มาทำลายงานแต่งงานกันเถอะ
บทที่ 2: มาพังงานแต่งกันเถอะ
ฉันไม่ได้เคาะประตู แต่ระดมทุบต่างหาก
ประตูห้องของโรมันเปิดผางออกในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา เผยให้เห็นร่างของเขาที่ไม่ได้สวมใส่อะไรเลยนอกจากบ็อกเซอร์บรีฟคาลวินไคลน์สีขาวสว่างแสบตากับผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งตื่นนอน
ฉันไม่ได้แปลกใจอะไร ปกติโรมันก็นอนแก้ผ้าอยู่แล้ว
“บ็อกเซอร์สวยดีนะ ให้พลังงานแนว...นักบวชผู้ทรงศีลอะไรทำนองนั้น” ฉันพูดพลางแทรกตัวเข้าไปข้างใน
โรมันขยี้ตา “นี่มันตีหนึ่งนะ เธอไปจุดไฟเผาอะไรอีกแล้วเหรอ”
ฉันใช้เท้าเตะประตูให้ปิดตามหลัง ส้นรองเท้าฉันก็ยอมแพ้และหักดังเป๊าะ “ก็แค่ชีวิตฉันเอง”
โรมันถอนหายใจแล้วคุกเข่าลงโดยไม่พูดอะไรสักคำ ช่วยฉันถอดรองเท้าเหมือนเคย
“โรมัน ฉันทำเรื่องเลวร้ายลงไป”
สีหน้าของโรมันเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันที เขารีบเดินไปที่หน้าต่าง มองซ้ายมองขวาแล้วปิดมันดังปัง จากนั้นก็ไล่ปิดหน้าต่างบานอื่นๆ ทั้งหมด
“มันเลวร้ายแค่ไหน ฉันต้องช่วยซ่อนศพหรือไปประกันตัวเธอออกจากคุก บอกมาตามตรง” เขาพูด
“พี่สาวฉันกำลังจะแต่งงาน” ฉันพูดเสียงหอบ
“ฉันตามไม่ทัน”
“กับดีน อาร์เชอร์”
โรมันขมวดคิ้ว “เดี๋ยวนะ ดีน อาร์เชอร์ คนนั้นน่ะเหรอ”
ฉันพยักหน้า
เขาชะงักไป “เชี่ย เธอทำงั้นได้เหรอ มันไม่มีกฎห้ามไว้หรือไง”
“หล่อนบอกฉันเหมือนกับประกาศว่าได้เป็นหุ้นส่วนของโว้ก แถมยังใส่ชุดสีพาสเทลบ้าๆ นั่นอีก”
โรมันดึงฉันเข้าไปกอด "ฉันเสียใจด้วยนะ ที่รัก เดี๋ยวฉันทำป๊อปคอร์นกับไอศกรีมให้ เราจะดูเรื่องสครีมด้วยกัน แล้วพรุ่งนี้เธอก็โทรไปลาป่วยที่สำนักงานได้เลย" เขาเสนอ
ฉันหมุนตัวอย่างกับนางเอกละคร ทำตัวเองจนเวียนหัว โรมันเอื้อมมือมาประคองฉันตามสัญชาตญาณ มือข้างหนึ่งของเขาวางอยู่ที่เอวฉัน
“ซาวันนาห์ ระวังหน่อย บ้านหมุนเหรอ”
ฉันทรุดตัวลงคุกเข่ากลางห้องครัวของเขา ประสานมือเข้าด้วยกันเหมือนกำลังสวดอ้อนวอนขอปาฏิหาริย์
“ได้โปรดอย่าฆ่าฉันนะ ฉันโกหก ฉันทำเรื่องที่เลวร้ายมากๆ ลงไป”
โรมันหรี่ตา “เธอไปทำอะไรมา”
“พูดก่อนสิว่านายยกโทษให้ฉัน”
“ซาวันนาห์”
“พูดมานะ โรมัน ไม่งั้นฉันไม่ลุก”
เขาครางออกมา “ก็ได้ ฉันยกโทษให้ ทีนี้ก็ลุกขึ้นได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะต้องอุ้มเธอ”
ฉันลุกขึ้นยืน ปัดเนื้อปัดตัว แล้วก็โพล่งออกไป “ฉันบอกโคลอี้ว่าเราหมั้นกัน”
โรมันกะพริบตา “เธอว่าไงนะ”
“ก็หล่อนทำหน้าอวดดีตัวเป็นมัน แล้วก็โบกการ์ดเชิญไปมาเหมือนลูกบอลดิสโก้ ฉันก็เลยสติแตก ฉันบอกหล่อนไปว่าเราแอบรักกันมาตลอด”
เขาใช้มือลูบหน้าตัวเอง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพูดว่า “เธอโผล่มาที่นี่ตอนเที่ยงคืนเพื่อจะขอให้ฉันเป็นคู่หมั้นกำมะลอของเธอ เพราะเธอไปโกหกครอบครัวตัวเองเพื่อจะเอาชนะพี่สาวเนี่ยนะ”
“ใช่”
