การต่อรองราคา
มุมมองของเอเวลิน
ภายในห้องหนังสือที่มีแสงสลัว เรานั่งอยู่บนโซฟาคนละฝั่ง ดวงตาของเขาจ้องลึกเข้ามาในจิตวิญญาณของฉัน ราวกับกำลังค้นหาความจริงจากสีหน้าของฉัน
“เธออยากให้ฉันช่วยล้มเลิกงานแต่งงานงั้นเหรอ” เขาถาม น้ำเสียงของเขาก้องกังวานไปทั่วห้องหนังสือ
เขากระตุกยิ้มอย่างหยอกเย้า สายตาจับจ้องไปยังชุดแต่งงานที่ขาดวิ่นของฉัน และมองมันนานเกินความจำเป็น
“ค่ะ” ฉันตอบเสียงหนักแน่น
ฉันตระหนักได้ว่าการเป็นคนอ่อนแอคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตก่อนหน้าของฉันต้องจบสิ้นลง หากฉันอยากจะรอดชีวิตในชาตินี้... ฉันต้องเข้มแข็ง กล้าหาญ และเห็นแก่ตัว
“ช่วยฉันสิคะ แล้วฉันจะทำงานให้คุณ”
“ทำงานให้ฉัน?” เสียงหัวเราะเยาะเย้ยอันคมกริบของเขาดังแทรกขึ้นมาในอากาศ เขายกมือขึ้นปิดปากพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ “โทษที... พอดีว่าฉันอดไม่ได้น่ะ”
จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“เหตุผลที่ฉันยอมให้เธอเข้ามาในปราสาทของฉันก็เพราะคิดว่าเธอเป็นคนพยศดี แต่ฉันไม่ยักรู้ว่าเธอเป็นนักแสดงตลกเดี่ยวไมโครโฟนด้วย บอกมาสิ... เธอจะทำอะไรให้ฉันได้บ้าง หือ”
ฉันรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงคิดว่าฉันเป็นแค่โอเมก้าที่อ่อนแอและไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ใช่ ฉันยังอ่อนแอ... แต่ฉันมีในสิ่งที่ไม่มีใครมี นั่นคืออนาคต ฉันรู้เรื่องราวทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น
และฉันรู้ว่าในอีกสามเดือนข้างหน้า จอมอัลฟ่าแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าจะสิ้นพระชนม์ ลูคัสกับเซบาสเตียนจะแย่งชิงบัลลังก์กันเพราะองค์ราชาไม่มีทายาทเป็นของตัวเอง
ฉันรู้กลยุทธ์ทุกอย่างที่ลูคัสใช้เพื่อเอาชนะเขา เพราะฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน ฉันอยู่เคียงข้างเขาตอนที่เขาติดสินบนและชักจูงเหล่าผู้อาวุโส
แล้วยังมีสัญญาจากบริษัทก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในออกซฟอร์ด ฉันทำงานอย่างหนักเพื่อเจรจาจนได้สัญญานั้นมาให้เขา
ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการชักจูงและการเจรจาต่อรอง—ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณการฝึกฝนของลูคัส ดังนั้นฉันจึงสามารถเป็นประโยชน์กับเขาได้
“ฉันช่วยให้คุณได้เป็นจอมอัลฟ่าแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าได้นะคะ” ฉันพูดพร้อมกับไขว่ห้าง
“จอมอัลฟ่าแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่า?” เขาทวนคำ “องค์อัลฟ่าสูงสุดยังทรงพระชนม์อยู่ แล้วฉันจะเป็นอัลฟ่าคนต่อไปได้อย่างไร”
ฉันไม่ได้ตอบ รู้สึกเสียใจที่พูดออกไปชั่ววินาทีหนึ่ง และฉันก็ไม่อยากจะลงรายละเอียดก่อนที่เขาจะคิดว่าฉันเป็นคนประหลาดหรืออะไรทำนองนั้น
ฉันฝืนยิ้มให้เขาเป็นการตอบกลับ
“ทำไมเธอถึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่แต่งงานกับลูคัสขนาดนั้น”
ฉันไม่ได้ตอบในทันที อกของฉันบีบรัดเมื่อนึกถึงความทรงจำจากชีวิตก่อนหน้า การทรยศหักหลัง คำโกหก... การร่วงหล่นจากหน้าผา ดวงตาของฉันพร่ามัวไปด้วยน้ำตาที่ยังไม่ทันได้รินไหล
“เพราะว่าฉันจะต้องตายค่ะ อัลฟ่า” ฉันพูด น้ำเสียงแหบพร่าและอัดแน่นไปด้วยอารมณ์ “ผู้ชายคนนั้นจะพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉันจนไม่เหลืออะไรเลย และที่สำคัญก็คือ... แม้แต่คนที่ฉันเรียกว่าครอบครัวก็รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ด้วย”
ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเอลารารู้อยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอยู่ดี เพราะถึงอย่างไรฉันก็ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของเธอ
เขาไม่ได้พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง เพียงแค่จ้องมองมา แต่ฉันคิดว่าฉันเห็นบางอย่างที่อ่อนโยนลงในแววตาของเขา ทว่ามันก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“เธอฟังดูมั่นใจในทุกเรื่องมากเลยนะ มาจากอนาคตหรือไง”
ใช่... ฉันมาจากอนาคต แต่ฉันไม่ได้พูดออกไป
“ฉันแค่รู้ว่าผู้ชายสิ้นไร้หนทางอย่างลูคัสจะทำอะไรได้บ้าง” ฉันพูดเพียงแค่นั้น พร้อมกับกะพริบตาไล่น้ำตา “และคุณก็รู้จักเขาดีเช่นกัน”
เขาพยักหน้า “ก็ได้... ฉันจะช่วยเธอล้มงานแต่ง” ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาด
ความรู้สึกโล่งอกแล่นพล่านไปทั่วร่าง แต่แล้วมันก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อเขาเสริมขึ้นว่า “แต่ฉันต้องการสิ่งตอบแทน”
ฉันตัวแข็งทื่อ
“คุณต้องการอะไร” ฉันถามอย่างระแวดระวัง
ดวงตาของเขาวาวโรจน์ใต้แสงไฟสลัว “เธอ”
ฉันกะพริบตาอย่างตกตะลึง “อะไรนะคะ”
“ฉันต้องการแต่งงานกับเธอ เป็นเจ้าของเธอ” เขาพูดพลางเอนหลังพิงเบาะหนังราวกับกำลังเจรจาธุรกิจ “ไม่ใช่ในฐานะของเล่น แต่ในฐานะคู่หู ในฐานะภรรยาของฉัน เพราะถึงอย่างไรฉันก็ต้องการภรรยาสักคนอยู่แล้ว”
ฉันจ้องมองเขา พยายามทำความเข้าใจคำพูดเหล่านั้น แต่งงานงั้นเหรอ? มันเป็นความคิดที่ดีแน่หรือ ถึงแม้ว่าฉันจะจนตรอกแล้วก็ตาม?
