บทที่ 4 พ่อน้ำตาล

ครั้งนี้เขาไม่ได้เอาถุงคลุมหัวสีดำมาสวมให้เธอ

เธอจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วเดินตามบอดี้การ์ดหนุ่มไปตามทางลับโดยไม่เจอใครเลย

หลังจากเดินผ่านโถงทางเดินและขึ้นลิฟต์ พวกเขาก็มาถึงทางเข้าที่มีรถหรูสีดำมันวาวจอดรออยู่

บอดี้การ์ดเปิดประตูรถออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของนาธาเนียล

เธอพยักหน้าแล้วสอดตัวเข้าไปในรถ ทักทายเขาเบาๆ

“สวัสดีค่ะ คุณครอส”

นาธาเนียลเพียงพยักหน้าตอบรับและส่งเสียงในลำคออย่างไม่ใส่ใจ

บอดี้การ์ดขึ้นไปนั่งที่เบาะหน้า แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไป

ความเงียบเข้าปกคลุมภายในรถ สร้างบรรยากาศที่หนักอึ้ง

ดังนั้น เมื่อวิกตอเรียเผลอทำเสียงออกมา มันจึงดังแทรกความเงียบขึ้นมาทันที

เธอรีบเอามือกุมท้องพลางกัดริมฝีปากอย่างกระอักกระอ่วน

“หิวเหรอ”

“ค่ะ”

“งั้นก็ไปหาอะไรกินกัน” นาธาเนียลสั่ง

คนขับรถทำตามคำสั่ง

ตอนแรกวิกตอเรียคิดจะปฏิเสธข้อเสนอ เพราะคิดว่านาธาเนียลคงสนใจแค่เรื่องเดียวคือเรื่องบนเตียง

แต่เมื่อคิดดูอีกที เธอก็ตัดสินใจเปลี่ยนใจ ทำตามคำสั่งของเสี่ยไปน่าจะดีกว่า

สายตาของนาธาเนียลจับจ้องไปที่มือของวิกตอเรียซึ่งประสานกันแน่นและอยู่ไม่สุข

“เธอเล่นเพลงเปียโนเพลงนั้นเก่งนี่”

“ปกติฉันเล่นเพลงนี้ตอนแสดงค่ะ”

“เธอประหม่าที่เจอฉันเหรอ”

นาธาเนียลหันหน้ามาเผชิญกับวิกตอเรีย

สายตานั้นทำให้วิกตอเรียพูดไม่ออก

ในใจเธอกรีดร้องว่า ‘โธ่ นาธาเนียล คุณคือนายธาเนียลนะ! ใครบ้างจะไม่ประหม่า’

“เธอเล่นผิดคีย์ไปโน้ตหนึ่ง”

วิกตอเรียประหลาดใจและสงสัยว่าคนท่าทางหยาบกระด้างอย่างนาธาเนียลรู้เรื่องเปียโนได้อย่างไร

“ขอโทษค่ะ พอดีไม่ได้ซ้อมนาน ฝีมือเลยตกไปหน่อย”

หลังจากตระกูลเชสล้มละลาย เธอก็ต้องขายเปียโนทิ้งไป บ้านเช่าที่อยู่ตอนนี้ก็เล็กเกินกว่าจะวางเปียโนได้

“ฉันจำได้ว่าตอนที่เธอเสนอตัวต่อรองกับฉัน ดูไม่เห็นขี้ขลาดแบบนี้เลย”

วิกตอเรียทำได้เพียงส่งยิ้มแหยๆ กลับไป

ต่อมา นาธาเนียลก็หลับตาลงเพื่อพักผ่อน วิกตอเรียจึงไม่ส่งเสียงรบกวนและได้แต่ลอบมองเขาเป็นครั้งคราว

แสงและเงาที่พาดผ่านขับเน้นโครงหน้าคมคายของเขาให้เด่นชัด

เขาดูไม่เหมือนกับภาพในนิตยสารซุบซิบเลยแม้แต่น้อย

ภาพในนิตยสารพวกนั้นมักจะแตกและคุณภาพต่ำ ทำให้เขาดูเป็นคนอมทุกข์และดุร้าย

แต่การได้ใช้เวลากับเขาในวันนี้ได้ทำลายภาพจำที่วิกตอเรียมีต่อเขาจนหมดสิ้น

เธอเคยคาดว่านาธาเนียลจะเป็นคนอารมณ์ร้อนและโหดเหี้ยม แต่ตอนนี้เธอกลับมองว่าเขาเป็นคนที่น่าเกรงขามทว่าสุขุมและเก็บตัว

เมื่อมาถึงร้านอาหาร พนักงานก็นำทางพวกเขาทั้งสองไปยังโต๊ะริมหน้าต่างบนชั้นสูงสุด ซึ่งมองเห็นวิวแสงสีของเมืองยามค่ำคืนได้อย่างงดงาม

เหล่าบอดี้การ์ดแยกย้ายไปยืนตามมุมต่างๆ อย่างเงียบเชียบ แต่ก็ดึงดูดสายตาอยากรู้อยากเห็นและเสียงซุบซิบจากแขกคนอื่นๆ ได้ทันที

