่เสียใจ ที่จริงลูกไม่ต้องลำบากทำแบบนี้เพื่อครอบครัวก็ได้”

“บุษเลือกแล้วค่ะแม่ แม่ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะบุษทำทุกอย่างก็เพื่อครอบครัวของเรา บุษจะเป็นเจ้าสาวให้คุณชลลัมพี แค่ปีเดียวเท่านั้นสบายมากค่ะแม่” ใบหน้าขาวนวลเปื้อนยิ้มดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นตากรอบใหญ่แฝงความกลัวและความอ้างว้างแต่ริมฝีปากอิ่มเต็มตึงกลับขยับพูดว่า

“ดีเสียอีกค่ะแม่ อย่างน้อยชีวิตนี้บุษบาบัณคนนี้ ก็ไม่ต้องขึ้นคาน มีมหาเศรษฐีมาสอยลงจากคาน ตายไปยมบาลจะได้ไม่พาลหาเรื่องว่าอยู่เป็นโสดไปทำไม ไม่ต้องทนดูสายตานายดินดูแคลนว่าพี่สาวเป็นสาวแก่ทึนทึก ” คนพูดหัวเราะออกมาพยายามทำให้บรรยากาศคลายความตึงเครียด หารู้ไม่ว่าคนเป็นแม่เครียดหนักกว่าเดิมเสียอีก

‘นางดุสิตา’ คนที่บุษบาบัณเรียกว่าแม่มาตั้งแต่จำความได้หัวเราะไม่ออก เพราะการแต่งงานครั้งนี้ใครรู้เข้าคงพากันตราหน้าว่าครอบครัวของเธอสิ้นเหนือหมดตัวจนต้องขายลูกสาวกิน แล้วหรือไง

แทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือ ‘บุษบาบัณ นันทปภากร’ เลขาหน้าห้องแสนเฉย ที่สวมแว่นตาอันโต แต่งตัวราวกับคุณป้าหรือไม่ก็เอาเสื้อผ้าสมัยคุณแม่ของเธอยังสาวมาสวมใส่ จนเขาชอบเรียกเธอติดปากว่า ‘คุณป้าเลขา’ แต่หลัง ๆ บางครั้งก็เรียกว่า ‘มนุษย์ป้า’ ตามอย่างวัยรุ่น แต่วันนี้เธอกลับสวยจนทำให้เขาตะลึงงันประหนึ่งอิเหนาได้พบหน้านางบุษบาครั้งแรก

เธอเป็นเลขาที่ทำงานร่วมกับเขามาเกือบจะสิบปีและเขาจ้างเธอมาเป็นเจ้าสาวกำมะลอก็เพราะเห็นว่าเธอดูเป็นผู้ใหญ่พอน่าจะเข้ากับครอบครัวเขาได้ แถมยังไม่ติดพันธะเพราะเธอยังโสด ส่วนสดหรือเปล่าเขาไม่แน่ใจเพราะไม่เคยลอง และก็ไม่เคยจะสนใจมั้ง ก็เธอไม่เคยอยู่ในสายตาหรือเพราะกลัวจะถูกกล่าวหาว่าเป็นสมภารกินไก่วัด

แต่ดูเหมือนเขาจะพอรู้ว่าเธอมีเสน่ห์ปลายจวัก ทำอาหารเก่ง ก็บ้านของบุษบาบัณมีร้านขนมไทยชื่ออะไรสักอย่างที่คนอย่างเขาไม่คิดจะใส่ใจ แต่ได้ยินคนในบริษัทพูดกันบ่อย ๆ ว่าขนมอร่อยมากอีกเรื่องที่สำคัญเธอถือศีลห้าทุกวันพระ ชอบไปทำบุญที่วัดบ่อย ๆ ตรงตามที่มารดาของเขา‘คุณหญิงชลัมพร อัครเดชโภคิน’ มหาเศรษฐีนีผู้ดีเก่าต้องการทุกข้อเพราะฉะนั้นเธอเหมาะกับตำแหน่งเมียบังหน้าของเขาที่สุด

