บทที่ 1 จุดเริ่มต้น (25%)
เมืองนวร์ก (Newark) รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา
พั่บๆๆๆ…
ตู้ม!!!
ปังๆๆๆ…
เสียงใบพัดขนาดเท่าปีกนกยักษ์ของเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่ดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ สลับกับเสียงปาระเบิดและกราดกระสุนยิงต่อสู้ระหว่างเหล่าตำรวจกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ในขณะเดียวกันนั้นก็มีควันไฟพวยพุ่งออกมาจากการเผาทำลายตึกรามบ้านช่อง ร้านค้า รถยนต์และข้าวของที่อยู่ริมสองฟากฝั่งของถนนสายหลัก ประชาชนที่อยู่ในละแวกนั้นต่างพากันวิ่งหาที่หลบภัยจ้าละหวั่น ถนนใจกลางเมืองทั้งสายมืดมิด ไร้ผู้คนสัญจรไปมาประหนึ่งว่าเป็นเมืองร้าง นั่นก็เป็นเพราะว่าขณะนี้กำลังเกิดเหตุจราจลในเมืองนวร์ก เมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
“ทุกคนวางอาวุธลง แล้วยกมือขึ้น” เสียงประกาศที่ดังออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ส่งผลให้ผู้ก่อการจราจลที่อยู่เบื้องล่างหยุดชะงักการกระทำอันชั่วช้าลง แต่เพียงแค่เสี้ยวนาทีคนเหล่านั้นก็เข้าโจมตีและฝ่าวงล้อมของกองกำลังตำรวจเพื่อหวังจะออกไปก่อความวุ่นวายโกลาหลในจุดอื่นๆ ของเมือง
“เราจะนับหนึ่งถึงสาม หากทุกคนยังไม่อยู่ในความสงบ เราจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด” เสียงเข้มของสาวปริศนาที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ไม่ทำให้คนชั่วนับสามสิบชีวิตรู้สึกครั่นคร้ามเลยสักนิด ยังคงทำเป็นหูทวนลมและสาดกระสุนเข้าหาตำรวจไม่ยั้ง
“เราขอเตือนว่าจะใช้มาตรการ…ขั้นเด็ดขาด!” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูไม่แยแสกับคำที่เธอส่งไปกล่าวตักเตือนในตอนแรก สารวัตรสาวขาโหดก็ขู่สำทับอีกครั้ง ก่อนจะส่งสัญญาณให้หน่วยปฏิบัติการหลายสิบนายที่อยู่เบื้องล่างเตรียมพร้อมในการตีวงเข้าโอบล้อม
“ถ้ากูยอมฟังคำสั่งจากตำรวจกระจอกๆ อย่างพวกมึงก็บ้าแล้ว” หนึ่งในนั้นแหงนหน้าขึ้นไปมองยังเฮลิคอปเตอร์ พร้อมโต้ตอบด้วยวาจาโอหัง
“ใช่ มันจะดูถูกกันเกินไปแล้วที่เอาผู้หญิงมาข่มขู่พวกเรา” ชายหน้าเหี้ยมสนับสนุนในทุกคำพูดของเพื่อน แล้วกราดยิงท้าทายคำข่มขู่ของตำรวจอย่างไม่หวั่นเกรง อยากจะสอยเฮลิคอปเตอร์ที่บินว่อนอยู่เหนือศีรษะให้ร่วงหล่นแต่เสียดายไม่ได้เอาปืนไรเฟิลมา
คนบนเฮลิคอปเตอร์จะไม่อาจล่วงรู้ทุกคำที่หลุดออกมาจากปากหัวหน้ากลุ่มผู้ก่อจราจล หากไม่มีลูกน้องคอยส่งสารขึ้นไปรายงานอีกที หลังจากที่ทวิชาได้ฟังคำจากปากของลูกน้องก็ถึงกับสบถออกมาอย่างอดใจไม่ไหว
“ไอ้พวกเศษสวะเอ๊ย ดูถูกเพศแม่อย่างไม่นึกแยแส ว่าถ้าไม่มีผู้หญิงบนโลกใบนี้ มันก็คงไม่มีวันได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก และมาสร้างความเลวระยำแบบนี้หรอก” ท้ายประโยคตำรวจสาวใจหาญเค้นเสียงห้วนจัดอย่างขุ่นเคือง
“ใจเย็นน่า แม่สาวขาโหด” ไมเคิล ดีแลน สารวัตรหนุ่มจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (SWAT: Special Weapons and Tactics) ที่ได้รับเชิญให้มาเจรจาต่อรองกับกลุ่มผู้ก่อจราจลทอดเสียงกลั้วหัวเราะทั้งแซวและเตือนสติ พลางยกมือขึ้นตบบ่าน้อยเบาๆ หญิงสาวสลัดมือใหญ่ให้หลุดออกจากบ่าของตัวเอง ก่อนจะหันไปตวัดตาค้อนให้คนช่างแหย่
“ไมเคิลก็ดูมันพูดเข้าสิ ใครจะไปใจเย็นได้เล่า” ทวิชาค้านหน้าตึง ก่อนจะกระแทกลมหายใจฟืดฟาดออกมาด้วยความหงุดหงิดระคนฉุนเฉียว
“แล้วนั่นคิดจะทำอะไรน่ะนก” สารวัตรหนุ่มถามทันทีที่เห็นเพื่อนรักยกหน้าที่เกลี้ยกล่อมผู้ร้ายสมองหนาปัญญาทึบ ที่ไม่ชอบวิธีประนีประนอมมากไปกว่าการใช้กำลังและอาวุธทำลายล้าง ให้เป็นหน้าที่ของเขา
“ก็ลงไปลุยข้างล่างน่ะสิ” แม่สาวขาโหดออกอาการคันไม้คันมืออย่างเห็นได้ชัด จนไมเคิลต้องส่ายหัวและอยากจะคารวะให้กับความบ้าดีเดือดของเพื่อนรัก
“จะลงไปทั้งที่คนร้ายยังอยู่ข้างล่างแบบนี้น่ะนะ” ถามเสียงหลงเมื่อมองลงไปข้างล่างแล้วเห็นถึงความวุ่นวายที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงได้
“กัปตันขับวนไปทางขวานะ ฉันจะลง” ทวิชาไม่ได้ตอบคำถามแต่หันไปสั่งนักบินทันทีที่เห็นว่าหัวถนนทางฝั่งขวาปลอดผู้ก่อการร้าย ก่อนจะหันมาสนใจเพื่อนหนุ่มอีกครั้ง
“เอาจริงเหรอนก” เสียงเครียดเขม็งของไมเคิลถามด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้เขาจะเป็นคนยิงคุ้มกันให้ในระหว่างที่แม่สาวฮีโร่เลือดร้อนจะโรยตัวลงไปกับสลิง แต่ก็ยังอดที่จะกังวลใจในความปลอดภัยของเธอไม่ได้
“อือฮึ…สนใจจะลงไปมันด้วยกันไหมล่ะ?” ทวิชาชักชวนอย่างกระตือรือร้นพลางบุ้ยปากไปยังเบื้องล่าง ดวงตากลมโตเป็นประกายพราวระยับ เพราะรู้สึกคึกคักจนแทบเนื้อเต้นที่จะได้ลงมือปราบคนชั่วด้วยตัวเอง
“ไปได้ไง เรามาทำหน้าที่เจรจาต่อรองนะ ไม่ได้มาเป็นขาบู๊เหมือนนก” สัพยอกเพื่อนสาวอย่างหมั่นไส้นิดๆ
ด้วยความเป็นห่วงคนเลือดร้อนทำให้ไมเคิลอยากลงไปข้างล่างกับแม่สาวนักบู๊ใจจะขาด หากแต่บนเครื่องหามีคนที่จะสามารถเกลี้ยกล่อมผู้ร้ายให้คล้อยตามไม่ อำนาจของลมปากคนเราไม่เท่ากัน บางคนพูดจนลิงหลับ พูดชนิดน้ำไหลไฟดับ พูดอะไรมาคนก็ให้ความเชื่อถือและคล้อยตาม แต่บางคนพูดแล้วไม่มีใครแยแส ซึ่งในปฏิบัติการทุกครั้งไมเคิลจะต้องถูกเชิญให้มาทำหน้าที่นี้ เพราะมีความรู้ทางด้านจิตวิทยากอปรกับได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจากหน่วยSWAT จนเป็นผู้ชำนาญการและย่อมรู้ดีว่าจะต้องทำยังไงให้เกิดการประนีประนอม จากนี้เขาคงจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ หลังจากที่โดนทวิชาปล้นมันไปพักใหญ่
ในระหว่างที่ทวิชาโหนสลิงลงมาด้วยมือเดียวนั้น มืออีกข้างก็กระชับปืนเตรียมพร้อมอย่างมีสติอยู่ตลอดเวลา ด้วยเกรงว่าจะโดนสอยร่วงลงมากองกับพื้นเสียก่อนจะได้บู๊ล้างผลาญ แม่สาวใจเด็ดจำเป็นต้องโรยตัวลงมาด้วยลวดสลิงเพราะบริเวณนี้ไม่มีพื้นที่มากพอให้นำเฮลิคอปเตอร์ลงจอด หลังจากยืนบนพื้นอย่างมั่นคงด้วยขาเรียวเล็กทั้งสองข้างได้สำเร็จ หญิงสาวก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปสมทบกับนายตำรวจอีกหลายสิบชีวิต
ทวิชานำกองกำลังเข้าโจมตีและสลายกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบด้วยการยิงแก๊สน้ำตา และใช้กระสุนยางในการยิงสกัดกั้น แต่อนุญาตให้ลูกน้องยิงโต้ตอบได้ในกรณีที่ลูกกระสุนของผู้ร้ายพุ่งเข้ามาจวนตัว ถือว่าเป็นการป้องกันตัวเอง พร้อมกันนั้นก็กำชับอย่างหนักแน่นว่าให้เสียเลือดเสียเนื้อน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะยังต้องการสอบสวนจนสาวไปถึงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังความหายนะในครั้งนี้

























































































































































