บทนำ
“เภตรา” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกเธอในระยะประชิด ทางด้านหลัง
หญิงสาวหันขวับไปโดยอัตโนมัติ ดวงตาเบิกโพลงเมื่อเห็นคนตรงหน้า ที่กำลังถือโทรศัพท์แนบหู
“มาทำไม...” เธอหลบสายตาจากเขา แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจที่แน่นอัดให้คลายลง ยอมรับว่าไม่ได้ตั้งตัวที่จะพบเจอสถานการณ์เช่นนี้
“มาหาหนู...กับลูก” เขาลดมือลง แล้วเก็บมือถือเข้ากระเป๋า
“เพื่อ?” หญิงสาวแสยะยิ้มแล้วเหลือบมองเขาด้วยความสังเวช
“ไม่เอาน่า...พี่อยากคุยกับหนู แล้วก็อยากเจอลูกด้วย”
“ลูก...คุณอมันต์คะ ลูกของคุณคุณได้ฆ่าแกกับมือไปแล้ว จำไม่ได้เหรอคะ หึ...อย่ามาน้ำเน่ากับฉันดีกว่า ไร้สาระ จะไปไหนก็ไปเถอะ อย่ามาสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตพวกเราอีกเลย” เธอยกมือขึ้นกอดอกแล้วจ้องตาเขาเขม็ง
กลับเป็นอีกฝ่าย...ที่มองตอบด้วยความเสียใจ เว้าวอน...
“พี่รู้ว่าพี่ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย และหนูก็คงไม่ให้อภัยพี่ แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว พี่ก็อยากรับผิดชอบในสิ่งที่เคยทำลงไป”
“ไม่มีใครต้องการให้คุณรับผิดชอบ...เรามีความสุขกันดีตามประสาแม่ลูก แล้วมันคงแย่มาก ถ้าคุณจะเข้ามาเกี่ยวข้อง” น้ำเสียงของเธอไม่ยินดียินร้าย
จนคนฟังใจหาย ราวกับเขากำลังสนทนาอยู่กับเภตรา ที่ไม่ใช่เธอคนเดิม
บท 1
ท้องฟ้ามืดครึ้ม สายฝนสาดพรมลงมาประปราย แต่ส่อเค้าให้เห็นว่ากำลังจะสาดเทห่าใหญ่ในอีกไม่ช้า เพิ่มความวุ่นวายให้กับผู้คนที่กำลังใช้ชีวิตประจำวัน ต่างก็ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลาและพายุที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาในอีกไม่ช้า
“หนูมิ้น...คุณแม่มารับแล้วจ้า” คุณครูสาวยิ้มหวานให้กับผู้ปกครอง แล้วเดินไปจูงมือเด็กน้อยเจ้าของชื่อพามาส่งถึงหน้าประตูห้องเรียน
“ขอบคุณค่ะครูฟ้า” เภตรายกมือไหว้ครูประจำชั้นของลูกสาวพลางยิ้ม สายตาก็มองลูกน้อยที่กำลังยิ้มร่าเดินเข้ามากอดด้วยความรักและเอ็นดู
“ไม่เลยค่ะ เริ่มคุ้นเคยกับเพื่อนๆ และสภาพแวดล้อมในโรงเรียนแล้ว คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ น้องเป็นเด็กน่ารัก ฉลาดด้วยค่ะ แกแค่ต้องการเวลา เพราะที่ผ่านมาไม่เคยอยู่ห่างคุณแม่เลย” คุณครูอธิบาย แล้วส่งกระเป๋าที่ถือมาด้วยให้คุณแม่
เภตรารับไว้แล้วสะพายไว้ด้านหลัง เพื่อเตรียมความพร้อมในการเดินทางกลับบ้าน
“แม่ต๋า...” บุษบามินตรากอดแม่ของเธอเอาไว้แน่นด้วยความคิดถึง หลังจากต้องต้องแยกจากอกในช่วงกลางวัน เพราะต้องมาโรงเรียนได้สองสัปดาห์แล้ว
แรกๆ เด็กหญิงก็ร้องไห้งอแงตามประสา ด้วยตั้งแต่เกิดจนอายุได้สี่ขวบแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกับแม่ต้องอยู่ห่างติดต่อกันหลายชั่วโมง จิตใจนั้นโหยหาหดหู่เป็นอย่างยิ่ง ทั้งหวาดกลัวและระแวงทุกสิ่งอย่างที่ไม่คุ้นชิน ออกมาจากอ้อมกอดของแม่แล้ว มันรู้สึกไม่อบอุ่น ไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย
แต่ด้วยความเอาใจใส่อย่างดีจากคุณครูและครูพี่เลี้ยง มีของเล่นและกิจกรรมมากมายไว้หลอกล่อตามช่วงวัย รวมถึงเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน ก็พอช่วยดึงความสนใจได้อยู่บ้าง กระนั้น...ลึกๆ ก็ยังคิดถึงแต่แม่อยู่ดี เฝ้ารอคอยเวลาเมื่อไหร่แม่จะมารับ เมื่อไหร่หนอ...จะได้เห็นหน้าแม่อีกครั้ง
“ฝนจะตกแล้ว...แม่ขอพาน้องกลับบ้านก่อนนะคะคุณครู ขอบคุณมากๆ ที่ช่วยดูแลลูกของแม่” เภตรายกมือไหว้อีกครั้งร่ำลาครูของลูกสาว มือหนึ่งยกร่มขึ้นมากางเพื่อกันฝน ก่อนจะใช้อีกมือยกเจ้าตัวน้อยขึ้นอุ้ม แล้วพากันเดินออกไปจากอาคารเรียนโทนสีพาสเทลน่ารักหลังนั้น
“หนูมิ้นอยากกินขนมค่ะแม่ต๋า” หนูมิ้นกอดคอแม่แล้วซบหน้าอิงแอบด้วยความคุ้นเคย ก่อนจะร้องขอด้วยน้ำเสียงออดอ้อน สองเท้าก็ขยับไกวเป็นจังหวะ ไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ท้องฟ้ากำลังโปรยสายฝนลงมาพร่างพราว
“ถึงบ้านก่อนนะลูก วันนี้เราต้องรีบกลับเพราะฝนตก ไม่งั้นเดี๋ยวลูกไม่สบาย ต้องไปหาคุณหมออีกนะคะ”
“ไม่ฉะบาย ก็ต้องไปหาคูมหมอ ต้องกินยาด้วย” เธอพูดไปตามประสา ตามประสบการณ์ที่เคยเจอ
“ใช่...ถ้าไม่ชอบกินยาก็ต้องอย่าดื้อนะคะวันนี้ แม่คงพาแวะซื้อขนมไม่ได้ เราต้องรีบกลับบ้านกัน”
“ได้ค่ะ หนูมิ้นไม่ดื้อก็ได้ ถ้าไม่ดื้อก็จะไม่ป่วยใช่ไหมคะ” เธอผละออกมาแล้วส่ายหน้าเป็นการยืนยัน
“จ้าคนเก่งของแม่...” แล้วจึงหอมแก้มยุ้ยๆ นั้นด้วยความชื่นอกชื่นใจ
เป็นความเคยชิน เป็นสิ่งที่ทำได้ทุกวันทุกเวลาและไม่เคยแหนงหน่าย นั่นคือการได้กอดได้จูบ ได้หอมเจ้าตัวน้อยในอ้อมกอดนี้ และไม่ใช่เพียงลูกหรอกที่ใจหายยามต้องห่างจาก ตัวเภตราเองก็อดที่จะโหวงในอกไม่ได้เช่นกันยามต้องพาลูกมาส่งโรงเรียน
แม้จะเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม เพราะบุษบามินตราเพิ่งจะเข้าเรียนชั้นเตรียมอนุบาล แต่ด้วยความที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเพียงสองคน ทั้งคู่จึงสนิทกันมาก เสมือนเป็นเงาตามตัวของกันและกันก็ว่าได้
สองแม่ลูกเดินออกจากโรงเรียนท่ามกลางผู้ปกครองและเด็กนักเรียนอีกนับร้อย บางคนมีรถส่วนตัว บางคนก็โดยสารรถประจำทางเหมือนกับเธอ
เภตราพาลูกไปยืนรอรถที่ป้ายรถเมย์ ซึ่งยามนี้ค่อนข้างแออัดจอแจ เพราะเป็นเวลาช่วงเดินทางของหลายๆ คนเช่นเดียวกัน เธอวางลูกให้ยืนด้วยตัวเอง แล้วจึงนั่งยองลงข้างๆ เพื่อให้ร่มป้องกันเม็ดฝนที่เริ่มตกหนักลงมาให้มากที่สุด เพื่อรอรถแท็กซี่เจ้าประจำ
“หนูมิ้นยืนดีๆ นะลูก แม่จะโทร.หาลุงตาบหน่อย ยังไม่เห็นมาเลยป่านนี้แล้ว” เธอว่าขณะที่มือหนึ่งล้วงกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาคนขับแท็กซี่ ซึ่งคุ้นเคยกันดี เพราะคอยรับคอยส่งเวลาเธอกับลูกไปไหนมาไหนเป็นประจำ
“ค่า...” เด็กหญิงรับคำอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นแม่จดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ ก็มีแอบเอามือโผล่ออกไปนอกร่ม กวักเล่นน้ำฝนสนุกสนาน
“ลุงตาบ...ใกล้ถึงยัง ฝนกำลังตกเลยตอนนี้ รีบหน่อยนะคะ” เภตราแนบสมาร์ตโฟนกับหูแล้วพยายามฟังเสียงจากปลายสาย แต่เพราะรอบๆ ตัวเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมอึกทึกจอแจ ไม่เอื้ออำนวยต่อการสื่อสารเท่าไหร่นัก
“ว้าย!” เสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของผู้คนดังขึ้นพร้อมเพรียง เมื่อฝนที่ตกโปรยปรายเกิดมีลมพายุโหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีใครทันได้ตั้งตัว
“แม่ต๋า ร่ม...” หนูมิ้นกระโดดตัวลอยเมื่อร่มในมือของมารดาหลุดปลิวลอยตามแรงลม เธอวิ่งตามไปด้วยความไม่ประสา ด้วยกลัวร่มจะหาย แล้วตัวเองกับแม่คงต้องเปียกน้ำฝน
“หนูมิ้น! อย่าไปลูก” หญิงสาวที่พวงอยู่กับการพูดคุยกับคนขับรถแท็กซี่พลันลุกขึ้นยืนโดยไม่สนใจว่าสมาร์ตโฟนและกระเป๋าจะหล่นร่วงจากมือ เมื่อเห็นว่าร่มกำลังปลิวไปอยู่กลางถนนที่รถกำลังสัญจรไปมา และลูกน้อยของเธอก็กำลังจะก้าวตามไปอย่างไม่ลดละ
ผู้คนส่งเสียงวี๊ดว้ายอีกครั้ง เมื่อทุกสายตาหันไปให้ความสนใจที่ตัวเด็กหญิง ท่ามกลางฟ้าฝนที่โหมเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย เภตรารีบวิ่งไปหาลูกอย่างไม่คิดชีวิต ทุกอย่างรอบตัวของเธอดับสนิท ไม่เห็นอะไรนอกจากร่างเล็กป้อมที่กำลังวิ่งเหยาะแหยะตากลมตากฝน ไม่ได้ยินไม่ได้ฟังอะไรทั้งสิ้น เหมือนว่ารอบๆ ตัวได้ถูกหยุดเวลาเอาไว้เสียอย่างนั้น
“หนูมิ้น!” ในที่สุดเธอก็คว้าตัวลูกสาวเอาไว้ได้ แต่...
บทล่าสุด
#35 บทที่ 35 ต่างคนต่างใจ 4
อัปเดตล่าสุด: 12/13/2025#34 บทที่ 34 ต่างคนต่างใจ 3
อัปเดตล่าสุด: 12/13/2025#33 บทที่ 33 ต่างคนต่างใจ 2
อัปเดตล่าสุด: 12/13/2025#32 บทที่ 32 ต่างคนต่างใจ 1
อัปเดตล่าสุด: 12/13/2025#31 บทที่ 31 อยู่ในความทรงจำเสมอ 3
อัปเดตล่าสุด: 12/13/2025#30 บทที่ 30 อยู่ในความทรงจำเสมอ 2
อัปเดตล่าสุด: 12/13/2025#29 บทที่ 29 อยู่ในความทรงจำเสมอ 1
อัปเดตล่าสุด: 12/13/2025#28 บทที่ 28 ทั้งรักทั้งเจ็บ 3
อัปเดตล่าสุด: 12/13/2025#27 บทที่ 27 ทั้งรักทั้งเจ็บ 2
อัปเดตล่าสุด: 12/13/2025#26 บทที่ 26 ทั้งรักทั้งเจ็บ 1
อัปเดตล่าสุด: 12/13/2025
คุณอาจชอบ 😍
รักโคตรร้าย ผู้ชายพันธุ์ดิบ
ปรเมศ จิรกุล หมอหนุ่มเนื้อหอม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เขาขึ้นชื่อเรื่องความฮอตฉ่า เป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยน เทคแคร์ดีเยี่ยม และให้เกียรติผู้หญิงทุกคน ยกเว้นกับธารธารา อัศวนนท์
ปรเมศตั้งแง่รังเกียจธารธาราตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า เพียงเพราะเธอแต่งตัวเหมือนผู้ชาย เขาเลยประณามว่าเธอเป็นพวกผิดเพศน่ารังเกียจ แต่ใครเลยจะรู้ว่าหมอสาวมาดทอมหัวใจหญิงนั้นจะเฝ้ารักและแอบมองเขาอยู่ห่างๆ เพราะเจียมตัวดีว่าอีกฝ่ายแสนจะรังเกียจ และดูเหมือนคำกล่าวที่ว่าเกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้นจะใช้ไม่ได้ผลสำหรับคนทั้งคู่
กระทั่งดวลเหล้ากันจนเมาแบบขาดสติสุดกู่ เขาจึงเผลอปล้ำแม่สาวทอมที่เขาประกาศว่าเกลียดเข้าไส้ หนำซ้ำยังโยนความผิดว่า ‘ความสัมพันธ์บัดซบ’ ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะยัยทอมตัวแสบยั่วเขา เมากับเมาเอากันแล้วไง น้ำแตกก็แยกทาง ทว่าพออีกฝ่ายหลบหน้าเขากลับร้อนรนกระวนกระวาย ครั้นทนไม่ไหวหมอหนุ่มจอมยโสก็ต้องคอยราวี และตามหึงหวงเมื่อมีใครคิดจะจีบ ‘เมียทอม’ ของเขา แต่กว่าจะรู้ตัวว่าขาดเธอไม่ได้ เธอก็หายไปจากชีวิตเขาเสียแล้ว
ลิขิตรักนายสุดหื่น
เรื่องย่อ....
“คุณอัสลาน… คุณออกไปห่างๆฉันหน่อยได้ไหม…ห้องครัวนี่มันก็กว้างมากเลยนะคุณ ทำไมคุณต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย…”
“ก็ผมอยากจะดูว่าคุณใส่ยาเสน่ห์อะไรลงไปในอาหารหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกโหยหาคุณตลอดเลย…”
“ใครจะบ้ามาใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกินล่ะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้นอนแล้ว… ขืนใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกิน ฉันไม่นอนแกผ้าให้คุณเอาทั้งวันเลยเหรอ…”
“หึๆ…ก็คุณมันน่ามั่นเขี้ยวนิ จะจับจะตบตรงไหนก็แน่นไปหมดเลย…แถมกลิ่นตัวก็หอมไปยันหอยเลย…อืม…พูดไปแล้วขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยสิ วันนี้ทำงานมาโคตรเหนื่อยเลย…”
“อื้อ…คุณจะทำอะไรน่ะคุณฮัสลาน นี่มันในห้องครัวนะคุณ…เดี๋ยวพวกแม่บ้านเดินเข้ามาจะทำยังไงคะ…ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จะมาดมอะไรตรงนี้”
“ก็ผมอยากดมตอนนี้ไงคุณ…เห็นหน้าคุณแล้วผมก็รู้สึกเสี้ยนจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย…ขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ”
“อ้ะ….คุณอัสลาน….อื้อ….ทำไมคุณมันหื่นแบบนี้เนี่ย….เอามือของคุณออกไปนะ เดี๋ยวคนมาเห็น….อ้ะ…ซี๊ด…อ่าส์….”
โซ่สวาทร้อนรัก
“มันเรื่องของฉัน ตัวฉันของฉันนมก็นมของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”
“ก็สิทธ์ของความเป็นผัวคนแรกของคุณไง นมคุณน่ะเป็นของผม ทั้งตัวคุณก็เป็นของผม...เข้าใจไหม? ”
คาเรน เซนโดริก อายุ 32 ปี
หนุ่มลูกครึ่งอเมริกา-อาหรับ ที่มีบุคลิกสุขุมเยือกเย็น เจ้าเล่ห์แสนกล และยังเป็นCEO บริษัทไอทีอินเตอร์เนชั่นกรุ๊ปชื่อดังในอเมริกาที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ในแต่ละวันจะมีสาวๆมาคอยปนเปรอสวาทให้เขาในทุกค่ำคืน และในที่สุดเขาก็จัดการเหยื่อสาวผิดคน เพราะคิดว่าเธอคือคนที่ลูกน้องหามา จึงใช้เงินปิดปากเธอให้จบเรื่อง แต่ใครจะคิดว่าเขาต้องมาเจอกับเธออีกครั้ง
ทับทิม รินลดา ชลวัตร อายุ 25 ปี
สาวแว่นช่างเพ้อ ที่มีความสามารถรอบด้าน พ่วงด้วยวาจาอันจัดจ้านไม่ยอมใคร จนถูกคัดเลือกให้ไปดูงานที่ดูไบ ต้องมาเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสาวสวยสุดมั่นสำหรับงานครั้งนี้ แต่พอไปถึงเธอกลับถูกซาตาน พรากพรหมจรรย์ไปตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง และซาตานคนนั้นก็ดันเป็นเจ้าของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปเมื่อต้องเจอกับเขาอีกครั้ง
ขย่มรักมาเฟีย
"ความทรงจำบ้าบออะไรของคุณ ฉันไม่อยากจะทบทวนอะไรทั้งนั้น ออกไปห่างๆฉันเลยนะ...อื้อ...ปล่อยฉันสิ ไอ้มาเฟียบ้า...จะมายุ่งกับฉันทำไมห้ะ!...."
"ไม่ยุ่งกับเมีย...แล้วจะให้ไปยุ่งกับหมาแมวที่ไหนล่ะหึ...ไม่ได้เจอตั้งนาน...คิดถึงดุ้นของผมไหม...อยากจะอม...อยากจะเลียเหมือนที่เคยทำหรือเปล่า...."
"ไม่....ถ้าคุณเสี้ยนมากนักก็ไปเอากับผู้หญิงของคุณสิ..ผู้หญิงพวกนั้นเขาเต็มใจทำให้คุณแบบถึงอกถึงใจ คุณจะมาบีบบังคับฉันให้เสียแรงทำไม"
"ก็ผู้หญิงพวกนั้นมันไม่ตื่นเต้นเหมือนกับคุณนิ....ผมชอบใช้แรง...โดยเฉพาะกับคุณ....ชอบเยแรงๆ....ตอกแบบจุกๆ และที่สำคัญผมชอบตอนที่คุณครางเหมือนคนกำลังจะตายตอนที่ผมกำลังเอาคุณ"
"ใครโดนคุณเอาก็ต้องครางเหมือนจะตายกันทั้งนั้นแหละ ใหญ่เกินบ้านเกินเมืองซะขนาดนั้น ไปผู้หญิงเอาพวกนั้นไป อย่ามายุ่งกับฉัน...อื้อ...ปล่อยฉันสิ"
"ทำไมชอบไล่ให้ผมไปเอาคนอื่นนักหึ....ไม่เข้าใจเหรอว่าผมจะเอาคุณ....ผมชอบหอยฟิตๆของคุณมากกว่า...ผมหลง...ผมคลั่งไคล้...และผมก็อยากจะได้มันอีก...หลายๆครั้ง....ซ้ำแล้วซ้ำเล่า....จนกว่าหอยน้อยๆของคุณมันจะรับไม่ไหว...อืม....ไม่ได้เอามานานแล้ว....คุณให้ใครมาซ้ำรอยผมหรือเปล่า...."
เด็กดื้อคนโปรด (ของมาเฟีย) BAD
หนุ่มหล่อ ลูกชายมาเฟียตระกูลใหญ่ผู้เย็นชาไร้ความรู้สึก เขาถูกผู้หญิงหลายคนตราหน้าว่าไร้หัวใจ ถึงอย่างนั้นเพราะความหล่อก็ยังมีผู้หญิงอีกมายมายที่พร้อมจะขึ้นเตียงกับเขา
แต่มีผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารังเกียจและไม่อยากเจอหน้าถึงแม้เธอจะพยายามเท่าไรก็ไม่มีวันมีค่าในสายตาของเขา
“อยากเป็นเมียฉันมากไม่ใช่หรือไง ฉันกำลังจะสนองให้เธอเป็นอยู่นี่ไง แต่ไม่ใช่ในฐานะเมียแต่ง อย่าคิดหวังสูงเกินไป!!”
มิลิน
เธอถูกคนที่ตัวเองแอบรักมาตั้งแต่เด็กรังเกียจเพียงเพราะเขาคิดว่าแม่เธอคือเมียน้อยของพ่อเขา ถึงแม้เขาจะไม่สนใจใยดีอะไรเธอเลย แต่เธอก็ยังรักเขาหมดหัวใจ
ทั้งที่คิดว่าหากยอมยกร่างกายให้เขาแล้วจะได้ความรักกลับคืนมา แต่สุดท้ายก็ได้เพียงความเกลียดชัง
I’m evil guy ปีศาจตัวร้ายพ่ายรัก
3P อาหมวยโดนอาเฮียใหญ่ทั้งสองจับทำเมีย
ทาสสวาทอสูรเถื่อน
“แพงไปหรือเปล่า สำหรับค่าตัวของคุณอย่างมากก็คืนละแสน” ฟรานติโน่พูดไปพร้อมกับมองร่างบางที่กำลังนั่งอยู่บนตักของเขาด้วยสายตาหื่นกระหาย เขายอมรับว่าเขาชอบผู้หญิงคนนี้ เพราะเธอสวยและที่สำคัญนมตูมชะมัดยาก
มันโดนใจเขาจริงๆ ยิ่งสเต็ปการอ่อยของผู้หญิงคนนี้เขาก็ยิ่งชอบ เพราะมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เธอกำลังทำ
“ถ้าคุณไม่สู้ก็ปล่อยฉันสิคะ ฉันจะได้ไปหาคนที่เขาใจถึงกว่าคุณ” พิชชาภาพูดจบก็เอามือยันหน้าอกของฟรานติโน่แล้วทำท่าจะลุกออกจากตักของเขา ก่อนจะถูกมือใหญ่รั้งเอวไว้ไม่ให้ลุกขึ้น
“ได้ ผมจะให้คุณคืนละล้าน แต่คุณต้องตามใจผมทุกอย่าง” ฟรานติโน่พูดไปพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ คิดว่าคนอย่างเขาจะยอมเสียเงินหนึ่งล้านบาทง่ายๆงั้นเหรอ คอยดูเถอะเขาจะตักตวงจากเธอให้คุ้มสมราคาที่เขาต้องจ่ายไป
เมียขัดดอก
"คุณหมอคะฉันขอร้องล่ะคุณหมอช่วยแม่ฉันด้วยเถอะนะ" หญิงสาวขอร้องอ้อนวอนถึงขั้นยกมือขึ้นมากราบไหว้
"ทางเราช่วยได้เท่าที่ช่วยจริงๆ" ถ้าเขาทำแบบนั้น โรงพยาบาลของเขาอาจจะถูกฟ้องได้ ซึ่งมันไม่เป็นผลดีเลย และมันก็ไม่คุ้มกับการเสี่ยง
"ฉันขอร้องล่ะค่ะ จะให้กราบเท้าฉันก็ยอม"
"คุณอย่าทำแบบนี้เลย"เขารีบพยุงร่างของหญิงสาวที่กำลังจะคุกเข่าลงตรงหน้าให้กลับขึ้นมายืนใหม่อีกครั้ง
"คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันเคยเรียนหมอมาค่ะ ฉันคงพอช่วยงานคุณได้ไม่มากก็น้อย" เพราะเธอเคยเรียนมาด้านนี้ก็เลยรู้ว่าใครที่สามารถจะช่วยแม่ของเธอได้ และก็รู้ด้วยว่ามันเสี่ยงมากถ้าจะทำแบบนี้
"คุณก็เคยเรียนหมอมา คุณก็คงจะรู้ผมคงช่วยไม่ได้"
"ถ้าเปลี่ยนจากช่วยงานเป็นเอาร่างกายของฉันแลกเปลี่ยนได้ไหมคะ"
"คุณพูดอะไร"
"ถ้าคุณหมอยอมช่วยผ่าตัดให้แม่ฉันฉันจะยอมมอบร่างกายให้คุณค่ะ" เธอมีคนที่จะมาบริจาคอวัยวะแล้ว เหลือแค่การผ่าตัดเท่านั้น..
BAD FIANCE พันธะรักคู่หมั้นใจร้าย
ดิบ เถื่อน รัก
เมื่อตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนกับ ‘อดีตเพื่อนรัก’ ที่กลายเป็นเพื่อนชัง เพื่อนที่เธอแอบรักเขาเพียงแค่ข้างเดียว เพื่อนที่ตราหน้าว่าเธอคือคนที่ทำให้ผู้หญิงที่เขารักจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
“ตั้งแต่วันนี้เราขาดกัน! มึงไม่ใช่เพื่อนกูอีกต่อไป อ้อ…แล้วก็จำเอาไว้ด้วยล่ะ ว่าแม้แต่แอบรักกูมึงก็ไม่มีสิทธิ์” เขาประกาศตัดความสัมพันธ์อย่างสิ้นเยื่อขาดใย วาจาทำร้ายหัวใจอย่างแสนสาหัสทำให้เธอน้ำตารื้น
“จอมมึงฟังกูก่อนได้ไหม”
เสียงสั่นเครือพยายามเอ่ยวิงวอน จากนั้นเธอก็วิ่งตามร่างใหญ่ไป แล้วยื้อแขนกำยำเอาไว้สุดแรง ก่อนจะถูกผลักลงไปกองกับผืนทรายร้อนๆ อย่างไร้ปรานี ครั้นจะตามไปยื้ออีกหนก็ต้องผงะ หลับตาปี๋ กลั้นหายใจตัวแข็งทื่อ เมื่อจอมโหดควักปืนออกมายิงเฉียดใบหูไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
ปัง!
“ออกไปจากชีวิตกูซะ! แล้วก็อย่ากลับมาให้กูเห็นหน้าอีก!”
เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน ขณะทอดสายตาชิงชังมาให้ จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้คนถูกเขาผลักไสออกไปจากชีวิตร้องไห้ปานปิ่มจะขาดใจ
คุณฟอร์บส์
โอ้พระเจ้า! คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นและหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน แม้แต่ตอนนี้ เขาก็ยังเป็นคนเดิมที่หยิ่งยโสและชอบบงการทุกอย่างตามใจตัวเอง
"ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย?" ฉันถาม ขณะที่รู้สึกว่าขาของฉันเริ่มอ่อนแรง
"ขอโทษนะถ้าฉันทำให้เธอคิดว่าเธอมีทางเลือก" เขาพูดก่อนจะคว้าผมของฉันแล้วดันตัวฉันลง บังคับให้ฉันก้มลงและวางมือบนโต๊ะทำงานของเขา
โอ้ พระเจ้า มันทำให้ฉันยิ้ม และทำให้ฉันยิ่งเปียกชุ่ม บรายซ์ ฟอร์บส์ ดุเดือดกว่าที่ฉันเคยจินตนาการไว้มาก
แอนนาลีส สตาร์ลิ่ง สามารถใช้คำพ้องความหมายทุกคำในพจนานุกรมเพื่ออธิบายเจ้านายจอมโหดของเธอ และมันก็ยังไม่เพียงพอ บรายซ์ ฟอร์บส์ เป็นตัวอย่างของความโหดร้าย แต่โชคร้ายที่เขาก็เป็นตัวอย่างของความปรารถนาที่ไม่อาจต้านทานได้เช่นกัน
ในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างแอนน์และบรายซ์ถึงจุดที่ควบคุมไม่ได้ แอนนาลีสต้องต่อสู้เพื่อไม่ให้ยอมแพ้ต่อสิ่งยั่วยวน และต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก ระหว่างการตามความทะเยอทะยานในอาชีพของเธอหรือยอมแพ้ต่อความปรารถนาลึกๆ ของเธอ เพราะเส้นแบ่งระหว่างสำนักงานและห้องนอนกำลังจะหายไปอย่างสิ้นเชิง
บรายซ์ไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อให้เธอออกไปจากความคิดของเขา แอนนาลีส สตาร์ลิ่ง เคยเป็นแค่เด็กสาวที่ทำงานกับพ่อของเขา และเป็นที่รักของครอบครัวเขา แต่โชคร้ายสำหรับบรายซ์ เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ขาดไม่ได้และยั่วยวนที่สามารถทำให้เขาคลั่งได้ บรายซ์ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถห้ามมือของเขาไม่ให้แตะต้องเธอได้นานแค่ไหน
ในเกมที่อันตราย ที่ธุรกิจและความสุขต้องห้ามมาบรรจบกัน แอนน์และบรายซ์ต้องเผชิญกับเส้นแบ่งที่บางเบาระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ที่ทุกสายตาที่แลกเปลี่ยน ทุกการยั่วยุ เป็นคำเชิญให้สำรวจดินแดนที่อันตรายและไม่รู้จัก