ชลลัมพีรู้สึกทึ่งกับเจ้าสาวในวันนี้เขาไม่คิดว่ายัยป้าเลขาจะสวยได้มากมายน่ากินไปทั้งเนื้อทั้งตัว วันนี้เธอดูเหมือนสาวอายุ ยี่สิบกว่าๆ มากกว่าสามสิบสองหลังจากถอดไอ้แว่นตาอาราเล่แสนน่าเกลียดนั่นออกไปรู้แบบนี้จะใช้ความเป็นเจ้านายออกกฏห้ามเลขาสวมแว่นให้เปลี่ยนเป็นคอนแทคเลนส์นานแล้ว

ประโยคแรกที่เขาทักลูกน้องและว่าที่เมีย “วันนี้คุณสวยจนผมจำเกือบไม่ได้เลยนะคุณป้าเลขาไม่เจอกันสองสัปดาห์คุณแม่ผมคงพาคุณไปชุบตัวที่ยันฮีมาล่ะสิท่าสงสัยจะหมดไปเยอะกี่แสนกันล่ะ”

ชลลัมพีชมออกมาจากใจแต่คงไม่เข้าหูเจ้าสาวคนสวยสักเท่าไร หลังจากเขาให้เธอหยุดงานถึงสองสัปดาห์ตามคำขอร้องมารดาเพื่อเตรียมตัวแต่งงาน คุณหญิงชลัมพรเข้ามากำกับเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับงานแต่งงานทั้งหมดรวมถึงจับบุษบาบัณไปเข้าคอร์สเจ้าสาว ผลปรากฏออกมามันก็ทำให้เขาทึ่งไม่น้อย ใครจะไปเชื่อเธอมันคือช้างเผือกชัดๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเลขาสวย รู้อย่างนี้บังคับให้ถอดแว่นตาทำผมแต่งหน้าใส่เสื้อผ้าดี ๆ เสียใหม่นานแล้ว

“ขอบคุณค่ะหากนั่นคือคำชมจากใจ”

วันนี้เจ้าสาวของเขาสวมชุดไทยจักรพรรดิ สีชมพูกลีบบัวขับผิวขาวเนียนละเอียด ท่อนบนเป็นเสื้อเปิดไหล่ ซิ่นเป็นผ้าทอมือแบบมีเชิงงดงาม จีบยกหน้านางแบบมีชายพกทาบทับด้วยสไบสีชมพูดูสวยหวานแลดูขับผิวขาวของบุษบาบัณให้นวลผ่องมาก ชลลัมพีเหลือบเห็นสร้อยจี้ระย้า เข็มขัด และต่างหูเข้าชุดกันนั่นทำให้เขาเลืองมองอย่างสนใจใคร่รู้เพราะจำได้ว่านั่นมันทับทรวงโบราณเครื่องประดับที่ทำจากทองคำแท้พร้อมต่างหูระย้า และเข็มขัดเข้าชุดกันซึ่งมันเป็นชุดเดียวกับเครื่องประดับที่มารดาใช้ในงานแต่งงานเป็นของเก่าแก่ราคาไม่ต้องพูดถึงเพราะตัวเรือนทั้งหมดคือทองแท้

“เธอไปเอาเครื่องประดับพวกนั้นมาจากไหน” เขาเอียงคอมาใกล้ๆใบหน้าสวยและลอบกระซิบถามเจ้าสาวแสนสวยที่วันนี้เกล้าผมมวยสวมรัดเกล้าไว้ด้านหลังจะว่าไปวันนี้บุษบาบัณสวยราวกับนางวรรณคดีที่หลุดออกมาจากในนิยายปรัมปราก็ไม่ปาน ทำเอาเสียงที่แข็งกร้าวชอบเอ็ดใส่เลขาของตนในเวลานี้ฟังดูอ่อนลงชอบกล

บทก่อนหน้า
บทถัดไป