เขาเอนตัวพิงเคาน์เตอร์ “อาทิตย์หน้าฉันควรจะได้ไปทัสคานีนะ ที่นั่นมีนางแบบสุดฮอต มีคลับ มีปาร์ตี้ มีค็อกเทล มีนวดริมสระ มีสาวคัพดีบึ้มๆ... เธอก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่ทัสคานี”
ฉันกะพริบตาปริบๆ “นายก็ยังมีนางแบบได้นี่ แค่... เพิ่มฉันเข้าไปในนั้นด้วยคน”
เขาส่งสายตามาให้ “ซาวันนาห์”
“โรมัน”
“เธอจะบอกว่าเป็น... เจคจากแผนกบัญชีอะไรงี้ไม่ได้เหรอ”
“นายเป็นคนเดียวที่พวกเขารู้จัก”
“ก็จริงของเธอ”
“ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไร้สาระชะมัด” เขาพูด พลางเดินไปยังห้องครัว “เธอสร้างเรื่องว่าหมั้นกับฉันหลอกๆ ให้ครอบครัวฟัง เพื่อจะเอาชนะพี่สาวที่กำลังจะแต่งงานกับแฟนเก่าของเธอ แล้วตอนนี้เราก็กำลังจะขับรถไปนิวโฮปเพื่อทำให้เรื่องโกหกสุดมหากาพย์นี่เป็นจริงเนี่ยนะ”
ฉันพยักหน้า
“โอเค โอเค ข้อเสนอแลกเปลี่ยน ฉันให้เงินเดือนงวดหน้าของฉันเลย เอาไปทั้งก้อนเลย แล้วก็อาจจะแถมวิญญาณฉันไปด้วย”
โรมันพ่นลมหายใจ “ที่รัก เงินเดือนของเธอซื้อเชือกผูกรองเท้าฉันยังไม่ได้เลย คริสต์มาสที่แล้วฉันซื้อโค้ตกันหนาวให้เธอตัวหนึ่ง ราคาแพงกว่าค่าเช่าห้องเธอหกเท่า”
“แล้วฉันก็รักโค้ตตัวนั้นมากนะ” ฉันพูดเสียงหวาน “เห็นไหมล่ะ ฉันสำนึกบุญคุณนะ ได้โปรดเถอะ โรมัน... ฉันอยู่ที่นิวโฮปอาทิตย์เดียวโดยไม่มีนายอยู่ข้างๆ ไม่ได้หรอก ฉันต้องการนายไปช่วยฉันสู้กับพี่สาวใจร้ายของฉัน”
เขามองฉัน ดวงตาของเขาอ่อนโยนลง “โชคดีนะที่เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉัน”
“ฉันรักนาย” ฉันหวีดร้องอย่างดีใจ
โรมันถอนหายใจ “เราจะไปนิวโฮปกันเมื่อไหร่”
อีกสองสัปดาห์
เขาเสยผมยุ่งๆ ของตัวเอง “เยี่ยมเลย ไปพังงานแต่งงานกัน”
ฉันแทบจะโผเข้าสู่อ้อมแขนของเขา กอดรัดแขนขาของเขาราวกับหมีโคอาล่า
“ขอบคุณนะ! ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องยอม!”
“อืม อย่าเพิ่งดีใจไปหน่อยเลย”
ฉันถอนหายใจ ในที่สุดก็ยอมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาของเขา
โรมันเหลือบมองฉัน แล้วเดินไปที่ห้องครัว
“ฉันยังทำป๊อปคอร์นอยู่นะ”
“ห๊ะ?”
“แล้วก็ไอศกรีมด้วย เธอต้องกินทั้งสองอย่าง ควรจะอยู่ในถ้วยเดียวกันด้วย”
ฉันยิ้ม หัวใจพองโต “นายเป็นคู่หมั้นกำมะลอที่ดีที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะขอได้เลย”
ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็กลับมาพร้อมกับป๊อปคอร์นเนยถ้วยยักษ์ และอีกถ้วยเป็นไอศกรีมวานิลลาราดซอสช็อกโกแลตกับโอรีโอป่น
เขายื่นช้อนให้ฉันแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“มานี่สิ” เขาพูดพร้อมกับพาดแขนโอบไหล่ฉัน “เธอจะปล่อยให้ฉันกอดอยู่คนเดียวไม่ได้นะ”
ฉันย่นจมูก “นายใส่แค่กางเกงในนะ”
“ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังเป็นคนที่ใส่เสื้อผ้าเยอะกว่าในมิตรภาพนี้นะ”
ฉันขยับเข้าไปซบข้างเขา ถอนหายใจ “นายจะทำเรื่องนี้เพื่อฉันจริงๆ เหรอ?”
โรมันจูบลงบนศีรษะของฉัน “ฉันทำอะไรๆ เพื่อเธอมาตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้ว เรื่องนี้แค่มีของกินเล่นดีกว่าแค่นั้นเอง”
“ถ้าไม่นับเรื่องโคลอี้น่ะนะ”
“เราต้องจูบกันด้วยไหม” โรมันถาม
ความคิดนั้นฟาดเข้ามาในหัวฉันราวกับสายฟ้า ทำให้ฉันสะดุ้งตัวขึ้นมาทันที
“ชิบหายแล้ว!”
โรมันยิ้มมุมปาก “นี่เธอคิดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องนี้เนี่ยนะ”
“ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ย”
“โทษทีนะ... เธอคิดว่าคู่หมั้นเขาทำท่าปืนแล้วก็ชนหมัดกันในงานเลี้ยงดินเนอร์หรือไง” เขาพูดติดตลก
“ก็... ฉันไม่ได้คิดว่าเราจะต้องมีแผนการจูบเต็มรูปแบบนี่นา! แต่ตอนนี้ฉันกำลังจินตนาการภาพเรายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างเค้กเหมือนเพื่อนร่วมงานที่บังเอิญตอบรับคำเชิญมางานแต่งงานเดียวกัน” ฉันนึกภาพตามแล้วรู้สึกแหยง “ฉันว่าเราต้องซ้อมกันนะ โรมัน”
เขาขยับเข้ามาใกล้ขึ้น ช้าๆ ราวกับสิงโตที่กำลังเดินวนรอบเหยื่อที่เป็นกวาง
“ซ้อม?”
“ใช่! นี่มันวิกฤตการณ์ที่เกี่ยวกับลิ้นนะ”
โรมันหัวเราะ
“จูบทดลองครั้งเดียว” ฉันยืนกราน “เป็นการจำลองสถานการณ์ เพื่อวิทยาศาสตร์”
“เธออยากจูบฉัน... เพื่อวิทยาศาสตร์เนี่ยนะ”
“อย่าทำให้มันดูแปลกสิ”
โรมันหยุดอยู่ตรงหน้าฉันพอดี
ตอนนี้มีเพียงช่องว่างไม่ถึงนิ้วระหว่างเรา และทันใดนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนไป—อึดอัดขึ้น อบอุ่นขึ้น และอันตราย
สายตาของเขาวูบลงมองริมฝีปากของฉัน
“ก็ได้ ฮาร์ต... มาซ้อมกัน” เขายิ้ม “แต่ต้องเตือนไว้ก่อนนะว่าฉันค่อนข้างจะเป็นมือโปรเรื่องนี้เลยล่ะ”
ลมหายใจของฉันสะดุดขณะที่โน้มตัวเข้าไป
ใกล้เข้าไปอีก
ดวงตาของฉันจับจ้องที่เขา ริมฝีปากของโรมันเผยอออกเล็กน้อย—
แล้วฉันก็รีบใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งบีบจมูกตัวเองอย่างแรงเหมือนได้กลิ่นเหม็นอะไรสักอย่าง
โรมันกะพริบตา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความงุนงงและตกใจ
“...เธอโอเคไหม”
ฉันแกล้งหายใจหอบแรงๆ ทั้งที่ยังบีบจมูกอยู่
“น้ำหอมฉันฉุนไปเหรอ”
“อีโก้ของนายต่างหาก มันทำให้ฉันหายใจไม่ออก ฉันต้องแน่ใจก่อนว่าตัวเองจะหายใจได้ ไม่งั้นคงตายระหว่างจูบพอดี” ฉันหัวเราะก๊าก
โรมันได้แต่จ้องมองฉัน
ฉันปล่อยมือจากจมูก ทำหน้าอย่างภาคภูมิใจ
“เธอคิดว่านี่เป็นโอกาสเหมาะที่จะแกล้งกันจริงๆ เหรอ” โรมันถาม
“ฉันมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องทำให้นายเจียมเนื้อเจียมตัวสัปดาห์ละครั้ง ถือซะว่านี่เป็นโดสของสัปดาห์นี้แล้วกัน”
เขาลูบหน้าตัวเอง “เธอเป็นคู่หมั้นกำมะลอที่วุ่นวายที่สุดในโลกแล้ว”
“ด้วยความยินดี”
เราดูหนังไปได้ครึ่งเรื่องตอนที่โรมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ฉันกำลังบ่นอยู่กลางคันว่าคงต้องขายทั้งไตทั้งรถเพื่อให้แต่งตัวเข้าธีมงานได้ จากการที่โคลอี้ย้ำนักย้ำหนาเรื่องสีและเนื้อผ้าสำหรับงานแต่งงาน ตอนนั้นเองที่โรมันเงียบไป
เงียบเกินไป
“อะไรเหรอ” ฉันถามพลางเหลือบมองเขา
สีหน้าของเขาอ่านไม่ออก ก่อนที่เขาจะหันหน้าจอมาทางฉัน
มันคืออินสตาแกรม... ถ้าจะให้เจาะจงก็คือคำขอส่งข้อความ
“แซฟ ทำไมแฟนเก่าทับด้วยพี่เขยของเธอถึงส่งคำขอข้อความมาหาฉันล่ะ”
