บทที่ 7 นางนกต่อจำเป็น (25%)
คืนนี้ท้องฟ้ามัวหม่นไร้ดาวพราวแสงพร่างนภา สายลมเย็นยะเยือกพัดโชยมาต้องยอดไม้ไหวเอนเล่นลู่ลม ในขณะที่หลายคนหลับใหลอย่างมีความสุข ทว่ากลับมีหนึ่งชีวิตกำลังต่อสู้กับฝันร้ายอย่างน่าสงสาร เนื่องด้วยเหตุการณ์สะเทือนใจยังคงคอยตามมาหลอกหลอนไม่หยุดหย่อน
ปัง!
เสียงปืนที่คร่าชีวิตของไมเคิลดังกึกก้องอยู่ในหูไม่จางหาย ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างยังคงวนเวียนเข้ามาในมโนสำนึกครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับฉายหนังซ้ำ
“กรี๊ดดดด!!!” สารวัตรสาวหวีดร้องสุดเสียง
“ไมเคิล ไม่ ม่ายยย…” เสียงแหลมของคนที่ตกอยู่ในภวังค์ร้ายกรีดร้องหลายต่อหลายครั้งก่อนจะตบท้ายด้วยความโหยหวนยืดยาว ที่สุดก็สะดุ้งและหลุดออกจากฝันร้าย
ทวิชาพยุงตัวลุกขึ้น แล้วกระเถิบมานั่งพิงหัวเตียง ยกมือสั่นเทาขึ้นลูบใบหน้าผุดผ่องทว่าชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อเม็ดโตที่กำลังแข่งกันผุดพราย แล้วพึมพำแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบปลุกปลอบขวัญตัวเอง ดวงตาที่เคยแห้งผากระคนหม่นเศร้ามาบัดนี้กลับมีน้ำใสๆ คลอเคล้าอยู่ในเบ้าทั้งสองข้าง ก่อนจะพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้าขึ้นกะพริบตาถี่ๆ ไล่ม่านน้ำตาให้จางหาย
“โอย…เราฝันร้ายอีกแล้วเหรอเนี่ย” เสียงหวานครางออกมาจากลำคอน้อยเบาๆ เมื่อพบว่าทุกอย่างมันก็เป็นเพียงแค่ความฝัน
“ไม่ เราก็แค่ฝันไป ทุกอย่างมันจบแล้ว” ขาดคำหญิงสาวก็ยกลำแขนเสลาทั้งสองข้างขึ้นกอดร่างสั่นสะท้านของตัวเอง แล้วก้มหน้าซบลงกับหัวเข่ามนร่ำไห้กระซิกอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดมิดและหนาวเหน็บ ถึงแม้จะปลอบตัวเองให้ลืมภาพเหตุการณ์ในวันนั้นมากเท่าไร ทว่าทุกอย่างกลับยิ่งชัดเจน และนั่นก็เป็นแรงกระตุ้นให้เธอต้องลากคอคนชั่วมารับผลกรรมที่มันได้กระทำเอาไว้ให้จงได้
หลังจากข่มกลั้นความเศร้าสลดให้ทุเลาเบาบางลงบ้างแล้ว สารวัตรสาวคนสวยก็ยกมือขึ้นคลึงขมับอิ่มชื้นเหงื่อเพื่อให้คลายจากอาการปวดตุ้บๆ อันเนื่องมาจากความเครียดที่สะสมมาตลอดช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา แล้วหย่อนขาลงจากเตียงก้าวเดินออกจากห้องนอน พาร่างเพรียวระหงสมส่วนของตัวเองมาหยุดยืนในครัว ก่อนจะสาละวนชงโก้โก้ร้อนกลิ่นหอมเตะจมูกมาดื่มในเวลาดึกสงัด ที่มีบรรยากาศเย็นเยียบตามสภาพภูมิอากาศของประเทศในแถบเมืองหนาว แล้วจึงกลับไปนอนอีกครั้ง
เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่ทวิชาซัดโก้โก้ร้อนไปถึงสองแก้วใหญ่ติดกันเพื่อหวังจะให้ผ่อนคลาย แต่พลิกตัวไปมาอยู่หลายตลบก็ไม่อาจข่มตาหลับได้ จะมาผล็อยหลับอีกทีก็ใกล้จะรุ่งสางอยู่รอมร่อ
“อ๊าย…ตายแล้วยัยนกเอ้ย ดันตื่นสายจนตะวันแยงตูดซะได้” สะดุ้งตื่นแล้วก็ต้องอุทานเสียงดัง ใบหน้าสวยเริ่มเครียดขึ้นมานิดๆ เมื่อเข็มนาฬิกาเลยเวลาปลุกมาเกือบสี่สิบห้านาที
