บทที่ 9 นางนกต่อจำเป็น (75%)
“นายจะให้ผมไปสืบให้ไหมครับ ว่าเธอเป็นใคร” ตัดสินใจถามไถ่หลังจากที่เห็นเจ้านายชะเง้อมองตามสาวเจ้าจนคอจะยาวเป็นยีราฟ แถมยังทำเสียงเหมือนเสียดายในจังหวะที่เธอเลี้ยวรถเข้าไปในตรอกแคบๆ แห่งหนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวจะเอาเท้ากระแทกคันเร่ง ส่งแรงบิดที่แฮนด์ในอุ้งมือน้อยทั้งสองข้างพาเจ้าบิ๊กไบค์สีแดงเพลิงหายลับตาไปในที่สุด
“ไม่ต้อง!” ฟรานเชเซียสปฏิเสธเสียงเข้มพลางยกแขนกำยำขึ้นกอดอก แล้วส่งสายตาดุดันไปมองอีกฝ่ายอย่างตำหนิที่บังอาจมารู้เท่าทันความคิดของเจ้านายอย่างเขา
สถานีตำรวจเมืองนวร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา
หลังจากงานศพของไมเคิลถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติทุกคนก็กลับมาทำงานตามปกติ ถึงแม้จะผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วแต่บรรยากาศก็ยังดูเงียบเหงาเศร้าสลดไม่สร่างซา โดยเฉพาะทวิชาที่ดูเซื่องซึมจนน่าใจหาย แต่ไม่นานเธอก็ต้องสลัดสิ่งรบกวนจิตใจออกไป หน้าที่ย่อมมาก่อนความรู้สึกส่วนตัว
ตลอดบ่ายวันนี้ดูเหมือนว่าสน.จะระอุไปด้วยประเด็นร้อน เพราะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของที่นี่มีคำสั่งลงมาว่าตำรวจทุกนายของแผนกอาชญากรรมจะต้องเข้าประชุมร่วมหารือในภารกิจสำคัญ เนื่องจากสายของตำรวจเพิ่งรายงานมาว่าทุกครั้งที่เกิดเหตุจราจลอาวุธสงครามจะถูกขนย้ายจากโรงงานผลิตรายใหญ่ไปไว้ที่ไหนสักแห่งในแถบชายแดนเม็กซิโก โดยใช้เมืองนวร์กเป็นเส้นทางหลักในการลำเลียง
หลังจากฟังลูกน้องทำการแจกแจงถึงผลกระทบจากปัญหาใหญ่ที่กำลังลุกลามและขยายพื้นที่ราวกับไฟลามทุ่ง คริสโตเฟอร์ ลีโนแวน นายกเทศมนตรีของเมืองนวร์ก ผู้บังคับบัญชาตำรวจทุกนายในที่นี้ก็ลูบปลายคางใช้ความคิด ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักเมื่อไอเดียดีๆ แวบเข้ามาในหัวสมองอันเฉียบแหลม
“เราคงต้องส่งนางนกต่อเข้าไปสืบในคลังแสงโบลาโกนี” น้ำเสียงทรงพลังเอ่ยขึ้นกลางองค์ประชุม
“แล้วเราจะให้ใครไปล่ะครับท่าน” แมทธิว เมดิสันผู้หมวดหนุ่มมาดกวนของแผนกอาชญากรรมสวนขึ้นทันทีที่ผู้อาวุโสสุดในองค์ประชุมกล่าวจบ
“นั่นน่ะสิคะ การที่จะเข้าไปล้วงคอเจ้าพ่อมันเป็นงานที่หนักหนาและเสี่ยงอันตรายเอาการ” หมวดนีน่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะให้ลูกผู้หญิงไปเสี่ยงอันตราย ฟรานเชเซียส โบลาโกนี ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายและป่าเถื่อนมากแค่ไหนทุกคนในที่นี้ก็น่าจะรู้ดี
“ก็คงจะเป็นนักข่าวคนเดิมนั่นแหละ เธอดูกล้าหาญดี” เธอที่ผู้อาวุโสกล่าวถึงคือนักข่าวสาวสายอาชญากรรมของสำนักข่าวดัง ที่เคยอาสาเข้ามาร่วมสืบคดีกับทางตำรวจหลายต่อหลายครั้ง อลิซาเบธ เทเลอร์ไม่เพียงแค่เป็นนักข่าวขาลุยเธอยังเคยเป็นอดีตนายตำรวจฝีมือดี แต่ต้องลาออกจากราชการเพราะหูพิการจากแรงระเบิดในเหตุการชุมนุมต่อต้านนโยบายของรัฐบาลเมื่อสามปีก่อน
