บทที่ 2 การทรยศ

“ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง! หลังจากที่ฉันทำทุกอย่างเพื่อคุณแท้ๆ? คุณกลับไปนอนกับ เพื่อนสนิทของฉัน! มิเชล! ฉันรักแกเหมือนน้องสาวแท้ๆ... แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา... แกก็แค่อยากได้ สามี ของฉันงั้นเหรอ? พวกแกสองคนมันเป็นบ้าอะไรกันวะ!” ฉันตะโกนพลางขว้างหมอนอิงสวยๆ ใส่พวกเขาทั้งสองคนด้วยความเดือดดาล

อย่างน้อยมิเชลก็ยังพอมีความละอายอยู่บ้าง หน้าของเธอแดงก่ำ น้ำตากำลังไหลอาบแก้ม เธอไม่ยอมสบตาฉัน ซึ่งก็ดีแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเธอแค่แสร้งทำเพื่อคริสหรือเปล่า

เรื่องนี้ดูเหมือนจะยิ่งทำให้คริสโมโห เพราะเขาดึงอดีตเพื่อนสนิทของฉันมายืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าฉัน แล้วก็ต่อยเข้าที่ท้องของฉันเต็มแรง ฉันล้มลง หัวกระแทกกับโต๊ะในครัว เขาเดินกระทืบเท้าเข้ามาหาฉันแล้วตบหน้าฉันอีกครั้งจนปากแตก ฉันไม่อยากจะนึกถึงรอยช้ำที่เริ่มบวมและแสบระบมอยู่บนแก้มเลย

หัวของฉันเจ็บไปหมด ทุกอย่างหมุนคว้างและพร่ามัวไปชั่วขณะ แต่บางทีอาจจะเป็นเพราะน้ำตาของฉันเองก็ได้

“อีตัวสกปรก! ฉันไม่รู้เลยว่าเคยเห็นอะไรดีในตัวแก!” เขาตะคอกใส่หน้าฉัน “แกมันดีแค่อย่างเดียว พอฉันต้องการอย่างอื่นมาสนองความอยาก แกก็ดันมาทำลายมัน!” เขายังคงตะโกนใส่หน้าฉันไม่หยุด

ฉันไม่แม้แต่จะชายตามองเขาด้วยซ้ำ ตอนนี้เขา ไม่มีความหมาย อะไรกับฉันอีกแล้ว คำพูดของเขาอาจจะเจ็บปวด แต่ฉันจะไม่แสดงมันออกมาให้เขาเห็นในตอนนี้ ไว้ทีหลังฉันจะร้องไห้ใส่หมอนและปล่อยให้ทุกอย่างพังทลายลงมา แต่ไม่ใช่ตอนนี้ กลับกัน สายตาพร่ามัวของฉันจับจ้องไปที่ อดีตเพื่อนสนิท

ฉันเห็นสิ่งที่ดูคล้ายกับความสมเพชในดวงตาของเธอ ฉันไม่ต้องการความสมเพชจากเธอ ฉันไม่ต้องการมิตรภาพจากเธอ แต่ในตอนนี้ ฉันต้องการทำให้เธอเจ็บปวดให้มากที่สุดเท่าที่เธอทำกับฉัน ไม่ใช่แค่นั้น แต่ฉันจะ พูดความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ กับคนทรยศคนนี้

ฉันส่ายหัว “ขนาดเมียตัวเองเขายังทำได้ขนาดนี้ แล้วแกคิดว่าเขาจะทำอะไรกับแกล่ะ?” ฉันแค่นเสียงขณะที่เธอส่ายหัวปฏิเสธ “แกเอาไอ้สารเลวนั่นไปเลย ฉันจะไปหาคนอื่นที่รักฉันจริงๆ และ ไม่นอกใจ ฉันไม่ต้องการความรักจอมปลอม พวกแกสองคนน่ะ สมกันดีแล้วจริงๆ

ใบหน้าของมิเชลซีดเผือดเมื่อได้ยินคำพูดของฉัน เธออ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉันถลึงตาใส่เธอ เธอก็เลยหุบปาก แล้วมองสลับไปมาระหว่างสามีของฉันกับใบหน้าที่อาบเลือดของฉัน

แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันพอแล้วกับพวกเขาทั้งสองคน ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้น กระอักเลือดออกมา... ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องดีเลย ฉันผลักตัวเองออกจากห้องครัวแล้วมองไปที่คนทรยศทั้งสอง “หวังว่าพวกคุณจะมีความสุขนะ” ฉันเค้นเสียงพูดขณะเดินไปยังห้องนอนและเริ่มเก็บกระเป๋า