“ทำไมคุณถึงอยากแต่งงานกับฉันล่ะคะ ในเมื่อคุณไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ”
“ฉันรู้ว่าเธอกล้าพอที่จะเดินเข้ามาในถ้ำสิงโตในสภาพที่สวมชุดแต่งงานขาดวิ่น” ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าเธอกล้าพอที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของตัวเอง และนั่นก็บอกทุกอย่างที่ฉันจำเป็นต้องรู้แล้ว”
ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ชะตากรรมงั้นเหรอ? เขาพูดราวกับว่ารู้ไปเสียทุกอย่าง “แล้วหลังจากนี้คุณจะฆ่าฉันทิ้งหรือเปล่าคะ”
เขาเลิกคิ้ว “ทำไมฉันต้องฆ่า ‘ของ’ ที่ฉันเห็นว่ามีประโยชน์และน่าสนใจด้วยล่ะ”
ของงั้นเหรอ? นี่ฉันกลายเป็นสินค้าไปแล้วหรือไง? ฉันไม่รู้เลยว่าควรรู้สึกว่าโดนดูถูกหรือโล่งใจกันแน่
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและบิดขี้เกียจเหยียดแขนยาวอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะหันไปทางหน้าต่าง “เรื่องน่าขันก็คือ วันนี้ฉันควรจะได้พบกับพี่สาวของเธอ เอวา แม่ของฉันเป็นคนนัด”
หัวใจของฉันราวกับหยุดเต้น
เอวางั้นเหรอ? กับเขาน่ะนะ?
เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในชาติที่แล้วของฉันเลย อันที่จริง ฉันไม่มีความทรงจำเลยว่าเอวาเคยพบกับอัลฟ่าเซบาสเตียน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องถูกจับคู่กับเขาด้วยซ้ำ
เขาหันกลับมามองฉัน ใบหน้าเรียบเฉยจนอ่านไม่ออก “แต่ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะปฏิเสธเธอ และเลือกเธอแทน”
“อะไรนะคะ” ฉันอุทานเสียงแผ่ว
“ฉันไม่พูดซ้ำ เอเวอลิน” น้ำเสียงของเขาชัดเจนว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาต่อรองกันได้
เรื่องนี้ต้องสร้างปัญหาในครอบครัวแน่ๆ แต่ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดถึงคนอื่นนอกจากตัวเอง ยังไงซะพวกเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้วว่าฉันจะตายหรือไม่ แล้วทำไมฉันจะต้องแคร์ด้วยล่ะถ้าฉันจะแย่งผู้ชายของเอวา?
เขาเดินไปที่ประตูแล้วดึงเปิดออก เป็นสัญญาณกลายๆ ว่าการสนทนาได้จบลงแล้ว “ฉันจะจัดการเรื่องที่จำเป็นให้ งานแต่งงานกับลูคัสจะถูกล้มเลิกอย่างเป็นทางการ นับจากวินาทีนี้ไป เธอจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของฉัน”
ฉันยืนนิ่ง ยังคงพยายามทำความเข้าใจคำพูดของเขา เสียงของฉันแผ่วเบา “ขอบคุณค่ะ...”
เขาพยักหน้ารับเล็กน้อย “อย่าเพิ่งขอบคุณฉัน นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น”
ฉันก้าวออกไปที่โถงทางเดิน หัวใจเต้นระรัว ทันทีที่ฉันเลี้ยวตรงหัวมุมเพื่อไปยังทางออก ฉันก็เกือบจะชนเข้ากับใครคนหนึ่ง
เอวา
สีหน้าของเธอเปลี่ยนจากความโล่งใจเป็นความหวาดระแวง และแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยวในที่สุด
“เธอมาทำอะไรที่นี่” เธอถามเสียงแหลม “ทุกคนตามหาเธอให้วุ่น ท่านแม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ส่วนไลลากับลูคัสก็—”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ เอวา” ฉันสวนกลับไป พลางก้าวเดินเลี่ยงเธอ
แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น ประตูห้องทำงานก็เปิดผางออกอีกครั้ง
อัลฟ่าเซบาสเตียนก้าวออกมา การปรากฏตัวของเขาแผ่บรรยากาศกดดันไปทั่วโถงทางเดินราวกับเมฆพายุ
“คุณเอวา” เขาเอ่ยอย่างเย็นชา “การนัดพบนั้นไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว”
เธอกะพริบตาปริบๆ “ว่าอะไรนะคะ”
เขาหยุดยืนอยู่ข้างกายฉัน แล้วเอ่ยขึ้นโดยไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
“ผมตัดสินใจแล้ว ผมเลือกน้องสาวของคุณแทน”