“แล้วจะทำอะไรก่อนดีล่ะ อาบน้ำ โอเคอาบน้ำ” แม่สาวหัวฟูทว่ายังคงความสวยไม่สร่างเดินไปทางนั้นทีทางนี้ทีแต่ไม่สามารถหยิบจับอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน ใครจะรู้ว่าสารวัตรสาวขาโหดผู้ดูจริงจังกับทุกเรื่องจะมีมุมรั่วๆ ในแบบให้น่าอมยิ้มก็เป็นด้วย
หลังจากวิ่งฝ่าสายน้ำอุ่นในเช้าที่หนาวเหน็บอย่างลวกๆ ทวิชาก็รีบแต่งตัวอย่างเร็วจี๋ สะพายเป้ใบใหญ่ใส่บ่าน้อยทั้งสองข้าง แล้ววิ่งหน้าตั้งมายังโรงจอดรถ วันนี้ผมยาวสลวยไม่ถูกรวบให้เข้าที่ เพราะยังไม่แห้งสนิทจึงกลัวจะมีเชื้อราบนหนังศีรษะจนก่อให้เกิดเป็นรังแค
“วันนี้นกตื่นสาย รถคงติด งั้นขอใช้เจ้าร้ายกาจแล้วกันนะจ๊ะ” ว่าพลางเลิกผ้าคลุมสีดำที่มีฝุ่นเกาะ เพื่อจะเอาบิ๊กไบค์คู่ใจออกไปโลดแล่นในท้องถนน หลังจากที่ไม่ได้เอาพ่อคุณทูนหัวไปเปิดหูเปิดตามาเกือบสองอาทิตย์ วาดเรียวขาสวยขึ้นนั่งแล้วหยิบหมวกกันน็อกสีดำที่ติดตัวอักษรภาษาไทยคำว่าร้ายกาจไว้ที่บริเวณด้านหลังมาสวม ก่อนจะออกแรงสตาร์ทเครื่งยนต์
“ร้ายกาจจ๋า อย่างอนสิจ๊ะ นกไม่ได้ลืมนะ ที่ไม่ได้มาใช้บริการนานก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ฝนมันชอบตกมากวนใจ ครั้นจะให้เอาร้ายกาจไปใช้ก็กลัวว่าพ่อคุณทูนหัวของนกจะเป็นหวัด รักมากถึงได้เป็นห่วงมากไงจ๊ะ” หลังจากพยายามสตาร์ทเจ้าร้ายกาจอยู่หลายรอบ แต่ดูเหมือนพ่อยอดสวาทของเธอจะงอน ถึงไม่มีแม้แต่เสียงให้พอได้ใจชื้น ทุกอย่างนิ่งงัน ทวิชาจึงพูดเชิงงอนง้อกับพ่อคู่หูแล้วลองสตาร์ทใหม่อีกครั้ง
บรื้น!!!
“อ๊าย…น่ารักที่สุดเลย พ่อคุณทูนหัวของนก” สารวัตรสาวโน้มตัวลงไปกอดบริเวณตัวถังรถคู่ใจพลางเอ่ยชม หลังจากที่เสียงเครื่องยนต์ของเจ้าร้ายกาจดังกระหึ่มขึ้น เป็นสัญญาณว่าพ่อคุณทูนหัวของเธอเลิกงอแงและพร้อมทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว
“วันนี้ขอแบบซิ่งเลยนะจ๊ะพ่อสุดหล่อ นกรีบน่ะพอดีว่าตื่นสาย” ขาดคำหญิงสาวก็เหยียบคันเร่งซิ่งออกไปจากบริเวณหน้าบ้านหลังน้อยทันที
บนท้องถนนในเวลาเช้าตรู่เช่นนี้คราคร่ำไปด้วยรถยนต์ที่ต่างดาหน้าจ่อคิวเพื่อจะไปให้ถึงจุดหมาย วันแรกของสัปดาห์รถย่อมติดเป็นปกติ ฟรานเชเซียสถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย สภาวะรถติดทำให้เขาหงุดหงิดและอารมณ์เสียได้เสมอ หากไม่ใช่เพราะความคิดตื้นๆ เพียงชั่ววูบของตัวเอง ก็คงไม่เกิดความผิดพลาดจนเขาต้องมาติดแหง็กอยู่บนถนนในเวลานี้
เนื่องจากในบ่ายวานนี้เจ้าพ่อหนุ่มมาพบลูกค้าที่เมืองนวร์ก ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ แต่พอดีว่าหิมะตกหนักหลังจากที่เขามาถึงเพียงครึ่งชั่วโมง เจรจางานเสร็จหิมะก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง มันคงจะลำบากและเสี่ยงอันตรายหากสั่งให้ลูกน้องขับรถฝ่าหิมะกลับนิวยอร์ก ด้วยคำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งตัวเองและลูกน้อง ฟรานเชเซียสจึงตัดสินใจเข้าพักในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งที่ใจกลางเมืองนวร์ก

























































































































































