บทที่หนึ่ง
มุมมองของเอเลน่า
“จงคำนับอัลฟ่าคนใหม่ของพวกเจ้า ผู้ปกครองหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของเหล่าอัลฟ่า อัลฟ่าคนใหม่แห่งฝูงไพรด์ร็อค มาทิลด้า บาร์นส์!”
เลือดในกายฉันพลันเหือดแห้งไปจนหมด ขณะที่ฉันครุ่นคิดถึงคำพูดของพ่อซ้ำไปซ้ำมาจนภาพตรงหน้าพร่าเลือนและฉันก็ได้แต่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าว่างเปล่าท่ามกลางฝูงชนที่กำลังโห่ร้องยินดี
มาทิลด้างั้นหรือ
ไม่ใช่เอเลน่า
ท่านเอ่ยถึงลูกสาวตระกูลบาร์นส์ ใช่ แต่กลับไม่ใช่ฉัน แต่เป็นน้องสาวต่างแม่ของฉัน
ขณะที่ฉันยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ พยายามทำความเข้าใจและตระหนักถึงความหมายของสิ่งที่เพิ่งได้ยิน มือข้างหนึ่งที่คว้าไหล่ฉันไว้ก็กระชากฉันออกจากภวังค์
กลิ่นของคู่แท้ของฉันแทรกซึมเข้ามาในโพรงจมูก และทันทีที่จำได้ว่าเดวิดอยู่ข้างๆ ฉัน หัวใจที่หนักอึ้งของฉันก็เบาลงเล็กน้อย ฉันฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอหน่วย
เดวิด คู่แท้ของฉัน ยืนสง่า สูงและหล่อเหลา จนได้รับสายตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบังจากผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มาร่วมงาน แต่ฉันก็ภูมิใจที่รู้ว่าเขาเป็นของฉัน เป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว เขาคือผู้ชายของฉัน คู่แท้ของฉัน
“เดวิด...” ฉันเอ่ยเรียกด้วยเสียงเครือ โกรธตัวเองที่เสียงฟังดูสิ้นไร้หนทาง แต่ก็ไม่กลัวที่จะปล่อยให้น้ำตารินไหลอาบแก้ม ฉันจะเสียอะไรไปได้มากกว่านี้อีกล่ะ ไม่ใช่ว่ามีใครสนใจเราอยู่แล้วนี่ ทุกคนต่างจับจ้องไปยังอัลฟ่าคนใหม่ที่กำลังกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง ไม่มีใครสนใจฉันเลย ลูกสาวอัลฟ่าที่มีสายเลือดโอเมก้าไหลเวียนอยู่ในกาย ลูกสาวผู้อ่อนแอที่ไม่มีหมาป่า ลูกสาวที่ถูกขับไล่ไสส่ง
แต่ฉันคือลูกสาวคนโต และฉันสมควรได้รับตำแหน่งนั้น ตำแหน่งที่น้องสาวต่างแม่ของฉันเพิ่งจะได้รับไป ฉันสมควรได้รับมัน สิ่งที่เป็นของฉันโดยชอบธรรมถูกพรากไปจากฉัน
“เกิดอะไรขึ้นเอเลน่า ทำไมมาทิลด้าถึงไปอยู่บนนั้น ไม่ใช่เธอ” น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความร้อนใจและความไม่แน่นอน “ฉันนึกว่าเธอจะไปคุยกับท่านแล้วเสียอีก”
“ฉันคุยแล้วแน่นอน” ฉันยิ้มขมขื่น “แต่สุดท้ายแล้วการตัดสินใจก็เป็นของท่าน ฉันมันโง่เองที่ไปหวังว่าท่านจะเลือกฉัน ทุกอย่างที่ฉันทำมามันสูญเปล่า ฉันทำงานหนักแทบตาย ฝึกฝน หรือแม้กระทั่งไปไกลถึงขั้นช่วยท่านในการประชุมต่างๆ และช่วยงานท่านในห้องทำงาน ฉันอยากจะชดเชยความจริงที่ว่าฉันไม่มีหมาป่าของตัวเอง เดวิด”
ฉันเช็ดน้ำตาอย่างเกรี้ยวกราดแล้วพูดต่อ “มาทิลด้าไม่เคยทำห่าอะไรเลย เอาแต่ไปมั่วสุมกับพวกงี่เง่านั่นแล้วก็ปาร์ตี้ไปวันๆ ฉันไม่เคยได้มีความสุขกับวัยเด็กหรือวัยรุ่นเลย ในขณะที่ยัยนั่นมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ สิ่งที่ยัยนั่นมีก็แค่หมาป่า มาทิลด้าไม่มีสมองด้วยซ้ำ หลังจากทุกอย่างที่ฉันทำ ทำไมพ่อแท้ๆ ของฉันถึงทำกับฉันแบบนี้ได้”
