บทที่ 5 จุดเริ่มต้น (125%)
“มีเรื่องอะไรก็ว่ามา”
“ลูกค้าแจ้งมาว่าของที่สั่งไปยังไม่ได้รับครับ” หลังจากรับโทรศัพท์ด่วนจากเลขานุการของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของประเทศรัสเซีย แฟรงค์ก็รีบผลุนผลันมารายงานเจ้านายทันที ซึ่งคนที่โทรมาก็ออกอาการเกรงอกเกรงใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพราะอีกห้าวันข้างหน้าจำเป็นต้องนำอาวุธไปใช้ในการฝึกหัดให้กับหน่วยนาวิกโยธินชุดใหม่ที่เพิ่งได้รับการบรรจุเข้าสังกัด เลขานุการสาวเลือกที่จะโทรมาหาแฟรงค์เพราะไม่กล้าติดต่อมายังฟรานเชเซียสโดยตรง
คำที่หลุดออกมาจากปากคนสนิททำให้ใบหน้าที่ดูผ่อนคลายเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึงทันตาเห็น พร้อมกันนั้นก็ใช้สมองอันชาญฉลาดคิดทบทวนถึงออร์เดอร์ที่ส่งไปในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา
“อย่าบอกนะ ว่าไอ้ที่แกกำลังพูดถึงคือรัฐบาลของรัสเซีย” ฟรานเชเซียสถามขึ้นเมื่อนึกได้ หลังจากส่งของให้ลูกค้ารายใหญ่มาแล้วเป็นอาทิตย์ก็ไม่เห็นท่านนายพลจะติดต่อมาว่ากระไร เขาจึงคิดว่าของคงจะถึงมือลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าที่อีกฝ่ายไม่โทรมาทวงถาม เพราะเกรงใจและยำเกรงในบารมีของเจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ของโลกอย่างฟรานเชเซียส โบลาโกนี
“ใช่ครับนาย” ขาดคำรายงายของแฟรงค์เจ้าพ่อคลังแสงก็สบถลั่น นัยน์ตาสีทองอร่ามเคลือบไปด้วยประกายโทสะ ใบหน้าคร้ามคมแดงก่ำ เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะทำให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทลดน้อยถอยลงในสายตาของลูกค้า
“บ้าเอ๊ย…มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงกันวะ” เมื่อทนไม่ไหวระงับใจไม่อยู่ฟรานเชเซียสก็สบถลั่นออกมาอีกระลอก เรื่องใหญ่โตแบบนี้ไม่น่าจะเกิดกับองค์กรของเขาได้ มันต้องมีอะไรตื้นลึกหนาบางกว่านั้นแน่
“ไปสืบมาให้ได้ ว่าใครมันกล้าทำให้บริษัทฉันเสียชื่อเสียง” ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ความผิดพลาดนี้คงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเหตุสุดวิสัยอย่างแน่นอน เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้นคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้องโดยตรงจะต้องแจ้งให้เขาทราบตั้งแต่ถึงวันกำหนดส่งของให้ลูกค้า ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยมาเป็นอาทิตย์แบบนี้ และเรื่องนี้จะต้องมีผู้รับผิดชอบ
“ครับนาย” เลขาฯ หนุ่มค้อมหัวให้เจ้านายเลือดร้อนพร้อมทั้งน้อมรับคำสั่ง ก่อนจะหมุนปลายเท้าก้าวออกไปจากห้องทำงานใหญ่ทันที
เขตชานเมือง รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา
สารวัตรทวิชา แฟรงคลินท์ ลูกครึ่งไทย – อเมริกัน สารวัตรสาวมือฉมังผู้เลื่องชื่อของสถานีตำรวจเมืองนวร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ เจ้าของร่างเพรียวระหงสมส่วนและสง่างามราวนางพญาในชุดตำรวจหญิง ที่พกพาความสูงมากว่าร้อยหกสิบเจ็ดเซ็นติเมตร ผมดำขลับมันวาวยาวสยายจนถึงกลางหลัง มาบัดนี้ถูกรวบตึงอวดต้นคอขาวระหงน่าซุกไซ้ เสริมให้ดวงหน้ารูปหัวใจดูโดดเด่นและกระจ่างตามากยิ่งขึ้น ผิวขาวอมชมพู คิ้วโก่งดั่งคันศร นัยน์ตาสีน้ำผึ้งชวนหลงใหล จมูกโด่งเล็กปลายเชิดรั้น และริมฝีปากอวบอิ่มสีกุหลาบน่าสนิทเสน่หา ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเธอดูเป็นสาวพราวเสน่ห์ แต่ทวิชาก็ไม่เคยหลงละเมอไปกับความงามที่ฟ้าประทานมาให้ เพราะรู้ดีว่ามันจะเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ดังคำว่าสังขารไม่เที่ยง เปลือกภายนอกย่อมไม่ยั่งยืนจีรังเหมือนความดีที่อยู่ภายใน
หากใครที่ไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ความเก่งกาจและความโหดของทวิชา ก็คงจะไม่เชื่อแน่ว่าตำรวจสาวคนสวยที่มีอายุเพียงยี่สิบเจ็ดปีจะได้ตำแหน่งสารวัตร หรือบางคนอาจจะคิดว่าเธออาศัยบารมีของนายพลทราวิส แฟรงคลินท์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษของฐานทัพอเมริกา(SEAL) ผู้เป็นบิดาที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ในการเลื่อนยศขึ้นตำแหน่ง แต่คนที่อยู่ในแวดวงเดียวกันย่อมรู้ดีว่าทวิชาเก่งกาจและเปี่ยมล้นด้วยฝีมือมากแค่ไหน