“มันจะดีเหรอครับท่าน เอาคนไม่มีทักษะการต่อสู้ไปทำงานใหญ่แบบนี้” จ่าวัยใกล้เกษียณนายหนึ่งแย้งอย่างสุภาพ เพราะไม่เห็นด้วยกับศักยภาพของนักข่าวสาว ถึงแม้ว่าเธอจะเคยผ่านงานมาแล้วหลายครั้งก็ตาม
“ใครว่าล่ะ เธอเป็นอดีตตำรวจฝีมือดีเชียวนะ แต่หูพิการก็แค่นั้น” น้อยคนนักที่จะรู้ความจริงเกี่ยวกับนักข่าวสาวในข้อนี้ และท่านนายกเทศมนตรีก็ไม่คิดว่าหูพิการจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานในครั้งนี้
“แต่ดิฉันว่าให้คนอื่นไปทำแทนเถอะนะคะ อย่าให้เธอไปเลยมันเสี่ยงอันตราย” หมวดออร์ลีนหันไปบอกท่านนายยกเทศมนตรีด้วยความเป็นห่วงนักข่าวสาว ซึ่งหมวดนีน่าก็พยักหน้าเห็นด้วยอีกแรง
“นั่นสิครับท่าน มันเสี่ยงเกินไปนะผมว่า” หนึ่งในนั้นเห็นด้วยเพราะว่างานในครั้งนี้มันไม่ต่างอะไรกับล้วงคอพญาราชสีห์ตัวเอ้ แถมพญาราชสีห์ตัวนี้ยังมีเขี้ยวเล็บแหลมคมและพิษสงรอบด้าน การจะทำภารกิจใหญ่อย่างนี้คงไม่เหมาะกับผู้หญิงเป็นแน่
“งั้นเราจะให้ใครไปล่ะ ในเมื่อทางนั้นเขาระบุว่าต้องการนักวิทยาศาสตร์สาว หรือพวกคุณจะแต่งหญิงแล้วปลอมตัวไปเอง” ว่าพลางไล่กวาดสายตาคมกริบมองใบหน้าของลูกน้องที่เป็นชายทั้งแท่งทีละคน ซึ่งชายชาตรีอกสามศอกทุกนายในที่นี้ต่างพากันหลบตาผู้อาวุโสพัลวัน ด้วยเกรงว่าตัวเองจะเป็นผู้ถูกเลือก
ทุกคนอดที่จะขำกับวาจาที่ท่านนายกเทศมนตรีเปล่งออกมากันไม่ได้ ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดในห้องประชุมยังมีอารมณ์ขันมาพูดจาติดตลก แต่นั่นก็ทำให้ทุกคนที่กำลังถกเถียงและออกหัวคิดรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ดิฉันขออาสาไปทำงานนี้เองค่ะ” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวมั่นคงของสารวัตรทวิชา แฟรงคลินท์ ซึ่งเป็นหัวหน้าของตำรวจ (Chief Police) ทุกนายในที่นี้โพล่งขึ้น ทำให้ตำรวจทั้งห้องประชุมถึงกับพากันหันขวับมามองคนยืดอกรับหน้าที่นางนกต่ออย่างพร้อมเพรียงกัน
“ให้ผู้หญิงไปทำงานใหญ่แบบนี้ มันจะไหวเหรอครับท่าน” ผู้กองแฮริสัน แมคอาดัม ที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของประธานในห้องประชุมเอ่ยขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย
ทวิชาหันขวับไปมองหน้าคนที่เพิ่งพ่นวาจาไม่น่าฟังออกมาพร้อมกับกำหมัดแน่น ตอนเสนอให้นักข่าวสาวไปทำภารกิจอีกฝ่ายนั่งนิ่งเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แต่พอถึงทีเธอเสนอตัวกลับทำท่าจะค้านหัวชนฝา
“ผู้หญิงก็มีศักยภาพไม่ต่างจากผู้ชายนักหรอกค่ะ เผลอๆ อาจจะเก่งกาจกว่าซะด้วยซ้ำ” คนรอเวลานี้มานานตอบโต้ด้วยน้ำเสียงสุภาพ หากแต่วิ่งเข้าทิ่มแทงใจดำคนฟังทุกประโยค นั่นก็เป็นเพราะหญิงสาวไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายมักจะพูดจาดูถูกความสามารถและระดับมันสมองของเพศแม่อยู่เนืองๆ

























































































































































