บทที่ 6 โฉมตรูผู้หยิ่งผยอง (๑)
รุ่งสางของวันถัดมา นางสนมทั้งสิบเอ็ดนางนั่งอยู่ขนาบข้างบัลลังก์ทอง กษัตริย์อสุรานั่งมองความสวยความงามของหญิงสาวทั้งสิบเอ็ดนางที่เขาลงทุนลงแรงไปชิงมาด้วยการรุกรานเมืองของกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์จนแตกพ่ายไปหลายเมือง เนื่องด้วยพละกำลังวังชา รวมถึงคาถาอาคมแก่กล้าไม่เท่ายักษาที่ดำรงอยู่มาถึงร้อยปีเช่นเขา
ช่วยไม่ได้... ถึงแม้จะหลงใหลเจ้าจันทร์สักเพียงใด แต่สำหรับบุรุษเพศ เมียเดียวนั้นไซร้คงจะไม่พอ
“ท่านสุวรรณราพณ์เพคะ มิพาสนมมาอีกได้หรือไม่เพคะ”
ตองนวล หญิงสาวที่งดงามรองลงมาจากเจ้าจันทร์ ซึ่งในระหว่างที่รอคอยจะชิงใจเจ้าจันทร์นั้น นางเคยเป็นสนมที่งามและเป็นที่โปรดปราณที่สุด เป็นที่เลื่องลือในกรุงยักษาว่ามินานจะต้องได้ขึ้นเป็นชายาเคียงคู่ท่านเป็นแน่ ตองนวลหลงใหลในตัวสุวรรณราพณ์นัก เธอเอื้อนเอ่ยสุ้มเสียงกังวานใสเว้าวอนผู้เป็นสามีของตน
ไม่ชอบใจนักที่พานางเด็กสาวนั่นมาแถมหมางเมินนางซึ่งเป็นคู่เคียงหลับนอนประจำของท่าน ดวงใจดวงน้อยเต็มไปด้วยความริษยาชิงชัง นางเด็กนั่นหน้าตาสะสวยจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ตรงกับสตรีที่ท่านสุวรรณราพณ์ชื่นชม
เมื่อคืนก็ชิงสนมมาอีกหนึ่ง แต่มิได้แวะเวียนไปร่วมลงหอกับนาง ปกติถ้าวันไหนชิงสนมมาเกินหนึ่งคนจะต้องร่วมหลับนอนกันทั้งสี่ รวมทั้งนางด้วย ท่านส่งนางเข้าหอทุกคราเพื่อให้สอนเด็กสาวเหล่านั้นปรนเปรอสามีอย่างที่สุวรรณราพณ์ต้องการอย่างถูกต้องถึงพระทัย
แต่เมื่อค่ำคืนนี้ หาได้เรียกหาข้าไม่
“เจ้ามิพึงใจรึ ที่เมื่อค่ำนี้ข้ามิได้เรียกเจ้ามาร่วมหลับนอนร่วมกับเจ้าจันทร์และบุศยา?” สุวรรณราพณ์ท้าวคางกับพนักบัลลังก์ถาม รู้ดีว่าสนมของตนแต่ละคนมีนิสัยใจคอเป็นเช่นไร
“มิบังอาจมิพึงใจท่านดอกเพคะ แต่ข้าแค่เพียงอ้อนวอนดูเท่านั้น” เสียงหวานแผ่วลง นี่คือมารยาหญิงร้อยเล่มเกวียณที่ชิงใจชายมานักต่อนักของนาง แสร้งเบือนหน้าใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาอย่างอ่อนไหว
“มิต้องใจน้อยดอกตองนวล เจ้าจักได้มีพี่มีน้องเยอะๆ” ผู้เป็นสามีเอ่ยคำที่ขัดใจนางขึ้นมาอย่างไม่สนพระทัย สีหน้าเรียบเฉยดูดุดันจนสาวเจ้าไม่อาจสำแดงกิริยาใจน้อยได้อีก