ฉันตรวจดูให้แน่ใจว่าหยิบบัตรต่างๆ กับกระเป๋าสตางค์มาครบแล้ว ฉันคว้าเสื้อผ้าชุดที่ใส่มากับโทรศัพท์มือถือแล้วยัดทุกอย่างลงในกระเป๋าเป้สมัยเรียนใบเก่า ฉันไม่ต้องการของมากมายอะไร ฉันหยิบรูปถ่ายสองสามใบที่ไม่อยากทิ้งไว้ข้างหลังกับกุญแจรถ ฉันไม่มีทางทิ้งรถไว้ให้ไอ้สารเลวนั่นเอาไปขายแน่

โชคดีที่ไม่มีใครออกมาห้ามฉันหรือแม้แต่พยายามจะ 'อธิบาย' อะไรให้ฉันฟัง เพราะฉันปฏิเสธที่จะฟัง ใครทั้งนั้น หัวใจของฉันแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ฉันไม่ต้องการข้อแก้ตัวว่า ทำไม พวกเขาถึงตัดสินใจทำร้ายฉันแบบนี้ อันที่จริง ฉันไม่ต้องการอะไรเลยนอกจากจากไปอย่างเชิดหน้าชูตา

ตอนที่ฉันเก็บของเสร็จ พวกเขาก็กลับไปทำเรื่องอย่างว่ากันอีกครั้ง แต่ฉันจะไม่ทนอยู่ดูละครฉากนี้หรอก ฉันจะยื่นฟ้องหย่าในวันรุ่งขึ้น และหวังว่าภายในสิ้นสัปดาห์ฉันจะเป็นอิสระ ฉันมีกระเป๋าสตางค์ติดตัวมา และฉันจะไปถอนเงินก้อนใหญ่ออกมาทันทีที่เจอเอทีเอ็ม เผื่อในกรณีที่เขาอายัดบัญชี... แต่โชคดีที่ ตอนนี้เขากำลังยุ่งอยู่

“แกคิดว่าแกจะไปไหนฮะ ไอวี่” คริสตะคอกถาม

ฉันไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเขาขณะที่กระแทกประตูปิดใส่ ฉันเข้าไปอยู่ในรถและกำลังถอยออกจากทางเข้าบ้านตอนที่เขาเปิดประตูปึงปังออกมา กระทืบเท้าออกจากบ้าน ทั้งที่ยังเปลือยกาย ตรงมาทางฉัน เขาคิดจริงๆ เหรอว่าตัวเองยังมีสิทธิ์มาสั่งฉันได้อีก? เขาบ้าไปแล้วหรือไง? เขาไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรกับฉันสักคำ และฉันก็ ไม่คิด จะฟังเขาด้วย

ฉันอยากจะชูนิ้วกลางให้เขาสักที แต่ฉันแค่เลื่อนกระจกรถลง เพราะรู้ว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะพูดมันจะฆ่าเขาทั้งเป็น แล้วตะโกนออกไปว่า “ฉันมาเพื่อจะบอกคุณว่าคุณกำลังจะได้เป็นพ่อคน แต่ฉันเดาว่ามันคงไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้คุณเข้ามาในชีวิตลูกของฉันเด็ดขาด” นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาพร่ำพูดถึงมาตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมา การมีลูกเพื่อเอาไปอวดพ่อแม่ของเขา

ฉันมองดูเขาหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำพูดของฉัน ฉันบอกไม่ถูกเลยว่ามัน สะใจ แค่ไหนตอนที่เขาตะโกนบอกให้ฉันรอ แล้วฉันก็เหยียบคันเร่งหนีไป เขาคิดจริงๆ เหรอว่าฉันจะกลับไปหาเขาตอนนี้? ฉันว่าฉันน่าจะเก็บเรื่องลูกไว้เป็นความลับได้นะ แต่ฉันรู้สึกว่าต้องบอกเขา... แม้ว่าฉันจะ ไม่ ระบุเรื่องนี้ลงในเอกสารหย่าก็ตาม บางทีฉันอาจจะโกหกว่าเป็นลูกของใครก็ไม่รู้? พวกเขาจะเชื่อมั้ยนะ? ฉันไม่รู้แล้ว! ฉันไม่สนอะไรอีกแล้ว!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป