บทที่ห้า

มุมมองของเอเลน่า

“เขาจะฆ่าฉันแน่ ฉันรู้”

ฉันพยายามขดตัวหนีจากสายตาที่ลุกเป็นไฟของเขาซึ่งเจือไปด้วยความโกรธและความรังเกียจ ฉันต้องหนีไปเดี๋ยวนี้ อาจจะต้องหนีไปให้ไกล แต่ฉันจะหนีไปที่ไหนได้เล่า เขาต้องตามจับฉันได้แน่ไม่ว่าฉันจะหนีไปที่ใด และถ้าเขาหาฉันไม่เจอ พ่อของฉันก็จะตามหาฉันจนพบแล้วส่งฉันกลับมาให้เขา ซึ่งนั่นเลวร้ายกว่า เลวร้ายกว่ามาก

เสียงตวาดเรียกทหารยามของเขาคือสิ่งที่ฉุดฉันออกจากภวังค์ สิ่งต่อมาที่ฉันรับรู้ได้คือฉันถูกกระชากลงจากเตียง มีผ้าคลุมถูกโยนคลุมร่าง และฉันก็ถูกลากออกจากห้องของเขา

“ไม่ ไม่ ไม่นะ ได้โปรดเถอะ ได้โปรดปล่อยฉันไป ฉันขอร้องล่ะ ได้โปรดเมตตาด้วย” ฉันกรีดร้องขณะที่พวกเขายังคงลากฉันไปกับพื้นราวกับตุ๊กตาผ้าขี้ริ้ว หัวเข่าของฉันครูดไปกับพื้นทุกครั้งที่ฉันล้มลง ฉันพยายามดิ้นรนขัดขืนและสะบัดตัวหนี แต่แล้วฉันก็ถูกตีเข้าที่ศีรษะ และทุกอย่างก็ดับวูบไป

หัวของฉันปวดร้าวและรู้สึกวิงเวียนไปหมด ฉันกลับมาอยู่ที่ห้องของตัวเอง และห้องทั้งห้องก็หมุนคว้างราวกับว่าฉันกำลังนั่งอยู่บนชิงช้าสวรรค์ ฉันลากตัวเองลงจากเตียงและพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ล้มกลับลงไปอีก ฉันตัดสินใจนอนพักสักครู่จนกว่าอาการปวดหัวจะทุเลาลง

ในหัวของฉันย้อนกลับไปเห็นภาพความน่าสะพรึงกลัวบนใบหน้าของอัลฟ่าลูเซียน ท่าทีที่เขากรีดร้องและสบถสาปแช่งเมื่อพบว่าฉันมีสายเลือดโอเมก้า แต่ฉันก็โชคดีที่เขาไม่ฆ่าฉัน อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ปลอดภัยแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาจะทำอะไรกับฉันต่อไป เมื่ออาการปวดหัวสงบลงเล็กน้อย ฉันจึงตัดสินใจเดินไปที่ห้องน้ำและแช่ตัวในน้ำเย็น

ฉันนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดและขมขื่นขณะที่ความเย็นเยียบของน้ำแทรกซึมเข้าสู่เส้นเลือด ทำให้ฟันของฉันกระทบกันด้วยความหนาว มันเป็นความผิดของฉันหรือที่เกิดมามีสายเลือดโอเมก้าโดยไม่มีหมาป่าในร่าง ทำไมฉันถึงต้องถูกลงโทษในความผิดที่ฉันไม่ได้ก่อ ทำไมฉันต้องทนทุกข์ทรมานกับคำสาปที่ฉันไม่สมควรได้รับ

ทำไมแม่ต้องตายด้วย ทำไมไม่เป็นฉัน ฉันตั้งคำถามกับการมีอยู่ของตัวเองพลางร้องไห้อย่างขมขื่น ฉันชันเข่าขึ้นชิดอกและใช้แขนกอดรัดตัวเองไว้ ฉันน่าจะหนีไปคนเดียว ฉันน่าจะทิ้งเดวิดไว้ข้างหลัง ไอ้หมูสกปรกนั่น ฉันหวังว่าเขาจะตายๆ ไปซะ

สองสามชั่วโมงต่อมา ฉันอาบน้ำเสร็จ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย อาการปวดหัวลดลงเล็กน้อย แต่ความเจ็บปวดในใจยังคงชัดเจน ฉันยังคงรู้สึกว่าหัวใจของฉันแตกสลายจากความเจ็บปวด ความเสียใจ และการทรยศจากคนที่ฉันเรียกว่าครอบครัวและผู้ชายที่ฉันอ้างว่ารัก

ฉันแต่งตัวและนอนลงบนเตียง จมอยู่กับความสมเพชตัวเองและความเจ็บปวด พยายามเกลี้ยกล่อมตัวเองว่าฉันอาจจะอ้อนวอนขอความตายสบายๆ จากอัลฟ่าลูเซียนได้ ขณะที่ฉันกำลังร้องไห้อยู่นั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว “ทำไมไม่หนีไปล่ะ” มันชัดเจนและดังมากเสียจนถ้าฉันไม่มีหมาป่าในตัว ฉันคงคิดว่านั่นคือเสียงหมาป่าของฉันที่กำลังพูดกับฉัน

นี่เป็นแผนที่เสี่ยงและเป็นการตัดสินใจที่ไร้เหตุผลสิ้นดี ฉันคิดอะไรแบบนี้แล้วลงมือทำไปได้อย่างไรกัน ฉันคิดกับตัวเองขณะที่เริ่มเก็บเสื้อผ้าสองสามชิ้นใส่กระเป๋าใบเล็ก ฉันอยากจะไปจากที่นี่ให้ได้และอยากจะมีชีวิตรอดอย่างสุดหัวใจ ฉันไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน แต่ฉันรู้ว่าฉันต้องไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใชที่ที่อัลฟ่าลูเซียนอยู่

ฉันเก็บข้าวของแล้วเหวี่ยงกระเป๋าขึ้นพาดไหล่ เช็ดน้ำตา แล้วใช้ผ้าคลุมที่ถูกนำมาให้คลุมหน้าเอาไว้ ฉันเดินช้าๆ ไปที่ประตูแล้วลองผลักลูกบิดเบาๆ เพื่อดูว่ามันล็อกอยู่หรือไม่ และต้องขอบคุณองค์จันทราเทวีที่มันไม่ได้ล็อก ฉันค่อยๆ เปิดประตูอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง แล้วแอบย่องออกมา มียามสองคนยืนอยู่ที่ทางเข้าชั้นที่ฉันพักอยู่ แต่ในอีก 5 นาที พวกเขาจะสับเปลี่ยนเวรกับยามชุดใหม่

ฉันเดินเขย่งปลายเท้าไปยังเสาต้นที่อยู่ใกล้ทางเข้าชั้นแล้วซ่อนตัวอยู่ตรงนั้น สวดภาวนาต่อองค์จันทราเทวีให้ช่วยฉันหนีรอดไปได้ ไม่กี่นาทีต่อมา ยามสองคนนั้นก็เดินออกไปเพื่อสับเปลี่ยนเวร ฉันจึงรีบวิ่งออกไปทันที ฉันไปได้แค่ถึงบริเวณที่พักของทาสชั้นล่างเท่านั้นเมื่อได้ยินเสียงเด็กสาวกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ ฉันจึงรีบวิ่งกลับไปซ่อนหลังเสาที่อยู่ใกล้ๆ นี่ไม่ใช่ที่ซ่อนที่ดีนัก อาจมีคนเห็นฉันได้ง่ายๆ ฉันจึงแอบเข้าไปในห้องพักของสาวใช้แล้วขโมยชุดมาตัวหนึ่งเพื่อเปลี่ยน

ฉันเก็บเสื้อผ้ากองใหญ่จากตรงนั้นแล้วซ่อนกระเป๋าของฉันไว้ข้างใน ฉันยกมันขึ้นสูงจนบังใบหน้า แต่ก็ยังมีช่องว่างพอให้ฉันมองเห็นและหาทางเดินไปได้ ฉันเดินอย่างเกือบจะมั่นใจไปยังด้านหลังของวังเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น “นี่เจ้า จะเอาของพวกนั้นไปไหนรึ ถึงตาเจ้าซักผ้าแล้วเหรอ” ฉันตกใจและต้องคิดและทำอย่างรวดเร็ว เลยตอบกลับไปว่า “ใช่ค่ะ ถึงตาฉันซักผ้าแล้ว และต้องรีบไปทำให้เสร็จ” ฉันไม่ได้หันไปมองว่ากำลังคุยอยู่กับใคร แต่ก็มั่นใจว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง

นางปล่อยให้ฉันไป ฉันจึงรีบเดินไปยังห้องครัว ซึ่งเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะหาได้ในตอนนั้น ขณะที่ในใจฉันก็กระโดดโลดเต้นและยินดีกับตัวเอง ฉันหาทางจากห้องครัวไปยังด้านหลังของวังได้สำเร็จ แล้วก็ทิ้งกองผ้าลงบนพื้น หยิบถุงขยะขึ้นมาแล้วเอากระเป๋าของฉันใส่เข้าไป

มันเหม็นมาก แต่ฉันก็ยอมเสี่ยง ฉันยกถุงขึ้นมาเหมือนที่ทำกับกองผ้าเพื่อบังใบหน้าเล็กน้อย แล้วมุ่งหน้าไปยังทางออกด้านหลังซึ่งหันหน้าเข้าหาป่า ไม่มีใครพูดหรือสนใจฉัน อาจจะเป็นเพราะถุงขยะนั่นก็ได้ ฉันไปถึงประตู และมียามประจำการอยู่ตรงนั้นถึงเจ็ดคน ฉันเกือบจะสติแตก ต้องเตือนตัวเองให้ใจเย็นลง ฉันกำถุงแน่นจนกลัวว่ามันจะขาด ฉันเตือนตัวเองที่กำลังตัวสั่นว่ามีแค่ทางนี้หรือไม่ก็ตาย

