ขอบแห่งความสิ้นหวัง
ที่เหลือของงานเลี้ยงเลือนรางในความทรงจำของฟิโอน่า ในหัวของเธอวนเวียนไปด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของลูกน้อย เช้าวันต่อมา เธอยืนอยู่หน้ากระจกเงา ภาพสะท้อนที่จ้องกลับมานั้นซีดเซียวและดูอมทุกข์
ดวงตาของเธอคล้ำและบวมฉ่ำ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่ม เธอส่ายศีรษะพร้อมกับรอยยิ้มขมขื่นและรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว นี่คือสัปดาห์ใหม่ และเธอมีที่ที่ต้องไป
เธอยกมุมปากขึ้นขณะจ้องมองป้ายขนาดใหญ่ของร้านกาแฟแห่งหนึ่ง 'เฮฟเวน คาเฟ่' เป็นที่เดียวในเมืองนี้ที่ช่วยให้เธอหลุดจากปัญหาทั้งหมดที่บ้านได้ เธอหางานทำที่นี่ได้สำเร็จ
"ฟิโอน่า!!" ฟิโอน่าได้ยินเสียงเรียกชื่อทันทีที่ก้าวเข้าร้าน รอยยิ้มของเธอกว้างขึ้นเมื่อเห็นทาชากำลังเดินเข้ามาหาพร้อมกับอ้าแขนกว้างเพื่อกอด
"ฉันคิดถึงเธอมากเลย" เธอพึมพำขณะกอดฟิโอน่าแน่น
"จริงเหรอเนี่ย ฉันเพิ่งหายไปแค่วันเดียวนะ" ฟิโอน่าบอกเธอด้วยภาษามือ และทาชาก็เข้าใจในทันที
"วันเดียวเหรอ มันรู้สึกเหมือนนานเป็นชาติเลยนะ รู้ไหมว่าเมื่อวานฉันต้องดูแลร้านคนเดียวมันลำบากแค่ไหน" ทาชาทำปากยื่นใส่เธออย่างงอนๆ
"แสดงว่าพี่ไม่ได้คิดถึงฉัน แต่คิดถึงงานที่ฉันควรจะทำใช่ไหม" ฟิโอน่าพูดติดตลกและยิ้มบางๆ
"เธอก็รู้น่าว่าฉันหมายถึงอะไร"
"เอาน่า ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว พี่จะได้ไม่ต้องคิดถึงฝีมือฉันอีกต่อไป" ฟิโอน่าทำภาษามือตอบกลับ เล่นตามมุกของเธอไป แล้วพวกเธอทั้งสองก็ระเบิดหัวเราะออกมา
ทาชาเป็นเพื่อนแท้เพียงคนเดียวที่ฟิโอน่ามีหลังจากเข้าร่วมฝูงผู้พิทักษ์ศิลาจันทรา เธอเป็นผู้หญิงที่งดงามและเอาใจใส่ แม้ว่าเธอจะอายุไม่มากกว่าฟิโอน่ามากนัก แต่เธอก็ดูแลฟิโอน่าเหมือนพี่สาวแท้ๆ
เธอยังอุตส่าห์เรียนภาษามือเพื่อฟิโอน่า แม้จะยังไม่เก่งนัก แต่เธอก็พยายามทำความเข้าใจฟิโอน่าเสมอ
เวลาที่ได้อยู่กับทาชามักจะสบายใจและมีความสุขเสมอ ชั่วพริบตาเดียว ช่วงเช้าก็ผ่านไป และลูกค้าก็เต็มแน่นร้าน ฟิโอน่าได้รับออเดอร์ด่วนให้ไปส่ง ตอนที่ทาชากำลังยุ่งอยู่กับการดูแลลูกค้ารายอื่น
ที่อยู่ไม่ได้ไกลมากนัก เธอจึงตัดสินใจไปส่งด้วยตัวเอง แต่ทว่า เมื่อไปถึงที่หมาย เธอก็เพิ่งรู้ว่ามันคือบริษัทของไมเคิล ทำไมเธอถึงไม่ทันสังเกตก่อนหน้านี้นะ
ไมเคิลคงไม่ดีใจแน่ที่เห็นเธอที่นี่ เพราะเขาเคยเตือนเธอไว้แล้วว่าอย่ามาอยู่ในที่เดียวกับเขาเวลาที่อยู่ข้างนอก บริษัทของเขาจึงเป็นเขตหวงห้ามสำหรับเธอ
เธออยากจะหันหลังกลับ แต่ก็คิดว่ามาถึงที่นี่แล้วและไม่อยากสร้างปัญหาให้ทาชา เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินเข้าไปในอาคาร พนักงานต้อนรับบอกทางไปยังห้องทำงานของเขาอย่างใจดี
"ฉันควรจะวางของไว้ที่หน้าประตูแล้วก็ไปเลย" เธอคิดกับตัวเอง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากห้องทำงานของไมเคิล
"ฉันต้องรอไปอีกนานแค่ไหน ไมเคิล" นั่นคือเสียงของพริสก้า น้ำเสียงของเธอดังราวกับเสียงกรีดร้อง
"ฉันเบื่อที่ต้องเห็นผู้หญิงคนนั้นอยู่ในที่ที่ควรจะเป็นของฉัน! คุณเป็นของฉัน และมันควรจะเป็นเราที่ได้แต่งงานกัน!"
ของฉันเหรอ ฟิโอน่าไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์โกรธไว้ได้เมื่อได้ยินคำนี้ พวกเขาเรียกกันแบบนี้อย่างนั้นเหรอ แต่นั่นมันควรจะเป็นคำที่สงวนไว้สำหรับคู่เมทไม่ใช่หรือ เธอกล้าดียังไงมาอ้างว่าเขาเป็นของเธอ!
"เขาเป็นของฉัน!" ฟิโอน่ากรีดร้องในใจ แต่... เขาเป็นของเธอจริงๆ เหรอ
ขณะที่มือของเธอเลื่อนขึ้นไปกุมลำคอ หัวใจของเธอก็ร่วงวูบ การไม่มีรอยตราของไมเคิลบนผิวหนังเป็นสิ่งย้ำเตือนอยู่เสมอว่าเขารังเกียจความคิดที่จะรับเธอเป็นคู่เมทอย่างสมบูรณ์ ด้วยการเคลื่อนไหวที่ไตร่ตรองไว้แล้ว เธอจึงแง้มประตูออกเล็กน้อย อยากรู้อยากเห็นว่าไมเคิลจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อคำตัดพ้อของพริสก้า
เธอภาวนาว่าตัวเองไม่น่าทำแบบนี้เลย จะได้ไม่ต้องมาเห็นภาพไมเคิลดึงพริสก้าเข้าไปใกล้อย่างรักใคร่ในแบบที่เขาไม่เคยทำกับเธอมาก่อน
"คุณก็รู้ว่าการแต่งงานของผมกับเธอไม่ได้มีความหมายอะไร" เขากล่าว ก่อนจะประทับจูบเบาๆ ลงบนเรือนผมของหล่อน
มันเป็นแค่เพราะคำขอสุดท้ายของพ่อผมเท่านั้น คุณคือคนเดียวในใจผมเสมอและตลอดไป
น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของฟิโอน่า หัวใจของเธอเจ็บปวดราวกับกำลังแหลกสลาย
เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธออยากจะวิ่งหนีไป แต่พริสก้ากลับสังเกตเห็นเธอเข้าพอดี ดวงตาของหล่อนเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
"ฟิโอน่า?" หล่อนร้องทัก
ฟิโอน่าตื่นตระหนกเมื่อไมเคิลหันมามองเธอ
"ฉันจะหนีจากสถานการณ์นี้ได้ยังไง" เธอถามตัวเอง
"เธอมาทำอะไรที่นี่" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและดวงตาของเขาก็แดงก่ำ
ฟิโอน่าไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อน เธอก้มหน้าลงด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร
"ฟิโอน่า... ฉันไม่คิดเลยว่าจะเจอเธอที่นี่" เสียงแหลมสูงของพริสก้าดังขึ้นขณะที่หล่อนเดินเข้ามาหาฟิโอน่า
"มาหาสามีของเธอเหรอจ๊ะ" น้ำเสียงของหล่อนเยาะเย้ยจนฟิโอน่ารู้ได้ทันทีว่าหล่อนตั้งใจจะยั่วโมโหเธอ ฟิโอน่าสูดหายใจเข้าลึกๆ หยิบของที่สั่งขึ้นมาและตั้งใจจะวางมันลงบนโต๊ะทำงานของเขา
"อ๋อ... ที่แท้ก็แค่มาส่งของให้พวกเรานี่เอง"
พริสก้าพ่นลมหายใจอย่างดูแคลนและฉวยกาแฟไปจากมือเธออย่างหยิ่งผยองก่อนจะเดินกลับไปหาไมเคิล
"ใจเย็นๆ สิคะที่รัก... คุณไม่ต้องไปโกรธเธอหรอก... เธอก็แค่มาทำงานของเธอ" หล่อนยิ้มเยาะขณะลูบไล้มือไปบนแผงอกของไมเคิลอย่างยั่วยวน โดยไม่สนใจการมีอยู่ของฟิโอน่าเลย
ฟิโอน่ายืนมองอย่างเงียบๆ เหมือนคนโง่ ขณะที่ไมเคิลสงบลงตามคำพูดของหล่อน เขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ
"คุณตามใจฉันมากเกินไปแล้วนะคะ จนถึงขั้นละเลยภรรยาของคุณเลย" หล่อนบ่น พลางแสร้งทำเป็นเห็นใจฟิโอน่า
ฟิโอน่ารู้ดีว่าพริสก้ากำลังสนุกกับความเจ็บปวดทรมานที่เธอรู้สึกอยู่ในขณะนั้น
ฟิโอน่าอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ไมเคิล แต่สายตาของเขากลับจับจ้องอยู่ที่พริสก้าเพียงผู้เดียวราวกับว่าหล่อนคือสิ่งล้ำค่าที่สุดในโลก และการได้เห็นภาพนั้นก็เพียงพอที่จะฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็นแล้ว
"ทำไมฉันยังคงมีความหวังโง่ๆ ว่าสักวันเขาจะรักฉันนะ ฉันน่าจะเรียนรู้ได้ตั้งนานแล้วว่าฉันไม่มีโอกาสได้หัวใจของเขามาครอง ในเมื่อมันเป็นของพริสก้าเพียงผู้เดียว" ฟิโอน่าถามตัวเองอย่างเจ็บปวด เธอตัดสินใจจะจากไป แต่พริสก้าก็เรียกชื่อเธอไว้
"เดี๋ยวก่อนสิ เธอลิมทิป" หล่อนพูดพลางหยิบธนบัตรดอลลาร์สองสามใบออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ฟิโอน่า สายตาของฟิโอน่าจับจ้องไปที่เงินนั้น ใบหน้าของเธอเรียบเฉยจนอ่านไม่ออก จำนวนเงินดูมากเกินกว่าจะเป็นทิป ทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่านี่คือความพยายามที่จะดูถูกเธอหรือไม่
เธอส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ และนั่นก็ยิ่งทำให้พริสก้ายิ้มอย่างร้ายกาจ
"ทำไมล่ะ ไม่เอาเหรอ ฉันว่าเธอคงต้องการมันมากนะ เอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัวไง นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เธอต้องไปทำงานที่คาเฟ่เล็กๆ นั่นเหรอ ทั้งๆ ที่เป็นเมทของอัลฟ่าน่ะ"
ฟิโอน่ากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ พยายามจะโต้ตอบแต่ก็ยั้งตัวเองไว้เพราะรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์
"ก็รับทิปบ้าๆ นั่นไปแล้วก็ออกไปซะ!!" เสียงเกรี้ยวกราดของไมเคิลดังลั่นขึ้นในห้องทำงาน ทำให้ฟิโอน่าสะดุ้งโหยง
เขาเกลียดการที่เห็นเธออยู่ที่ทำงานของเขาขนาดนั้นเลยเหรอ เธอพยายามกลั้นน้ำตาและฝืนยิ้มก่อนจะรับเงินนั้นมา เธอกำลังจะจากไป แต่เสียงของเขาก็รั้งเธอไว้อีกครั้ง
"จำตำแหน่งของตัวเองไว้ด้วย ฟิโอน่า" เขาพูดเสียงกร้าว
"อย่าหลงละเมอเพ้อพกไปกับสิ่งที่ไม่ได้เป็นของเธอ และอย่าได้คิดที่จะแหกกฎของฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอได้ชดใช้อย่างสาสม"
ฟิโอน่าพยักหน้าเงียบๆ ทั้งที่หัวใจเจ็บปวดรวดร้าว จากนั้นเธอก็เดินออกจากตึกก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบใบหน้า ข้างนอกฝนเริ่มตกหนัก
เธอไม่ใส่ใจนัก เพราะมันช่วยซ่อนน้ำตาของเธอได้ดีขึ้น แต่แล้วจู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา ทำให้เธอสูญเสียการควบคุมรถมอเตอร์ไซค์และล้มลง
เจ็บเหลือเกิน...
ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวและร่างกายของเธอก็ชาดิกไปทั้งตัวด้วยความเจ็บปวด เธออยากจะร้องขอความช่วยเหลือแต่กลับส่งเสียงออกมาไม่ได้
"โอ้พระเจ้า! ใครก็ได้ช่วยฉันที! ฉันไม่อยากเสียลูกไป!!"