หัวใจฉันหนักอึ้งขณะที่ร่ำไห้ ผู้คนเริ่มสังเกตเห็น พวกเขาส่งสายตาเกลียดชังและคำพูดร้ายๆ มาให้ฉัน เดวิดโอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขนอย่างปกป้องขณะที่พาฉันออกจากลานพิธี แม้แต่พ่อก็ไม่เงยหน้าขึ้นมามองฉันเลย
แม้กระทั่งตอนที่ท่านเรียกชื่อมาทิลด้า ท่านก็ไม่แม้แต่จะชายตามองฉัน ท่านไม่สนใจความรู้สึกของฉันเลยหรือ
เอเลน่าโง่เง่า ฉันบริภาษตัวเองพร้อมกับหัวเราะในลำคอขณะที่ถูกพาตัวออกไปโดยมีผ้าคลุมปิดหน้า แน่นอนอยู่แล้วว่าท่านไม่สนใจแก ท่านเลิกรักแกไปแล้วตั้งแต่วินาทีที่แม่ของแกตายหลังคลอดแกออกมา
พ่อโทษฉันมาตลอดว่าเป็นต้นเหตุการตายของรักแรกและคู่แท้ของท่าน เกลียดชังฉันในสิ่งที่ฉันควบคุมไม่ได้
แต่ความจริงแล้ว เหตุผลที่แม่ของฉันตายคือเพราะหัวใจสลาย หนึ่งในหมอตำแยเคยบอกฉันว่าในช่วงเวลาที่ฉันเกิด ท่านไม่ได้อยู่ด้วยซ้ำ แม่ของฉันระหว่างที่เจ็บท้องคลอด ได้ข่าวว่าท่านอยู่กับเมียน้อยของท่าน แม่คงจะทนรับความเจ็บปวดจากหัวใจที่แตกสลายพร้อมกับความเจ็บปวดจากการคลอดไม่ไหว และได้ตายจากไป
เมียน้อยคนนั้นก็คือแพทริเซีย แม่เลี้ยงใจร้ายของฉัน และมาทิลด้าก็คือผลลัพธ์อันโชคร้ายจากความสัมพันธ์ของพวกเขา
ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาในชีวิตของท่าน ฉันก็หมดตัวตนในฐานะลูกของท่าน
ขณะที่เราเดินผ่านโถงทางเดินไปยังห้องของฉัน ฉันรู้สึกเจ็บแปลบจนชาที่หลังลำคอ ฉันพูดไม่ออกด้วยซ้ำ มีเพียงน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม
เดวิดเงียบกริบขณะที่เขาพาฉันเข้าไปในบ้านพักของฝูง เราเจอกับสาวใช้บางคนที่น่าจะเพิ่งมาจากโถงพิธี พวกหล่อนมีรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าเมื่อมองมาที่ฉัน บางคนกระซิบกระซาบกันพร้อมกับส่งสายตาเกลียดชังมาให้ขณะเดินผ่านไป
เมื่อเดวิดจัดแจงให้ฉันนอนลงบนเตียง ฉันคว้ามือเขาไว้ ในที่สุดฉันก็ได้สบตากับเขา และหัวใจของฉันก็แตกสลายเมื่อเห็นความผิดหวังในดวงตาคู่นั้นที่เขาพยายามซ่อนไว้อย่างสุดความสามารถ
“เราหนีไปกันเถอะ เดวิด”
“หนีไปเหรอ” เขามองฉันราวกับว่าฉันพูดเล่น แต่เมื่อเห็นแววตาจริงจังที่ฉันมองไปที่เขา เขาก็ส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับกัดฟันกรอด “เธอคิดเรื่องนี้มาดีแล้วใช่ไหม”
“ฟังนะ” ฉันขยับเข้าไปใกล้ขอบเตียงเพื่อกุมมือเขาไว้ ให้เราได้สบตากัน “เราย้ายไปอยู่ฝูงข้างๆ แล้วใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็ได้ เราทิ้งฝูงนี้ไปได้นะเดวิด ไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว เธอไม่เห็นเหรอว่าพวกเขาไม่เห็นหัวฉันขนาดไหน ฉันยอมตายดีกว่าต้องมารับใช้น้องสาวต่างแม่ของตัวเอง”
“แล้วเธอก็ดูจะลืมไปนะว่าฉันเป็นลูกชายของเบต้า” เขาปล่อยมือฉัน ฉันรู้สึกเย็นวาบไปทั่วแขนจนต้องกอดตัวเอง ดวงตาฉายแววเจ็บปวดขณะจ้องมองเขา “ฉันทิ้งหน้าที่ของตัวเองไปเฉยๆ ไม่ได้หรอก นอนซะ เอเลน่า ตอนนี้เธอไม่มีสติแล้ว”
เขาไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้พูดอะไรแล้วรีบจัดผ้าห่มให้ฉัน เขาจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ทิ้งให้ฉันจมอยู่กับความคิดเพียงลำพัง ฉันอยากจะหนีไป แต่ในเมื่อเดวิดไม่เห็นด้วยกับแผนนี้ ฉันจะทิ้งเขาไปได้อย่างไร เขายังไม่ได้ตีตราฉัน เราจึงยังไม่ได้เป็นเมทกันอย่างเป็นทางการ แต่ฉันก็อยู่ไม่ได้หากไม่มีเดวิด
ฉันรักเขามาก
ฉันตื่นขึ้นมาเพราะเสียงรองเท้าที่ครูดกับพื้นอย่างดังหนวกหู ฉันได้ยินเสียงลมหายใจหนักๆ ของคนสองคนดังมาจากนอกประตูห้อง ก่อนที่ประตูอีกบานจะปิดลงในระยะไกล
ห้องของฉันมืดสนิท บ่งบอกว่าฉันหลับไปนานพอสมควร พิธีคงจะจบลงแล้ว แต่เสียงที่ฉันได้ยินเมื่อครู่คืออะไรกัน
ห้องของเดวิดอยู่ค่อนข้างใกล้กับห้องของฉัน
“เดวิด?” ฉันก้าวออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง หรี่ตามองฝ่าความมืดขณะเดินไปยังทิศทางที่เสียงดูเหมือนจะดังขึ้นเรื่อยๆ ฉันได้ยินเสียงครางอันคุ้นเคยของผู้หญิงคนหนึ่ง และเลือดในกายก็เย็นเฉียบเมื่อตระหนักได้ว่าเสียงนั้นดังมาจากห้องของเดวิด
“ไม่... เป็นไปไม่ได้...” ฉันส่ายหน้ากับตัวเอง ไม่สนใจความเจ็บปวดที่ปั่นป่วนในช่องท้องขณะเดินเข้าไปใกล้ห้องนั้น กลิ่นของเมทผู้ทรยศของฉันอบอวลอยู่ในอากาศ ขาของฉันอ่อนแรงและหน้าอกก็บีบรัดด้วยความเจ็บปวด ฉันควานมือไปตามผนังเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยว ขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม
“ไม่นะ ไม่ใช่คุณใช่ไหมเดวิด ได้โปรดเถอะ อย่าเป็นคุณเลย...” ฉันพึมพำกับตัวเองก่อนจะผลักประตูให้เปิดออก ทันทีที่คนสองคนบนเตียงหันมาทางฉัน ขาของฉันก็ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง สองมือยกขึ้นปิดปาก
เสียงสะอื้นที่แสนเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของฉันและดังไปทั่วห้อง แม้จะพยายามกลั้นมันไว้เพียงใด ขาของฉันชาดิก ท้องไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง แต่ไม่มีความเจ็บปวดใดจะเทียบเท่ากับความเจ็บในใจได้เลย มันราวกับถูกมีดสั้นแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ทำไมยัยนั่นทำหน้าแบบนั้นล่ะ คุณยังไม่ได้บอกเธอเหรอ” มาทิลด้าซึ่งแทบจะเปลือยกายและมีเพียงผ้าห่มคลุมร่างไว้เอ่ยเย้ยหยันฉัน ขณะที่เมทของฉันยังคงอยู่ในตัวเธอ
ไอ้จู๋เฮงซวยของเดวิดกำลังคาอยู่ในตัวพี่สาวต่างแม่ของฉัน
แล้วเขาก็ไม่แม้แต่จะถอนตัวออกมา ไม่เลย... เดวิดของฉันทำราวกับว่าเขาไม่สนห่าอะไรเลยว่าฉันจะตายคาที่ตรงนั้นหรือไม่ ตอนนี้สีหน้าของเขาดูรำคาญมากกว่าจะสำนึกผิดเสียอีก
“ฉันคงจะฝันไป” ฉันหลับตาลง ไม่อยากเห็นภาพอันน่าสยดสยองตรงหน้า “ได้โปรดเถอะเดวิด บอกฉันทีว่าฉันกำลังฝันไป บอกฉันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง...”
“ไสหัวไปซะ เอเลน่า เธอมีสิทธิ์อะไรมาบุกรุกห้องฉันดึกดื่นป่านนี้” ในที่สุดเขาก็ถอนตัวออกมา โดยไม่แม้แต่จะหาอะไรมาสวมใส่ ก่อนจะเดินเข้ามาหาและกระชากฉันขึ้นจากพื้นอย่างหยาบคาย “ออกไป! หูหนวกรึไง”
“เธอคงจะมาเพื่อจะชวนคุณหนีตามกันไปอีกแล้วล่ะสิ” มาทิลด้าหัวเราะเบาๆ อย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังสนุกกับความพินาศของฉัน สายตาของเราสบกัน และเธอก็มองมาที่ฉันด้วยแววตาชั่วร้าย
สายตาของฉันสบกับดวงตาที่แข็งกร้าวของเขา ดวงตาคู่นั้นที่เคยเปี่ยมไปด้วยความรักและความชื่นชม ตอนนี้กลับเหลือเพียงความเกลียดชังและดูแคลนขณะที่เขามองลงมาที่ฉัน มือที่บีบแขนฉันก็ยิ่งแน่นขึ้น
“คุณบอกเธอเหรอ”
“เธอมันโง่กว่าที่เห็นมาตลอดนั่นแหละ เอเลน่า แต่คืนนี้ เธอพิสูจน์แล้วว่าเป็นคนที่โง่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย เธอคิดจริงๆ เหรอว่าฉันจะหนีไป ทิ้งชีวิตทั้งชีวิตไว้ข้างหลัง เพื่อไปอยู่กับอีนังอ่อนแอไร้หมาป่าอย่างเธอน่ะเหรอ” เขาหัวเราะหึๆ และมาทิลด้าก็หัวเราะตามไปด้วย
ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวด้วยความอับอาย คำพูดของเขาราวกับมีดที่ทิ่มแทงหัวใจฉัน และน้ำตาก็ไหลทะลักลงมาอาบแก้ม
“ฉันนึกว่าเราเป็นเมทกัน เดวิด ฉันรักคุณ”
“เธอไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันเลย แม้แต่มงกุฎเธอยังเอามาไม่ได้ นั่นแหละคือความไร้ค่าของเธอ และฉันจะอยู่กับคนที่ไร้ค่าอย่างเธอไม่ได้ มันชัดเจนมาตั้งแต่แรกแล้วว่าใครจะได้เป็นอัลฟ่า ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากเสี่ยงทิ้งโอกาสไป แต่มันก็เป็นการเสียเวลาเปล่าจริงๆ”
ดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความสยดสยองของฉันจ้องมองสลับไปมาระหว่างเขากับมาทิลด้า และในตอนนั้นเองที่ฉันตระหนักได้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเขา
ที่จริงแล้ว พวกเขาลอบทำเรื่องแบบนี้ลับหลังฉันมาตลอด ขณะที่ฉันทำตัวเป็นอีโง่ที่เชื่อว่ามีใครสักคนบนโลกใบนี้ที่ห่วงใยฉันจริงๆ
“เดวิด ได้โปรด... คุณจะให้ฉันทำยังไงกับความรักทั้งหมดที่ฉันมีให้คุณ ฉันรักคุณมากเหลือเกิน” หัวใจของฉันหลั่งเลือดและดวงตาก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา “เดวิด ได้โปรดเถอะ ได้โปรดอย่าโยนสิ่งที่เรามีร่วมกันทิ้งไปเพียงเพื่อ...”
“น่าสมเพชชะมัด!” เขาหัวเราะหึๆ ก่อนจะเหวี่ยงฉันออกไปนอกประตูห้อง ฉันร้องครางด้วยความเจ็บปวดเมื่อแผ่นหลังกระแทกเข้ากับผนังอย่างจังก่อนจะร่วงลงไปกองอยู่หน้าประตู ความเจ็บปวดและความเสียใจแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างขณะที่ฉันพยายามจะลุกขึ้นยืน “ไปลงนรกซะเถอะ เอเลน่า”
“ข้า, เดวิด คันนิงแฮม, บุตรชายแห่งเบต้ารอยซ์ ขอปฏิเสธเจ้า, เอเลน่า บาร์นส์, ในฐานะเมทของข้า”
