บทที่ 3 รอยสักหัวหมาป่า

ความขัดแย้งครั้งนี้ดูท่าจะน่าปวดหัวและคงยืดเยื้อน่าดู เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ชาร์ล็อตต์ก็สังเกตเห็นว่าท้องฟ้ากลายเป็นสีเทาหม่น พายุฝนกำลังจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ

เธอไม่อยากให้ลูกๆ ต้องเปียกฝน โดยเฉพาะเอลลี่ที่ร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก เด็กหญิงตัวน้อยต้องเป็นหวัดแน่ๆ ถ้าโดนฝนเข้า

“ร็อบบี้ เจมี่ เอลลี่ อยู่ในรถนะลูก เดี๋ยวแม่ลงไปดูเองว่าเกิดอะไรขึ้น” ชาร์ล็อตต์บอกลูกๆ ก่อนจะลงจากรถแท็กซี่

“แม่คะ ระวังตัวด้วยนะ!” เด็กๆ ตะโกนขึ้นพร้อมเพรียงกัน

นกแก้วฟีฟี่โผล่หัวออกมาจากกระเป๋าของเอลลี่อีกครั้งอย่างสงสัยใคร่รู้

เอลลี่ป้อนขนมชิ้นเล็กๆ ให้มันแล้วลูบหัวที่ฟูฟ่องของมันเบาๆ “ฟีฟี่ เกาะแน่นๆ นะ เดี๋ยวเราก็จะถึงบ้านกันแล้ว!”

...

“คุณครับ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะชนรถคุณ” คนขับแท็กซี่อธิบายอย่างกระวนกระวาย “เป็นความผิดของผู้โดยสารน่ะครับ เธอมีลูกสามคนแล้วก็สัมภาระอีกเพียบ รถผมเลยบรรทุกน้ำหนักเกิน จนเผลอไปชนรถคุณเข้า”

พอเห็นชาร์ล็อตต์ เขาก็ชี้ไปที่เธอทันที “คุณต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!”

“ห๊ะ? ทำไมล่ะคะ?”

ชาร์ล็อตต์กำลังจะโต้กลับ แต่แล้วกระจกรถโรลส์-รอยซ์ก็เลื่อนลง

“ช่างมันเถอะ ท่านประธานกำลังยุ่ง!”

ชายที่นั่งอยู่เบาะหน้าพูดพลางตวัดสายตามองชาร์ล็อตต์

“ครับ!”

ชายในชุดสูทพยักหน้าแล้วบอกให้คนขับแท็กซี่คราวหน้าขับรถให้ระวังกว่านี้ก่อนจะจากไป

ชาร์ล็อตต์มองไปยังเบาะหลังของรถโรลส์-รอยซ์ตามสัญชาตญาณตอนที่คนขับรถเปิดประตูให้ และต้องประหลาดใจเมื่อเห็นชายเปลือยท่อนบนคนหนึ่งนั่งหันหลังให้เธอ

บาดแผลน่ากลัวพาดเป็นทางยาวบนแผ่นหลังของเขา เลือดไหลซึมลงมาบนรอยสักรูปหัวหมาป่าตรงบั้นเอว

รอยสักรูปหัวหมาป่า? รอยสักรูปหัวหมาป่านั่น!

ดวงตาของชาร์ล็อตต์เบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เธอจ้องมองรอยสักนั้นอย่างพูดอะไรไม่ออก หัวใจเต้นระรัวจนแทบจะกระดอนออกมาอยู่ที่ลำคอ

หมาป่าดุร้ายตัวนั้นกำลังจ้องมองมาที่เธอ ดวงตาของมันย้อมไปด้วยสีแดงฉานจากเลือดของชายคนนั้น ทำให้มันดูหิวกระหายเลือดอย่างที่สุด

เขาเอง!

เป็นเขาจริงๆ ด้วย!

“หลีกไป!”

คนขับแท็กซี่ผลักชาร์ล็อตต์อย่างแรงจนเธอล้มลงไปกองกับพื้น

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง รถโรลส์-รอยซ์ก็หายไปจากสายตาแล้ว

ชาร์ล็อตต์รู้สึกหัวหมุนติ้วขณะจ้องมองถนนว่างเปล่าเบื้องหน้า

คนในรถเมื่อกี้คือเขาเหรอ? พ่อของเด็กๆ น่ะเหรอ?

เขาไม่ใช่ผู้ชายขายบริการที่ซัลทรีไนต์หรอกเหรอ? แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ในรถราคาแพงคันนั้นพร้อมกับบาดแผลน่ากลัวแบบนั้นได้?

“นี่! มาผลักแม่ผมทำไม?”

เจมี่ชูกำปั้นใส่คนขับแท็กซี่อย่างโกรธเคือง

“ไอ้หนู อย่ามาตะคอกใส่ฉันนะ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกแก ฉันคงไม่ซวยแบบนี้” คนขับแท็กซี่สบถ

“คุณต่างหากที่ขับรถเร็วเกินไปจนไปชนรถคันนั้น ไม่เกี่ยวกับพวกเราสักหน่อย!” ร็อบบี้สวนกลับด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว “ในฐานะผู้โดยสาร เราไม่ต้องรับผิดชอบความผิดของคุณ! คุณทำผิดกฎจราจร เราแจ้งความจับคุณได้นะ!”

“ใช่ คุณแกล้งแม่ หนูจะให้ตำรวจมาจับคุณ!” เอลลี่ทำหน้ามุ่ยอย่างโกรธจัดแล้วชี้ไปที่ใครคนหนึ่งกลางถนน “นั่นตำรวจจราจร!”

ฟีฟี่ที่เกาะอยู่บนไหล่ของเธอร้องขึ้นทันที “ตำรวจจราจร! ตำรวจจราจร!”

“น่ารำคาญจริงโว้ย ลงไปเลย! ฉันไม่ไปส่งพวกแกแล้ว”

คนขับแท็กซี่เปิดท้ายรถแล้วโยนสัมภาระของพวกเธอลงกลางถนนก่อนจะขับรถจากไปอย่างหัวเสีย

“เดี๋ยวก่อน! ทำแบบนี้ได้ยังไงคะ?”

ชาร์ล็อตต์เก็บสัมภาระอย่างทุลักทุเลแล้วพาลูกๆ ไปหลบข้างทาง

ในขณะเดียวกัน แซ็คคารี นาคท์ ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังของรถโรลส์-รอยซ์ ก็เงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลัง

ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาคุ้นๆ ฉันเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนนะ?

“คุณนาคท์ครับ ผมจะฉีดยาชาให้นะครับ!” แพทย์ที่กำลังทำแผลให้เขากล่าว

“ไม่ต้อง” ชายหนุ่มกำลังอ่านเอกสารในมือ บาดแผลของเขาเลือดไหลไม่หยุด แต่เขากลับไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

“เอ่อ... งั้นอาจจะเจ็บหน่อยนะครับ ผมจะเริ่มเย็บแผลแล้ว”

แพทย์ขมวดคิ้วแล้วเริ่มลงมือเย็บแผล เมื่อไม่มียาชาเข้ามาเกี่ยวข้อง แพทย์จึงดูกระวนกระวายใจมากกว่าปกติ

ผิวสีแทนของชายหนุ่มสะท้อนแสงเป็นประกายเย็นเยียบ กล้ามเนื้อของเขาหดเกร็งจากความเจ็บปวดมหาศาล แต่สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป