บทที่ 6 ความผูกพันทางสายเลือด
“นิ่ม ดูเจ้าแฝด” หนึ่งที่เห็นท่าทางหลานชายคนโตที่ทำท่าทางแปลก ๆ แถมท่าเดินยังเหมือนปู จนต้องสะกิดบอกคนเป็นน้องให้หันมามองลูกชายตัวเอง นิ่มเองก็แปลกใจตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่เห็นคู่แฝดเดินเข้าไปหาคนแปลกหน้าก่อน เพราะส่วนใหญ่จะมีแต่ลูกค้าที่เดินเข้ามาก่อนเพื่อขอถ่ายรูป
“พี่ว่าแปลกนะ”
“คะ?”
“ที่เห็นน้องนายจะเข้าหาคนแปลกหน้าก่อน”
“ยิ่งน้องนิลไม่ต้องพูดถึง แต่นี่ดูสิพากันเดินเข้าไปหาเอง”
“ก็คงเห็นเป็นคนแก่มั้งค่ะพี่หนึ่ง” นิ่มเองที่รู้นิสัยคู่แฝดดี แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากอีกอย่างคนแก่สองคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้นั่นก็ดูใจดีมาก ๆ
“นิ่มลองมองดี ๆ”
“คะ?”
“ถ้าไม่รู้จักกัน พี่คงเข้าใจว่าเจ้าแฝดน่าจะเป็นลูกเป็นหลานคุณป้าคนนั้นแน่ ๆ”
“ดูคล้ายกันสะขนาดนั้น” นิ่มเองที่พอได้ฟังหนึ่งพูดออกมาแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองอีกครั้งอย่างพินิจพิจารณา
“พี่หนึ่งก็พูดไป” นิ่มหันไปตีที่แขนคนเป็นพี่ไปทีนึง แต่ก็ลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางส่ายหน้าไปมากับความคิดตัวเอง
อีกด้านนึง คุณวิภาและนมจินดาที่ขยับที่ให้คู่แฝดลงมานั่งตรงกลาง ก่อนจะหันมาถามคู่แฝด
“น้องนิล น้องนาย ถ่ายรูปกับยายหน่อยได้ไหมลูก” คุณวิภาถามออกไปทันที
“ได้ครับ” น้องนายตอบพลางขยับเข้าไปใกล้แฝดน้อง โดยที่คุณวิภายื่นโทรศัพท์ให้เด็กที่ตามมารับใช้ถ่ายรูปให้
“อ๊ะ” อยู่ ๆ น้องนิลที่นั่งเงียบ ๆ ก็ยกมือขึ้นไปวางที่มือคุณวิภาก่อนจะหันไปยิ้มอ่อนให้กล้อง ทำเอานมจินดาที่มองอยู่เงียบ ๆ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมากับท่าทางน่ารักนั่น ส่วนอีกคนไม่ต้องพูดถึงฉีกยิ้มทันทีที่บอกว่าจะถ่ายรูป
เมื่อได้เจอกับคู่แฝดแล้ว ทั้งคุณวิภาและนมจินดาก็ไม่อยากกลับไร่สักเท่าไร แต่เมื่อคิดว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่ถาวรแล้วคงมีเวลามาเจอกันอีกเลยขอตัวกันกลับ โดยได้ทั้งผักสดและผลไม้กลับไร่ไปด้วย
“นม ฉันล่ะอดคิดไม่ได้จริง ๆ นะเรื่องคู่แฝด”
“ฉันเเอบไปถามเด็กในร้านมา”
“ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยมีใครเห็นหรือเจอพ่อของคู่แฝดเลย”
“ตอนแรกที่คุณบอกว่าคู่แฝดเหมือนคุณอคินอย่างกับแกะ”
”อีฉันยังไม่เชื่อจนมาเห็นกับตา ถ้าบอกว่าคู่แฝดเป็นลูกคุณอคิน”
“อีฉันก็เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เลย” คนแก่สองคนนั่งคุยกันระหว่างนั่งรถกลับไร่
“นมฉันมีความคิดอย่างนึง” อยู่ ๆ คุณวิภาก็ทำท่านึกอะไรบางอย่างออกก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูออกมาแล้วกดเข้าแอพเพื่อส่งข้อความและรูปที่ตัวเองถ่ายกับคู่แฝดไปให้ลูกชายทันที ก่อนจะหันมาสบตากับคนเก่าคนแก่ที่นั่งลุ้นอยู่ข้าง ๆ