นาธาเนียลดูไม่สะทกสะท้านกับความสนใจเหล่านั้นและไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ

เมื่อสังเกตเห็นว่าวิกตอเรียมองไปที่เหล่าบอดี้การ์ด เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้างนอกนั่นมีภัยคุกคามเยอะแยะ บางครั้งก็จำเป็นต้องลำบากหน่อย”

“เข้าใจแล้วค่ะ” วิกตอเรียตอบ

ระหว่างทาง วิกตอเรียสังเกตเห็นว่ารถสองคันที่ขับนำหน้าและตามหลังพวกเขาล้วนเป็นส่วนหนึ่งของทีมรักษาความปลอดภัยของนาธาเนียลเพื่อรับประกันความปลอดภัยของเขา

แม้จะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย วิกตอเรียก็ยังรู้สึกว่าตัวเองช่างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตระกูลครอส

“คุณครอสคะ เจเนซิส คอร์ปอเรชั่นไม่มีคลับส่วนตัวเหรอคะ ทำไมต้องเสี่ยงมาที่สาธารณะถ้ามันอันตรายด้วย”

ทันทีที่ถามจบ วิกตอเรียก็รู้สึกเสียใจที่ถามออกไป

“ไปแต่ที่เดิมๆ ทุกวันมันน่าเบื่อ”

นาธาเนียลไม่ได้โกรธและยังคงคุยกับเธออย่างเป็นกันเอง

“การเดินทางพร้อมกับบอดี้การ์ดก็ไม่ได้ลำบากอะไรมาก เดี๋ยวก็ชินไปเอง”

ไม่นานอาหารของพวกเขาก็มาเสิร์ฟ

ด้วยความหิวโซ วิกตอเรียจึงเริ่มกินโดยไม่ลังเล

นาธาเนียลแทบไม่ได้แตะอาหารของเขาเลย เขาเลือกที่จะจุดซิการ์ขึ้นสูบอย่างสบายอารมณ์ ควันสีขาวลอยอวลอยู่รอบตัว บดบังใบหน้าของเขาไว้ในม่านควัน

“คุณครอสไม่ทานเหรอคะ”

“ฉันกินมาแล้ว”

วิกตอเรียชะงักไปเมื่อตระหนักได้ว่านาธาเนียลตั้งใจมาทานอาหารเป็นเพื่อนเธอโดยเฉพาะ

เขาใส่ใจคนอื่นได้อย่างน่าประหลาดใจ

แต่ไม่ว่าเขาจะดูใส่ใจแค่ไหน เขาก็ยังเป็นแค่เสี่ยเลี้ยงของเธออยู่ดี

เธอเป็นเพียงนกขมิ้นตัวหนึ่งเท่านั้น

หลังมื้ออาหาร พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังคลับบันเทิงใกล้ๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของตระกูลครอส ที่นั่นคึกคักและเปี่ยมไปด้วยแสงสีเสียงดนตรี

ทั้งสองขึ้นลิฟต์ส่วนตัวไปยังชั้นบนสุด ที่ซึ่งมีเพียงพวกเขาในห้องสวีท

เมื่อเข้ามาในห้อง วิกตอเรียก็เอ่ยขึ้นอย่างมีไหวพริบ “ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”

ในห้องน้ำ เธอทำความสะอาดร่างกายอย่างพิถีพิถัน เป่าผมให้แห้ง และฉีดน้ำหอมจากกระเป๋าที่หลังใบหู

การคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาทำให้เธอรู้สึกปวดกราม

เขาเคยวิจารณ์ทักษะการใช้ปากของเธอ

เธอไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นกับใคร

มันรู้สึกน่าอัปยศเกินไป!

ใบหน้าของวิกตอเรียเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ก็ขนาดของเขามันใหญ่โตจนน่ากลัว และเธอก็กลัวจริงๆ ว่าจะทำให้ตัวเองเจ็บหรือร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จนไปทำลายความสุขของนาธาเนียล

เธอลองย่อตัวลงเล็กน้อย อ้าปากให้กว้างที่สุด จากนั้นจึงคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมก่อนจะเดินกลับออกไป

“คุณครอสคะ”

วิกตอเรียเรียกเบาๆ

ห้องสวีทมีระเบียงกระจกขนาดใหญ่ที่มองเห็นทิวทัศน์อันงดงาม

นาธาเนียลเอนกายอยู่บนโซฟา จิบไวน์แดงในมือ

เขาพยักพเยิดไปยังที่ว่างข้างตัวแล้วเอ่ยขึ้น “มานั่งนี่สิ”

วิกตอเรียทำตาม เอนตัวซบแขนของนาธาเนียลที่ยื่นออกมารับ ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา

นาธาเนียลใช้นิ้วม้วนเล่นเส้นผมของวิกตอเรีย พันมันรอบนิ้วชี้ของเขา

“วันนี้มีคนทวงหนี้ไปก่อกวนที่บ้านเธอบ้างหรือเปล่า” นาธาเนียลถามอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ไม่มีค่ะ ขอบคุณนะคะคุณครอส”

เขาบีบติ่งหูของเธอเบาๆ สัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นเต็มมือ

ใบหูของวิกตอเรียแดงก่ำ

เธอครุ่นคิด ทำไมเขาไม่เข้าเรื่องเลยนะ จะเล่นเกมยืดเยื้อเวลาให้อยู่นานขึ้น พูดจาอ้อมค้อมไปเพื่ออะไรกัน

“เธอมีความสัมพันธ์อะไรกับเซเวียร์” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น

วิกตอเรียตัวแข็งทื่อ

เธอไม่แน่ใจในเจตนาของนาธาเนียล จึงไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดออกไป

“ครอบครัวของเรารู้จักกันมานานแล้วค่ะ”

เธอตระหนักได้ว่านาธาเนียลไม่ได้สนใจในตัวเธอจริงๆ เขาแค่ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น

เป็นไปตามคาด เขาวางแก้วไวน์ลง กดปุ่ม แล้วม่านไฟฟ้าในห้องกระจกก็ค่อยๆ เลื่อนปิด

นาธาเนียลโน้มตัวเข้ามา ประทับรอยจูบทั้งหนักและเบา

ริมฝีปากที่แห้งผากเล็กน้อยของเขาส่งความรู้สึกวาบหวามไปทั่วผิวของเธอ

เริ่มจากคิ้ว จมูก ติ่งหู ไล่ลงมาตามลำคอระหง

แต่เขาเว้นริมฝีปากของเธอไว้

การจูบปากมีไว้สำหรับคนรัก ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกาย

วิกตอเรียหลับตาลง เอนกายนอนราบบนโซฟา แยกเรียวขาออกเพื่อโอบรัดรอบเอวสอบของนาธาเนียล

ขนาดตัวของพวกเขาทั้งสองแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายกำยำของนาธาเนียลกดทับลงบนตัววิกตอเรีย ทำให้เธอหายใจลำบาก

เธอไม่กล้าขัดขืน ทำได้เพียงพยายามคล้อยตามให้ดีที่สุด

มือของเขาที่คุ้นชินกับการจับปืนปลดเข็มขัดออก ฝ่ามือหยาบกร้านโอบรอบเอวบางของเธอ

ขณะที่เขาเข้ามาในตัวเธอ วิกตอเรียรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่างกาย

ในไม่ช้า ความรู้สึกร้อนวูบวาบก็แล่นปราดไปทั่วกระดูกสันหลัง ท่วมท้นเข้ามาในสมองและครอบงำเธอ

แม้จะปราศจากความรัก เธอกลับพบความสุขสมตามสัญชาตญาณดิบในบทรักนั้น

เมื่อเวลาผ่านไป มันก็เริ่มหนักหน่วงเกินกว่าที่วิกตอเรียจะทนไหว

แม้ร่างกายจะอ่อนล้า แต่นาธาเนียลยังคงดำเนินต่อไป เขาเปลี่ยนท่าทางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ายจากโซฟาไปยังเตียงนอน หรือแม้กระทั่งริมหน้าต่าง

สติของเธอเลือนลางจากบทรักอันรุนแรงและเกือบจะเจ็บปวดทรมาน

เรื่องราวที่ร้อนแรงแต่ก็เกือบจะเจ็บปวดนี้เป็นสิ่งที่คาดเดาได้อยู่แล้ว เธอไม่สามารถคาดหวังความอ่อนโยนจากเสี่ยเลี้ยงที่มีต่อนกขมิ้นในกรงได้

หลังจากผ่านไปราวกับชั่วนิรันดร์ ในที่สุดมันก็สิ้นสุดลง ทิ้งให้วิกตอเรียแผ่หลาอยู่บนโซฟา หอบหายใจอย่างหนัก

นาธาเนียลลุกขึ้นยืนในสภาพเปลือยเปล่า ใบหน้าของเขามีร่องรอยของความพึงพอใจและความสุข แต่ดวงตาของเขายังคงสงบนิ่งและเยือกเย็น

เขามองลงมายังวิกตอเรียจากมุมที่สูงกว่า

ผมสีทองของเธอเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ แนบติดกับแผ่นหลังราวกับตุ๊กตาที่แตกหักแต่ยังคงแข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้ หว่างคิ้วของเธอยังฉายแววดื้อรั้นดั่งต้นหญ้าป่า

ทันใดนั้น ท่าทีของนาธาเนียลก็อ่อนลงเล็กน้อย เผยให้เห็นความอ่อนโยน “พักสักหน่อยนะ ฉันจะไปอาบน้ำ”

วิกตอเรียรู้สึกราวกับว่าใบหน้าของนาธาเนียลอยู่ห่างไกล คล้ายมีม่านหมอกมาบดบัง เธอไม่มีแรงแม้แต่จะตอบรับก่อนที่เขาจะจากไป

บทก่อนหน้า
บทถัดไป