ปกติสามีของนางจะไม่หมางเมินเช่นนี้ ราวกับเบื่อน้ำพริกถ้วยเก่าถ้วยนี้ไปแล้วหรือไร
จนร่างแน่งน้อยก้าวเข้ามาด้านใน สนมทั้งสิบเอ็ดเหลือบขึ้นมองนางพร้อมเพรียงกัน ด้วยว่าอยากรู้ถึงโฉมกายของสนมคนใหม่
หญิงสาวตัวเล็ก ผิวขาวอมชมพู ผมยาวสลวยที่ถูกแปรงอย่างดี ก้าวเข้ามาพร้อมกับเครื่องแต่งกายสีหมากสุกทั้งกายา อันเป็นสีโปรดของนาง กำไลข้อเท้าที่ทำจากเพชรนิลจินดาเปล่งประกายสุกใส
ความงดงามนั้นทำให้สนมทั้งสิบเอ็ดคนขบฟัน บ้างก็นึกริษยาความงาม บ้างก็นึกตะลึงชื่นชมในตัวเด็กสาว
ช่างเป็นหญิงสาวที่งดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ก็มิปาน
“มาหาข้าสิ เจ้าจันทร์” สุ้มเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจเอ่ยท่ามกลางห้องโอ่โถงที่เต็มไปด้วยสาวงามทั้งสิบเอ็ดที่นั่งรายล้อมสงบเสงี่ยม พร้อมกับตบหน้าตักหนาดังปึ่กๆ ดูดีๆ ก็เหมือนฮาเร็มในมังฮวาเกาหลีไม่หยอก
มธุรสหน้าบูดบึ้ง ไม่ชมชอบเลยนะ ผู้ชายหลายใจ แถมยังชีกออีก
สาวเจ้าไม่สนใจในคำสั่งของสุวรรณราพณ์ผู้เป็นกษัตริย์ครองเมืองนี้ เธอเดินอย่างสงบนิ่งแต่งดงามไปกระแทกตัวลงนั่งใกล้ๆ สาวน้อยที่ดูจะเยาว์วัยที่สุดในโถงใหญ่นี้
สนมทั้งสิบหน้าได้แต่หน้าซีดเผือด ไม่เคยมีสนมนางใดขัดใจท่านมาก่อน สนมนางที่มาใหม่นี่เป็นใครกัน ถึงบังอาจหมางเมินคำสั่งที่ราวกับอสุนีบาตลั่นกลางหุบเหวของสุวรรณราพณ์ได้เช่นนี้
“ไม่นั่งค่ะ” เสียงหวานกังวานใสหนักแน่น เธอคือสาวไทยสมัยใหม่หัวใจ ๒o๒๒ ผู้ซึ่งล้มเลิกวิถีชายเป็นใหญ่ไปตั้งนมตั้งนานแล้ว ไม่สนใจหรอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ในเมื่อเคยเกือบตายมาก็หลายหน แถมชีวิตก็ล้มลุกคลุกคลาน ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองตั้งแต่เด็ก
กับคนที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง มีพ่อแม่คอยป้อนทรัพย์สมบัติมรดกที่ดินให้ แถมยังเกิดมาด้วยกายที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังเหนือมนุษย์มนานั่นน่ะ มันคนละระดับกันค่ะ
ว่ากันตามตรง สุวรรณราพณ์เองก็ขัดเคืองใจมิใช่น้อย ที่สาวเจ้าซึ่งเขารอคอยทบมาเป็นเวลาร้อยกว่าปีนั้นไม่ได้ให้ความสนใจใดๆ กับตัวเขา แตกต่างจากสนมคนอื่นๆ ที่ชิงมา ที่เมื่อผ่านพ้นคืนร่วมหอก็จะหลงใหลในตนอย่างหัวปักหัวปำ รวมถึงคำสั่งจากสุรเสียงทรงอำนาจ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องกระทำตามทันที
แต่ว่ากันว่า... ของที่ได้มายากแค่ไหน มักจะเป็นของดีเลิศทั้งนั้น
ช่างดื้อดึงไม่เข็ดหลาบ แต่ก็น่าเอ็นดูเหลือคณา
ยักษาหนุ่มกระทำการโต้ตอบสาวเจ้าเพียงแค่กระตุกยิ้มบาง ไม่ได้แสดงอาการเกรี้ยวกราดใดๆ กับสนมหน้าใหม่ จนสนมหน้าเก่าหลายๆ คนก็พาตกตะลึงไปตามๆ กัน
เป็นไปได้อย่างไร ที่ท่านสุวรรณราพณ์อารมณ์ร้ายตนนั้น ไม่ฟาดงวงฟาดงากับสนมคนใหม่ที่ไม่ยอมเอาใจท่านอย่างเด็กสาวคนนี้
โฉมตรูไม่ยอมแพ้ เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาแกร่งที่ทอดพระเนตรมายังนางอยู่ตลอดเพลานั้น หญิงสาวตัวจ้อยจึงได้ทอดสายตาสู้ พร้อมกับสำรวจอีกฝ่ายไปด้วยพร้อมๆ กัน
กายาใหญ่โตสวมสังวาลย์ทอง มีมัดกล้ามเป็นลอนสวย ผิวขาวหากแต่สมบุกสมบันอย่างผู้สูงศักดิ์ รวมถึงใบหน้าคมกร้าวดุดัน แต่ทว่ากลับรูปงาม ทรงผมยาวหยักศกเกล้ามวยแบบมิเรียบร้อยนัก เมื่อสวมอาภรณ์ที่งดงามเหล่านั้น รวมเป็นชายหนุ่มแบดบอยผู้พราวเสน่ห์อย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่นึกแปลกใจเลยที่มีเมียเยอะถึงขนาดนี้
มือหนาท้าวคางมองหญิงสาวที่สำรวจตน เลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอจดจ้องอย่างสนใจใคร่รู้ ยักษ์หนุ่มจึงหลับตาลง ยินดีให้เจ้าจันทร์สำรวจความรูปงามของตนได้ตามใจชอบ
มีเพียงเจ้ากับบุศยาสนมที่ไปชิงเมืองหลังจากรับเจ้ามาเท่านั้น ที่ข้ายังมิได้ร่วมเสพสวาทด้วย
ตองนวลที่นั่งอยู่ซีกขวามือของสุวรรณราพณ์และใกล้เคียงกับบัลลังก์ของเขาที่สุดแอบชายตาแลมองเด็กสาวนงเยาว์ที่นั่งกระฟัดกระเฟียดใส่สามีของนาง ท่าทางมิดูชมแถมยังมิน่าเอ็นดูเอาเสียเลย ไร้เสน่ห์อย่างที่อิสตรีควรจะเป็น
สาวเจ้าเบ้ปาก เหตุใดกันสุวรรณราพณ์ถึงตามอกตามใจนางเช่นนั้น
หรือว่าในเรือนหอเมื่อคืนวาน นางจักบำเรอท่านได้ถึงพระทัยยิ่งกว่าข้า?
คิดได้เช่นนั้นก็นั่งอยู่มิสุขเสียทีเดียว จนสาวรับใช้ที่คอยพัดวีให้ต้องรีบโบกพัดอย่างสุดตัวเนื่องจากกลัวว่าพระสนมของตนจะร้อนรุ่มจนจับไข้ อากาศวันนี้ก็ร้อนอบอ้าวใช้ได้เลยทีเดียว
นั่งกระวนกระวายไม่ทันไร สามีก็หยัดกายใหญ่โตลุกขึ้นสุดความสูง สนมทั้งสิบเอ็ดไม่กล้าแม้แต่จะสบตาสามีของตนเอง ด้วยอำนาจและท่าทางอันน่ายำเกรงของสุวรรณราพณ์ แถมยังเป็นอมนุษย์อีกต่างหาก นั่นแปลว่าหากกระทำสิ่งใดไม่ถูกใจท่าน อาจจะโดนฆ่าเอาได้
มีแต่เจ้าจันทร์เท่านั้น ที่จ้องตาสู้กับเขาที่เดินมาหยุดตรงหน้าอย่างสงสัย
อสุราหนุ่มคว้าข้อมือของหญิงสาวฉุดให้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพียงร้อยห้าสิบเซนติเมตร ตัวกะจ้อยร่อยราวกับหนูน้อย ยังริอ่านกล้ามาจ้องตาสู้กับเขา ช่างเป็นหญิงสาวที่หาญกล้าเสียจริงๆ
“อะ...! อะไรคะ” คนตัวเล็กยื้อแขนกลับ แม้จกรู้ว่าสู้แรงคนตัวยักษ์อย่างอีกฝ่ายไม่ได้ก็ตาม หากแต่เขาก็ไม่ได้ลงแรงใส่นางไปเต็มแรงเช่นกัน
“เมื่อคืนสลบไสลเนื้อตัวสกปรกไปด้วยน้ำหวานจากเกสรของเจ้า ควรไปชำระกายาเสียหน่อยเป็นดี” อสุราหนุ่มเอ่ยเสียงดังฟังชัดจนสาวเจ้าหน้าแดงแจ๋ปัดป้องมือไปมาพัลวัน เพราะนอกจากสนมทั้งสิบเอ็ดของเขาจะอยู่ในห้องโอ่โถงนี้แล้ว ยังมีทหารอารักขา และสาวรับใช้ร่างใหญ่ของสนมแต่ละท่านด้วย
พูดจาสัปดนต่อหน้าคนหมู่มาก นอกจากจะหลายใจ หลายเมีย ชีกอ แล้วยังชอบโชว์อีกด้วย
ค่าความประทับใจของมธุรสที่มีต่อสุวรรณราพณ์ติดลบอย่างไม่ต้องสงสัย
โฉมงามตัวจ้อยถูกกึ่งลากกึ่งจูงมาที่สระบัวที่อยู่นอกวังไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เป็นสระบัวที่ใหญ่โตและงดงาม น้ำใสแจ๋วจนเห็นตัวปลาที่แหวกว่ายไปมา ดอกบัวสีหวานและใบบัวดูใหญ่โตอุดมสมบูรณ์ คอสะพานสิ้นสุดแค่ตรงต้นน้ำเพียงเท่านั้น
มธุรสยืนตะลึงกับความงดงามและกว้างใหญ่ของกรุงยักษา น่านน้ำรวมถึงธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ดี บ่งบอกว่าเมืองแห่งนี้ร่ำรวยเพียงใด จนมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อสุราที่ปล่อยข้อมือเล็กของเธอทำท่าจะปลดผ้าผ่อน ปลดทับทรวง รวมถึงสังวาลย์ทองด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ว้ายตาเถรหลุดตกกะได!” มธุรสหวีดร้องเสียงหลง ตั้งแต่เกิดมายี่สิบห้าปี ไม่เคยได้เห็นสรีระของผู้ชายอกสามศอกออกเจ้าชู้มาก่อน นอกซะจากในเว็บพอร์นฮับ “มาถอดผ้าผ่อนอะไรตรงนี้วะคะ!”
“ก็จักชำระกายร่วมกับเมีย ผิดด้วยรึ?”
ทอล์กท้ายบท
เรื่องนี้อิงตามบทหรือคาร์เเรคเตอร์จากในวรรณคดีเป็นส่วนใหญ่
ตัวละครจึงมีส่วนนิสัยที่อิหยังวะไม่เป็นไปตามสมัยนิยมในครรลองยุคปัจจุบัน
มีตรรกะประหลาดที่สมัยปัจจุบันรับไม่ได้ หรือไม่ยอมรับ อย่างเช่น หลายเมีย เป็นต้น
การล่าอาณานิคม ฆ่าฟัน ล้วนอยู่ในขนบสมัยนั้น เเละเเน่นอนว่ามีเหตุผลรองรับทุกการกระทำ
หากมีส่วนไหนทำให้ไม่ถูกใจขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ
เรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์อะไรนะ นับเป็นยูนิเวิร์สหรือโลกคู่ขนานได้เลย
เราเเต่งตามอารมณ์ + จินตนาการล้วนๆ จ้า