ตำรวจอเมริกาไม่มีการประมูลตำแหน่งหรืออาศัยเส้นสาย การจะได้เลื่อนตำแหน่งต้องมาจากความสามารถเท่านั้น ทวิชาเองก็เช่นกัน หลังจากจบวิศวกรรมการบินเธอก็สอบเข้าสถาบันฝึกตำรวจ (Police Academy) และสอบเลื่อนตำแหน่งจากจ่ามาเป็นสารวัตรภายในระยะเวลาเพียงห้าปี และขณะนี้กำลังประจำการอยู่ที่สถานีตำรวจเมืองนวร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ ในฐานะหัวหน้าตำรวจ (Chief Police) แผนกอาชญากรรม
รัฐนิวเจอร์ซีย์เป็นพื้นที่สีแดงมากว่าห้าปี มีทั้งการคอรัปชั่นและอาชญากรชุกชุม และนั่นก็เป็นสาเหตุให้เธอต้องมาเยือนที่นี่ในวันนี้ สถานที่สำหรับคนรวยไปจนถึงระดับมหาเศรษฐี มีระบบรักษาความปลอดภัยเป็นเลิศ แต่บรรยากาศกลับดูวังเวงเงียบเหงา สายลมที่พัดหวิวไหวมาต้องผิวกายเย็นยะเยือกชวนให้ขนหัวลุก คนที่มีเงินและไม่มีลมหายใจเท่านั้นถึงจะมาอาศัยที่นี่ได้ เพราะที่นี่คือสุสาน สถานที่หลังความตายที่ผู้ล่วงลับจะถูกย้ายเข้ามาอยู่
สารวัตรสาวยืนอยู่เพียงลำพังหน้าหลุมศพที่จารึกคำว่าไมเคิล ดีแลน อยู่ข้างล่างรูปที่ชายหนุ่มหน้าตาดีกำลังฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้ผู้มอง มันคงจะดีกว่านั้นหากรอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าคมคายมาจากเจ้าตัวจริงๆ ไม่ใช่แค่เพียงรูปถ่ายที่แปะเอาไว้ให้ดูต่างหน้า
หลังจากร่างเพรียวระหงย่อตัวลงวางดอกไม้สีขาวหน้าหลุมศพด้วยท่วงท่าสง่างาม ทวิชาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วถึงได้ลดหน้าลงมาพูดกับรูปถ่ายของเพื่อนรัก
“หลับให้สบายนะไมเคิล นกสัญญาว่าจะลากคอคนชั่วมาเข้าคุกแทนไมเคิลให้ได้ ฮึก…นกสัญญา” เจ้าของใบหน้าพริ้มเพราทว่าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาขยับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อกล่าวเสียงเครือเจือสะอื้นหากแต่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว มือเรียวยื่นไปลูบไล้รูปถ่ายด้วยความอาลัยอาวรณ์ หยาดน้ำตาใสๆ ที่รินไหลออกมาจากหางตาเศร้าสร้อยตกลงกระทบปลายรองเท้าคัชชูสีดำมันปลาบหยดแล้วหยดแล้ว ความสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังคงอัดแน่นอยู่ในหัวอกพอๆ กับความคั่งแค้นให้ตัวต้นเหตุแห่งความสูญเสียในครั้งนี้
หลังจากที่ไมเคิลจบชีวิตลงได้แค่วันเดียว ทวิชาก็นำหลักฐานที่รวบรวมได้ทั้งหมดมาตรวจสอบและพบว่าอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโบลาโกนี กรุ๊ป ซึ่งบริษัทนี้ขายอาวุธสงครามให้กับรัฐบาลเกือบทั่วโลกและหนึ่งในนั้นก็คือพี่บิ๊กอย่างอเมริกา ที่เป็นคู่ค้าสำคัญและทำสัญญากันแบบผูกขาดมากว่าสิบปี ซึ่งผู้กุมบังเหียนนั่งแท่นบริหารสูงสุดก็คือ ฟรานเชเซียส โบลาโกนี มหาเศรษฐีหนุ่มผู้มั่งคั่งทั้งอำนาจและเงินตรา เจ้าพ่อคลังแสงที่เพียงแค่คนทั่วไปได้ยินชื่อเสียงเรียงนามก็ต่างพากันครั่นคร้ามต่ออำนาจ บารมี และอิทธิพลอันล้นฟ้า แต่ทวิชากลับไม่นึกยำเกรงเลยสักนิด หากเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมดนี้เกิดจากน้ำมือของเขาจริงๆ เธอนี่แหละจะเป็นคนลากคอเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่มารับโทษทัณฑ์ด้วยตัวเอง
มือเรียวยกขึ้นปาดหยาดน้ำตาที่ทะลักออกมาอีกระลอกอย่างลวกๆ เกลียดนักความอ่อนแอที่กำลังเล่นงานเธออยู่ หากมันมีตัวตนที่สามารถสัมผัสจับต้องได้ ทวิชาจะจับตีศอกตอกหมัดใส่กุญแจมือแล้วขังลืมซะให้เข็ด สูดลมหายใจเข้าปอดลึกแล้วบอกดวงวิญญาณของเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงมาดมั่น
“นกคงต้องกลับก่อนนะไมเคิล แล้วนกจะมาเยี่ยมอีกครั้งพร้อมกับข่าวดี” หญิงสาวพยายามระงับอารมณ์และเตือนสติตัวเองว่าไมเคิลได้จากไปแล้ว เธอไม่ควรจะมายืนร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าหลุมศพเพราะมันคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้ สู้เอาเวลาไปไล่ล่าหาความจริงและจับผู้ร้ายเข้าคุกซะยังจะดีกว่า เมื่อคิดได้ดังนั้นสารวัตรสาวก็หันหลังก้าวจากมาอย่างช้าๆ

























































































































