“คุณว่า คุณอคินจะมาไหม” นมจินคาเอ่ยถามเมื่อเห็นคนข้าง ๆ ส่งรูปที่เพิ่งเมื่อกี้ไปให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“มาสิ” คุณวิภายกยิ้ม
ด้านอคิน ที่นั่งหน้าดำคร่ำเครียด เพราะงานที่สุมเข้ามาทั้งที่บริษัทและที่ผับ ซึ่งตอนนี้ภายในห้องทำงานชองตัวเอง มีชายหนุ่มถึงสี่คนกำลังนั่งดูบัญชีอย่างเคร่งเครียด
แถมตั้งแต่มาถึงออฟฟิศชุนที่เดินเข้าเดินออกจนทำให้นิราผู้ช่วยของชุนถึงกับกุมขมับ แต่ยังไม่น่าปวดหัวเท่าอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงของเจ้านายหนุ่ม
“มันเริ่มผิดปกติตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน” อคินหันไปพูดกับรันที่นั่งมองแฟ้มในมือก่อนจะปรายตาหันไปมองที่เก่งอย่างคิดหนัก
“ฉันว่าพวกเราคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดแล้วล่ะ”
“ที่สำคัญพวกมันรู้รายละเอียดเรื่องรถที่เราสั่งมาได้ยังไง” อคินเปรยก่อนมองเพื่อสนิททั้งสองคน
“เกลือเป็นหนอน” ทั้งรันและเก่งพูดออกมาพร้อมกัน
“ใครว่ะ แม่ง” อคิน สบถออกมาก่อนจะหันไปเห็นชุนที่เดินหอบเอาเอกสารกองใหญ่เข้ามาด้วย
“ว่าไง ได้อะไรบ้าง” อคินเอ่ยถามทันที
“เจออยู่คนนึงครับ” ชุนตอบออกไปก่อนจะยื่นแฟ้มประวัติพนักงานที่เพิ่งไปเอามาจากแผนกบุคคล
“นายประจักษ์”
“แผนกขายเป็นน้องชายของแก้วกาญอดีตผู้จัดการผับครับ” เมื่อได้ยินชื่อของผู้จัดการผับที่เค้าไล่ออกเมื่อสี่ปีที่แล้ว อคิน ถึงกับกัดฟันกรอด
“ไม่ยอมจบจริง ๆ สินะ” อคิน ตาวาวโรจน์ รันและเก่งถึงกับเสียวสันหลังเมื่อเห็นหน้าของเพื่อนสนิท
ย้อนไปเมื่อสี่ปีก่อน
วันที่ชายหนุ่มเข้าไปดูที่ผับเพราะรันโทรไปบอกว่ามีคนขายยาในผับ ทำให้เขาซึ่งปกติถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็จะไม่ค่อยเข้ามายุ่งเพราะให้สิทธิ์กับเพื่อนทั้งสองคนจัดการ
เพราะไม่ค่อยเข้ามาที่ผับ ซึ่งก็มีข้อดีเพราะทำให้อคินได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง เมื่อมาถึงผับก็เจอพนักงานต้อนรับพาไปนั่งที่โต๊ะ แถมสอบถามเรื่องบริการเสริมที่ไม่คิดว่าทางร้านจะมี พนักงานต้อนรับพยายามอย่างสุดฤทธิ์ที่จะเสนอหลากหลายรายการมาให้ชายหนุ่มที่ดูแล้วคงรวยไม่ใช่เล่น
แต่อคินปฏิเสธทุกอย่าง พนักงานต้อนรับคนนั้นต้องล่าถอย ก่อนจะหันไปเจอกับผู้จัดการผับที่เดินเข้ามาพอดี
แก้วกาญ หญิงสาววัย 30ปีในตอนนั้นหันมองตามมือที่พนักงานชี้ให้ดูถึงกับตะลึงในความหล่อเหลาของแขกที่นั่งอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ก่อนจะเดินนวยนาดเข้าไปหาอย่างช้า ๆ
“จะให้เกียรติฉัน เลี้ยงเครื่องดื่มสักแก้วได้ไหมคะ” อคินหันไปมองตามเสียงก่อนจะปรายตามอง
“แก้วกาญผู้จัดการร้านครับ” ชุนที่เห็นว่าใครเดินเข้ามาก็ก้มกระซิบให้คนข้าง ๆ รู้ทันที
“อืม” อคินพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองคนที่เดินเข้ามาตรง ๆ