พอไปถึงประตู ยามคนหนึ่งก็หยุดฉันไว้ แต่เขาก็รีบโบกมือให้ฉันไปต่ออย่างรวดเร็วเพราะกลิ่นเหม็นของขยะ ฉันสงสัยว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ฉันไม่ได้ดูเลยด้วยซ้ำ ฉันขอบคุณเขาเบาๆ ในใจพลางหัวเราะและกระโดดโลดเต้นที่ทำสำเร็จ แล้วรีบเดินเข้าไปในป่า ทิ้งถุงขยะลง เอาประเป๋าของฉันออกมา แล้ววิ่งสุดชีวิตเหมือนปีศาจกำลังไล่ตาม

ฉันวิ่งไปนานเหมือนเป็นชั่วโมงๆ แล้วหยุดลงเพราะขาเริ่มอ่อนแรงและไหล่ก็หนักอึ้งจากกระเป๋าที่แบกอยู่ ฉันเหนื่อยและหมดแรง แต่ก็ตัดสินใจไปต่อ ฉันยังไม่ได้ออกจากเขตของฝูง เลยกลับไปวิ่งต่อจนกระทั่งถึงเขตแดนของฝูงและข้ามไปได้

ฉันออกมาจากดินแดนของลูเซียนแล้ว แต่ก็ยังไม่พ้นจากอันตราย ฉันเสี่ยงที่จะถูกพวกหมาป่าพเนจรพบเข้าและฆ่าตายในทันที ฉันต้องหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อซ่อนตัวและพักสักหน่อย และฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ฉันไม่มีดวงตาที่มองเห็นในตอนกลางคืน เธอเดินทางต่อไปและเดินลึกเข้าไปในป่า ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไร ฉันก็ยิ่งได้ยินเสียงน้ำไหลชัดขึ้นเท่านั้น

ฉันกระโดดดีใจสุดขีดและวิ่งไปยังทิศทางของเสียงน้ำ น้ำตาแห่งความยินดีไหลอาบแก้มเพราะฉันกระหายน้ำมากจริงๆ ในที่สุดฉันก็เจอมัน มันคือลำธารสายเล็กๆ ฉันวางกระเป๋าของนางลงบนตลิ่งแล้วเริ่มโก่งคอดื่มน้ำราวกับว่าชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับมัน ฉันดื่มจนพอใจและตัดสินใจลงไปแช่ตัวในน้ำ มันเป็นความคิดที่ไม่ดีเลย แต่ฉันก็ต้านทานมันไม่ไหว

ฉันถอดเสื้อผ้าออกแล้วลงไปในน้ำ มันไม่ลึกเกินไป แต่ก็เหมาะอย่างยิ่งสำหรับกล้ามเนื้อที่ปวดเมื่อยและเจ็บระบมของฉัน ฉันแช่ตัวลงไปอีก พลางยิ้มและหัวเราะเมื่อสายน้ำจั๊กจี้ผิวของฉัน อุณหภูมิกำลังพอดีและฉันก็ชอบมันมาก ฉันเล่นน้ำอยู่พักหนึ่งจนเพลินไปเลย แล้วก็ถูกดึงกลับสู่ความเป็นจริงเมื่อได้ยินเสียงกิ่งไม้หัก ฉันหันหน้าไปทางต้นเสียง แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ คงจะเป็นหนูสักตัวละมั้ง ฉันคิด แต่ก็ไม่ได้ขยับตัวจะขึ้นจากน้ำ

ฉันได้ยินเสียงกิ่งไม้หักอีกครั้ง เลยรีบขึ้นจากน้ำแล้วสวมเสื้อผ้า ฉันกำลังจะเหวี่ยงเป้ขึ้นสะพายไหล่ตอนที่ได้ยินเสียงคำรามจากด้านหลัง ฉันหยุดนิ่ง ความกลัวแช่แข็งฉันให้ยืนอยู่กับที่ แล้วก็มีเสียงคำรามอีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง ฉันค่อยๆ หันกลับไป และก็ได้เผชิญหน้ากับพวกหมาป่าพเนจรที่กำลังแยกเขี้ยวและน้ำลายไหล

ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่แน่นอนว่าฉันสู้กับหมาป่าพเนจรสี่ห้าตัวในร่างหมาป่าไม่ไหวแน่ๆ แล้วฉันก็ได้ยินตัวหนึ่งพูดขึ้น “ถ้าไม่ใช่นางคือคู่ของอัลฟ่าลูเซียนล่ะก็ โรเบิร์ต เทพีทรงโปรดพวกเราจริงๆ” แล้วพวกที่เหลือก็หัวเราะ ก่อนที่ฉันจะได้บอกพวกเขาว่าฉันไม่ใช่คู่ของอัลฟ่า พวกมันทั้งหมดก็โจมตีฉันพร้อมกัน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป